xs
xsm
sm
md
lg

แนะเลือกลงทุนหุ้นปันผลสูง ช่วยลดความเสี่ยงช่วงภาวะตลาดผันผวน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

บลจ.กสิกร เผยแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปครึ่งปีหลังฟื้นค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นของอีซีบี ชี้ช่วยหนุน บจ.ในตลาดหุ้นยุโรป คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ต้องจับตาผลประกอบการ บจ. เป็นหลัก ด้านนักวิเคราะห์ฯ คาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบ จับตาการประกาศผลดำเนินงานของบริษัทในตลาดหุ้นช่วงไตรมาส 2 ขณะที่ภัยแล้งมีผลกระทบแค่เชิงจิตวิทยา แนะซื้อหุ้นปันผลสูง อย่าง ADVANC-INTUCH-BTS-TVO สร้างผลตอบแทน และลดความเสี่ยง ส่วนต่างประเทศเพิ่มน้ำหนักในราคาน้ำมันที่ต้องติดตามใกล้ชิด

นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมของยุโรปในช่วงครึ่งปีหลัง 2558 จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป คาดว่าในปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 1.5% และคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 0% ซึ่งปัจจัยบวกจะมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่ยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบอย่างต่อเนื่องเป็นวงเงินกว่า 60,000 ล้านยูโรต่อเดือน ตั้งแต่ มี.ค.2558-ก.ย.2559 จะส่งผลให้ค่าเงินยูโรมีทิศทางอ่อนค่า และจะช่วยหนุนด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรป

นอกจากนี้ อีซีบียังได้ดำเนินการอัดฉีดเม็ดเงินให้แก่เศรษฐกิจของกรีซอีกครั้ง หลังจากกรีซได้ตกลงยอมรับเงื่อนไขการรับเงินกู้เพิ่มเติม ซึ่งส่งผลทำให้ธนาคารของกรีซจะสามารถกลับมาเปิดทำการได้ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ และจะส่งผลบวกทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจของยุโรปปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความกังวลในตลาดหุ้นยุโรปลง อย่างไรก็ดี นักลงทุนอาจต้องใช้ความระมัดระวัง และจับตามองการแก้ไขปัญหาหนี้ของกรีซในระยะยาว ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และการลงทุนในระยะต่อไปด้วย

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย (13-17ก.ค.) โดยมองว่า ดัชนี SET ปรับลดลงจากแรงขายหุ้นพลังงาน และการส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายปีนี้มาปิดที่ระดับ 1,479.31 จุด ลดลง 0.38% โดยสัปดาห์ก่อนมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 8.22% มาที่ 32,771.37 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 634.97 จุด ลดลง 1.21%

ขณะที่สัปดาห์นี้ (20-24 ก.ค.) คาดว่า ดัชนีมีแนวต้านที่ 1,495 จุด และ 1,510 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,470 จุด และ 1,450 จุด ประเด็นติดตามในประเทศ ได้แก่ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2558 ของบริษัทจดทะเบียน สำหรับประเด็นในต่างประเทศคงต้องจับตาการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในโลก รวมทั้งการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเดือน มิ.ย. เช่น เครื่องชี้ภาคการผลิต (Markit PMI) และเครื่องชี้ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการรายงานดัชนี PMI ในยูโรโซน และจีน

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยเงียบเหงา พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ภาพรวมแกว่งตัวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีจังหวะสลับเป็นบวกบ้าง เนื่องจากมีแรงขายทำกำไรออกมากดดัน และแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันโลกแกว่งตัวลงอีกครั้ง จากภาวะอุปทานส่วนเกิน (Over supply) ส่วนหนึ่งมาจากกรณีอิหร่านที่น่าจะกลับมาส่งออกน้ำในได้อีกครั้งอีกใน 6 เดือนข้างหน้า และสต๊อกน้ำมันในตลาดโลกมากขึ้น หลังซาอุดีอาระเบียเพิ่มกำลังการผลิต และกลุ่มโอเปกยังคงกำลังการผลิต ขณะที่หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าหลังจากที่ประกาศผลประกอบการแล้วเสร็จอาจจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง

ส่วนปัญหาหนี้กรีซ เหลือเพียงรอการอนุมัติจากรัฐสภาเยอรมนี หลังจากผ่านขึ้นตอนรัฐสภากรีซยอมรับเงื่อนไขมาตรการรัดเข็มขัดเพื่อแลกเงินกู้ช่วยเหลือก้อนใหม่ แต่ให้ระวังแรงขายแบบ Sell on fact ในตลาดหุ้นโลก แต่คาดว่าไม่น่าจะกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก

สำหรับสถานการณ์ภาวะภัยแล้งเป็นปัจจัยหลักที่กระทบจิตวิทยาการลงทุนในขณะนี้ เพราะส่งผลกระทบภาคอุตสาหกรรมโดยตรง ทั้งอุตสาหรรมภาคการเกษตร และภาคการผลิต โดยคาดว่าหากฝนยังไม่ตก ปริมาณน้ำจะเพียงพอต่อการใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น

ขณะที่สัปดาห์นี้คาดหุ้นไทยแกว่งกรอบแคบ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามก็คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่เริ่มทยอยประกาศออกมาบ้างแล้ว คาดว่ากลุ่มสื่อสารน่าจะไม่ดีนัก ส่วนกลุ่มที่น่าจะออกมาดี ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มอาหาร

ด้านกลยุทธ์ แนะซื้อหุ้นปันผลสูง เช่น ADVANC-INTUCH-BTS-TVO พร้อมกับประเมินแนวรับ 1,476 จุด แนวต้าน 1,488 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น