ศาลอาญารับฟ้อง “ทักษิณ” หมิ่น “กองทัพบก” พาดพิงทหารยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ทำให้เสียหาย ศาลนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลย 12 ต.ค.นี้
ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.1824/2558 ที่กองทัพบก มอบอำนาจให้ พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีเมื่อวันที่ 19 -22 พ.ค. 2558 ได้มีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี จากประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและการยึดอำนาจการปกครองของ คสช.เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557
คดีนี้โจทก์ได้ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2558 บรรยายพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 19 -22 พ.ค. 2558 จำเลย ได้ใส่ความกองทัพบก โจทก์ ว่าเป็นบุคคลน่ารังเกียจ เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และเป็นบุคคลที่ทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติซึ่งไม่ใช่ความจริง โดยจำเลยได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเมืองในประเทศไทยที่มีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทิวบ์ และสื่อออนไลน์ ซึ่งการกระทำนั้นส่งผลให้ให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง
ชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2558 พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผอ.สำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก ผู้รับมอบอำนาจจากกองทัพบก โจทก์ ได้เบิกความต่อศาลสรุปว่า ระหว่างวันที่ 19-22 พ.ค. 2558 พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลย ได้ให้สัมภาษณ์จากประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับการยึดอำนาจกระทบต่อองคมนตรี และทหารที่หมายถึงกองทัพบก รวมทั้งกล่าวหาว่าโจทก์ชื่นชอบประชาธิปไตยแบบประเทศพม่าซึ่งทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย พร้อมยื่นแผ่นซีดีและคำถอดเทปการสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ วันที่ 22 พ.ค. 2558 ส่งศาลด้วย
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า ข้อความที่จำเลยให้สัมภาษณ์ อาจทำให้บุคคลทั่วไปที่รับฟังเข้าใจได้ว่ากองทัพบก โจทก์ได้ยึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญของประเทศที่อยู่ในความรับรู้ของประชาชนทั่วไป และทำให้เข้าใจว่าองคมนตรี มีความเกี่ยวข้องกับการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ของกลุ่มนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รวมทั้งเปรียบเทียบทหารกับการปกครองในบางประเทศซึ่งเป็นที่รับรู้ของนานาชาติว่าประเทศนั้นเคยปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการทหาร ดังนั้นจึงอาจก่อให้เกิดความเข้าใจได้ว่า การยึดอำนาจปกครองประเทศนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวไม่ใช่เพื่อการรักษาความสงบของประเทศ ซึ่งน่าจะทำให้กองทัพบก โจทก์ ได้รับความเสื่อมเสีย ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง คดีจึงมีมูล ให้ประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป
ทั้งนี้ ศาลนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลย และนัดตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 12 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น. และให้โจทก์นำส่งหมายแจ้งให้จำเลยทราบนัด
ภายหลังฟังคำสั่งที่ศาลรับฟ้องแล้ว พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก กล่าวว่า ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ศาลจึงให้ส่งหมายให้คู่ความทราบ โดยเราได้ดำเนินการผ่านกระบวนการศาลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งศาลนัดพร้อมคดีอีกครั้ง 12 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ดี จากนั้นศาลก็ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป หากจำเลยไม่ได้เดินทางมาตามนัด ศาลอาจจะพิจารณาออกหมายจับต่อไปตามขั้นตอน ขณะที่การดำเนินคดีกองทัพบก มีความพร้อมอยู่แล้วหากได้ดำเนินการสืบพยานตามกระบวนการต่อไป
ด้านนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความรับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อศาลมีคำสั่งว่าคดีมูลแล้ว จากนี้โจทก์ ก็ต้องส่งหมายเรียกแจ้งนัดให้จำเลยทราบ แต่ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้พักอยู่ในประเทศ โดยลี้ภัยการเมืองอยู่ในต่างประเทศ ดังนั้นในวันที่ 12 ต.ค.นี้ ตนในฐานะทนายความ ก็ต้องแถลงต่อศาลให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไป จากเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อาจเดินทางมาศาลได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลจะพิจารณาและมีคำสั่งอย่างไรต่อไป สำหรับคดีก็ไม่มีความหนักใจ เพราะเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการยึดอำนาจ โดยตั้งแต่ ปี 2549 ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาตลอด