ASTV ผู้จัดการรายวัน - เทขายกลุ่มแบงก์หวั่น NPL พุ่ง กดดัชนีหลุด 1500 จุด นักวิเคราะห์แนะนำเป็นโอกาสดีไล่ซื้อหุ้นปันผลดี ด้านบล.ทรีนีตี้ ยังคงมุมมองเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,600-1,640 จุด
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 2 กรกฎาคม 2558 ปิดไปที่ 1,491.62 จุด ลดลง 12.93 จุด เปลี่ยนแปลง -0.86% มูลค่าการซ้อขาย 47,256.19 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดสามารถแตะจุดสูงสุดที่ 1,505.41 จุด และต่ำสุดที่ 1,490.80 จุด สถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,966.26 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 4,365.16 ล้านบาท ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,070.57 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 5,260.84 ล้านบาท
โดยหุ้นกลุ่มธนาคารปิดตลาด ลบ 15.57 จุด ที่ 481.42 จุด เปลี่ยนแปลง -3.13% มูลค่าการซื้อขาย 16,696,629 ล้านบาท หุ้นที่ถูกขายมากที่สุดคือ KBANK ปิดที่ 179 บาท ลดลง 10 บาท เปลี่ยนแปลง -5.29% มูลค่าการซื้อขาย 7,033,161 ล้านบาท SCB ปิดที่ 150 บาท ลดลง 5.50 บาท เปลี่ยนแปลง -3.54% มูลค่าการซื้อขาย 2,727,365 ล้านบาท และ KTB ปิดที่ 16.70 บาท เปลี่ยนแปลง -0.40 บาท เปลี่ยนแปลง -2.34% มูลค่าการซื้อขาย 1,826,727 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. เอเซีย พลัส ระบุหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังคงกดดันดัชนีต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จาการคาดการณ์กำไรในไตรมาส 2/58 ที่มีแนวโน้มปรับลดลงทั้ง qoq และ yoy สืบเนื่องมาจาก NlM ที่ลดลง และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ (Credit Cost) ตามระดับ NPL ที่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น โดยหุ้นหลักในกลุ่มทยอยติดลบกันทั้งหมด เริ่มจาก KBANK SCB KTB และ BBL ติดลบ 2.25%
“ณ ปัจจุบันระดับ PBV ของหุ้นปรับลดลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 12 ปี แสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นได้ซึมซับปัจจัยกดดันในประเด็นดังกล่าวไปพอสมควร และน่าจะทาให้ Downside Risk เริ่มจำกัด อย่างไรก็ตามในระยะสั้นยังคงแนะนำให้ควรชะลอการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกไปก่อน” นายประกิต กล่าว
ทั้งนี้คาดว่าวันนี้ (3 ก.ค.) ดัชนีน่าจะผันผวนในกรอบ เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ พร้อมแนะนำนักลงทุนเลือกลงทุนรายหลักทรัพย์ โดยหุ้นเด่นเดือน ก.ค.58 เน้น High Dividend Yield ADVANC lNTUCH SENA TVO และ TTW หุ้นกลุ่มรับเหมาฯจากโอกาสในการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ CK, STEC และหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการดีต่อเนื่อง TASCO, lRPC
สอดคล้องกับฝ่ายวิคราะห์ บล.กสิกรไทย ที่มองว่าดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ยังเผชิญแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่ม Bank เนื่องจากการเข้าสู่ช่วงคาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 ซึ่งธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มของการตั้งสำรอง และอัตราส่วนหนี้เสีย (NPL ratio) เพิ่มเติม ทั้งนี้ หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด KBANK
"ตลาดถูกกดดันจากแนวโน้ม NPL และการตั้งสำรองของกลุ่มธนาคารที่เพิ่มขึ้น โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และมีแนวโน้มจะเร่งตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ส่งผลให้การตั้งสำรองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งจะกดดันกำไรของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ไปอีกระยะ เรามองตลาดรับรู้ความเสี่ยงหนี้กรีซไปแล้วและมีโอกาสฟื้นตัว เพียงแต่ประเด็นผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารอาจทำให้ตลาดไม่เดินหน้าไกล แต่ประเมินจิตวิทยาการเก็งกำไรหุ้นรายตัวจะเป็นบวก และเรายังคงมุมมองทยอยสะสม โดยคาดหวังการฟื้นตัวของตลาดในช่วงไตรมาส 3” นักวิเคราะห์ กล่าว
