นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชีย พลัส คาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ว่า
ยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะขยายตัวออกด้านข้าง นักลงทุนยังขาดความมั่นใจที่จะเข้าลงทุน เนื่องจากปัจจัยลบยังคงเด่นชัดทั้ง 1.สถานการณ์ภัยแล้งฉุดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ 2.การปรับลดการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนลง ส่งผลให้ PE ณ ปัจจุบันที่ 16 เท่าถือว่าสูงมาก 3.ค่าเงินบาทแนวโน้มที่จะอ่อนค่าต่อเนื่องลงอีก ซึ่งการอ่อนค่าของเงินบาทในทางสถิติจะกดดันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยให้ปรับลดลงด้วย และ 4.นักวิเคราะห์อยู่ระหว่างพิจารณาปรับลดเป้าดัชนีฯ สิ้นปีลง
“เรายังมีภาวะช็อกเศรษฐกิจที่อาจคาดไม่ถึงอีก ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในการนำเงินเข้ามาลงทุน ประกอบกับขณะนี้ผลประกอบการไตรมาส 2/58 ออกมาแย่กว่าที่เราประมาณการไว้ ทำให้อาจมีการพิจารณาปรับลดทั้งกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน และเป้าดัชนีฯ สิ้นปีที่อาจเหลือแค่ 1,420 จุด”
นายประกิต กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ Fed มีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวตามคาด กดดันเงินบาทไทยจนมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงอีก ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ใช้สมการถดถอยคำนวณ พบว่า หากค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.2-34.5 บาทต่อดอลลาร์ SET จะแกว่งในกรอบ 1,450-1,470 จุด
“เรากำลังวิเคราะห์หุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบบวก-ลบจากค่าเงินบาทอ่อน โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางลบมีถึง 7 กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหาร กลุ่มค้าปลีก กลุ่มพลังงาน ซึ่งล้วนมีขนาดใหญ่ และส่งผลกระทบต่อดัชนีรวมมาก ขณะที่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางบวกมีเพียง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งมีน้ำหนักน้อยกว่า”
ดังนั้น การลงทุนในสถานการณ์นี้ นายประกิต แนะนำเลือกลงทุนรายหุ้นที่มีศัยกภาพ เช่น หุ้น High Dividend Yield หุ้นผลประกอบการงวด 2Q58 เด่น รวมถึงหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ จากโอกาสในการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ CK