ASTVผู้จัดการรายวัน-โบรกฯ คาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบ จับตาการประกาศผลดำเนินงานของบริษัทในตลาดหุ้นช่วงไตรมาส2 ขณะที่ภัยแล้งมีผลกระทบแค่เชิงจิตวิทยา แนะซื้อหุ้นปันผลสูง อย่าง ADVANC-INTUCH-BTS-TVO สร้างผลตอบแทนและลดความเสี่ยง ส่วนต่างประเทศเพิ่มน้ำหนักในราคาน้ำมันที่ต้องติดตามใกล้ชิด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย(13-17ก.ค.) ว่า ดัชนี SET ปรับลดลง จากแรงขายหุ้นพลังงาน และการส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายปีนี้ มาปิดที่ระดับ 1,479.31 จุด ลดลง 0.38% โดยสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 8.22% มาที่ 32,771.37 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 634.97จุด ลดลง 1.21%
ขณะที่ สัปดาห์นี้ ( 20-24 ก.ค.) คาดว่า ดัชนีมีแนวต้านที่ 1,495 จุดและ 1,510 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,470 จุดและ 1,450 จุด ประเด็นติดตามในประเทศ ได้แก่ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2558 ของบริษัทจดทะเบียน สำหรับประเด็นในต่างประเทศ คงต้องจับตาการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในโลก รวมทั้ง การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเดือน มิ.ย. อาทิ เครื่องชี้ภาคการผลิต (Markit PMI) และเครื่องชี้ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังต้องติดตาม การรายงานดัชนี PMI ในยูโรโซน และจีน
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยเงียบเหงา พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ภาพรวมแกว่งตัวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีจังหวะสลับเป็นบวกบ้าง เนื่องจากมีแรงขายทำกำไรออกมากดดัน และแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันโลกแกว่งตัวลงอีกครั้ง จากภาวะอุปทานส่วนเกิน (Over supply) ส่วนหนึ่งมาจากกรณีอิหร่านที่น่าจะกลับมาส่งออกน้ำในได้อีกครั้งอีกใน 6 เดือนข้างหน้า และสต็อคน้ำมันในตลาดโลกมากขึ้น หลังซาอุดิอาระเบียเพิ่มกำลังการผลิต และกลุ่มโอเปกยังคงกำลังการผลิต ขณะที่หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าหลังจากที่ประกาศผลประกอบการแล้วเสร็จ อาจจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง
ส่วนปัญหาหนี้กรีซ เหลือเพียงรอการอนุมัติจากรัฐสภาเยอรมนี หลังจากผ่านขึ้นตอนรัฐสภากรีซยอมรับเงื่อนไขมาตรการรัดเข็มขัดเพื่อแลกเงินกู้ช่วยเหลือก้อนใหม่ แต่ให้ระวังแรงขายแบบ Sell on fact ในตลาดหุ้นโลก แต่คาดว่าไม่น่าจะกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก
สำหรับ สถานการณ์ภาวะภัยแล้ง เป็นปัจจัยหลักที่กระทบจิตวิทยาการลงทุนในขณะนี้ เพราะส่งผลกระทบภาคอุตสาหกรรมโดยตรงทั้งอุตสาหรรมภาคการเกษตร และภาคการผลิต โดยคาดว่าหากฝนยังไม่ตก ปริมาณน้ำจะเพียงพอต่อการใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น
ขณะที่สัปดาห์นี้ คาดหุ้นไทยแกว่งกรอบแคบ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามก็คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่เริ่มทยอยประกาศออกมาบ้างแล้ว คาดว่ากลุ่มสื่อสารน่าจะไม่ดีนัก ส่วนกลุ่มที่น่าจะออกมาดี ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มอาหาร
ด้านกลยุทธ์ แนะซื้อหุ้นปันผลสูง อาทิ ADVANC-INTUCH-BTS-TVO พร้อมกับประเมินแนวรับ 1,476 จุด แนวต้าน 1,488 จุด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย(13-17ก.ค.) ว่า ดัชนี SET ปรับลดลง จากแรงขายหุ้นพลังงาน และการส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายปีนี้ มาปิดที่ระดับ 1,479.31 จุด ลดลง 0.38% โดยสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 8.22% มาที่ 32,771.37 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 634.97จุด ลดลง 1.21%
ขณะที่ สัปดาห์นี้ ( 20-24 ก.ค.) คาดว่า ดัชนีมีแนวต้านที่ 1,495 จุดและ 1,510 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,470 จุดและ 1,450 จุด ประเด็นติดตามในประเทศ ได้แก่ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2558 ของบริษัทจดทะเบียน สำหรับประเด็นในต่างประเทศ คงต้องจับตาการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในโลก รวมทั้ง การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเดือน มิ.ย. อาทิ เครื่องชี้ภาคการผลิต (Markit PMI) และเครื่องชี้ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังต้องติดตาม การรายงานดัชนี PMI ในยูโรโซน และจีน
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยเงียบเหงา พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ภาพรวมแกว่งตัวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีจังหวะสลับเป็นบวกบ้าง เนื่องจากมีแรงขายทำกำไรออกมากดดัน และแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันโลกแกว่งตัวลงอีกครั้ง จากภาวะอุปทานส่วนเกิน (Over supply) ส่วนหนึ่งมาจากกรณีอิหร่านที่น่าจะกลับมาส่งออกน้ำในได้อีกครั้งอีกใน 6 เดือนข้างหน้า และสต็อคน้ำมันในตลาดโลกมากขึ้น หลังซาอุดิอาระเบียเพิ่มกำลังการผลิต และกลุ่มโอเปกยังคงกำลังการผลิต ขณะที่หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าหลังจากที่ประกาศผลประกอบการแล้วเสร็จ อาจจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง
ส่วนปัญหาหนี้กรีซ เหลือเพียงรอการอนุมัติจากรัฐสภาเยอรมนี หลังจากผ่านขึ้นตอนรัฐสภากรีซยอมรับเงื่อนไขมาตรการรัดเข็มขัดเพื่อแลกเงินกู้ช่วยเหลือก้อนใหม่ แต่ให้ระวังแรงขายแบบ Sell on fact ในตลาดหุ้นโลก แต่คาดว่าไม่น่าจะกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก
สำหรับ สถานการณ์ภาวะภัยแล้ง เป็นปัจจัยหลักที่กระทบจิตวิทยาการลงทุนในขณะนี้ เพราะส่งผลกระทบภาคอุตสาหกรรมโดยตรงทั้งอุตสาหรรมภาคการเกษตร และภาคการผลิต โดยคาดว่าหากฝนยังไม่ตก ปริมาณน้ำจะเพียงพอต่อการใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น
ขณะที่สัปดาห์นี้ คาดหุ้นไทยแกว่งกรอบแคบ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามก็คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่เริ่มทยอยประกาศออกมาบ้างแล้ว คาดว่ากลุ่มสื่อสารน่าจะไม่ดีนัก ส่วนกลุ่มที่น่าจะออกมาดี ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มอาหาร
ด้านกลยุทธ์ แนะซื้อหุ้นปันผลสูง อาทิ ADVANC-INTUCH-BTS-TVO พร้อมกับประเมินแนวรับ 1,476 จุด แนวต้าน 1,488 จุด