พร้อมกันนี้คาดการณ์ความเคลื่อนไหววันนี้ดัชนีมีโอกาสรีบาวด์เทคนิค เพราะปรับตัวลงไประดับหนึ่งแล้ว จึงแนะนำทยอยสะสม หุ้นเอเชียมีโอกาสฟื้นตัวกลับมาได้เร็วกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เราจึงแนะนำหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ SCC MINT CENTEL PTT PTTGC IVL IRPC CPN โดยดัชนีแนวต้าน: 1,510 จุด แนวรับ: 1,490 จุด
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 2 กรกฎาคม 2558 ปิดไปที่ 1,491.62 จุด ลดลง 12.93 จุด เปลี่ยนแปลง -0.86% มูลค่าการซ้อขาย 47,256.19 ล้านบาท โดยระหว่างเทรดสามารถแตะจุดสูงสุดที่ 1,505.41 จุด และต่ำสุดที่ 1,490.80 จุด สถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,966.26 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 4,365.16 ล้านบาท ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,070.57 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 5,260.84 ล้านบาท
โดยหุ้นกลุ่มธนาคารปิดตลาด ลบ 15.57 จุด ที่ 481.42 จุด เปลี่ยนแปลง -3.13% มูลค่าการซื้อขาย 16,696,629 ล้านบาท หุ้นที่ถูกขายมากที่สุดคือ KBANK ปิดที่ 179 บาท ลดลง 10 บาท เปลี่ยนแปลง -5.29% มูลค่าการซื้อขาย 7,033,161 ล้านบาท SCB ปิดที่ 150 บาท ลดลง 5.50 บาท เปลี่ยนแปลง -3.54% มูลค่าการซื้อขาย 2,727,365 ล้านบาท และ KTB ปิดที่ 16.70 บาท เปลี่ยนแปลง -0.40 บาท เปลี่ยนแปลง -2.34% มูลค่าการซื้อขาย 1,826,727 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. เอเซีย พลัส ระบุหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังคงกดดันดัชนีต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จาการคาดการณ์กำไรในไตรมาส 2/58 ที่มีแนวโน้มปรับลดลงทั้ง qoq และ yoy สืบเนื่องมาจาก NlM ที่ลดลง และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ (Credit Cost) ตามระดับ NPL ที่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น โดยหุ้นหลักในกลุ่มทยอยติดลบกันทั้งหมด เริ่มจาก KBANK SCB KTB และ BBL ติดลบ 2.25%
“ณ ปัจจุบันระดับ PBV ของหุ้นปรับลดลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 12 ปี แสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นได้ซึมซับปัจจัยกดดันในประเด็นดังกล่าวไปพอสมควร และน่าจะทาให้ Downside Risk เริ่มจำกัด อย่างไรก็ตามในระยะสั้นยังคงแนะนำให้ควรชะลอการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกไปก่อน” นายประกิต กล่าว
ทั้งนี้คาดว่าวันนี้ (3 ก.ค.) ดัชนีน่าจะผันผวนในกรอบ เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ พร้อมแนะนำนักลงทุนเลือกลงทุนรายหลักทรัพย์ โดยหุ้นเด่นเดือน ก.ค.58 เน้น High Dividend Yield ADVANC lNTUCH SENA TVO และ TTW หุ้นกลุ่มรับเหมาฯจากโอกาสในการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ CK, STEC และหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการดีต่อเนื่อง TASCO, lRPC
สอดคล้องกับฝ่ายวิคราะห์ บล.กสิกรไทย ที่มองว่าดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ยังเผชิญแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่ม Bank เนื่องจากการเข้าสู่ช่วงคาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 ซึ่งธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มของการตั้งสำรอง และอัตราส่วนหนี้เสีย (NPL ratio) เพิ่มเติม ทั้งนี้ หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด KBANK
"ตลาดถูกกดดันจากแนวโน้ม NPL และการตั้งสำรองของกลุ่มธนาคารที่เพิ่มขึ้น โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และมีแนวโน้มจะเร่งตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ส่งผลให้การตั้งสำรองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งจะกดดันกำไรของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ไปอีกระยะ เรามองตลาดรับรู้ความเสี่ยงหนี้กรีซไปแล้วและมีโอกาสฟื้นตัว เพียงแต่ประเด็นผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารอาจทำให้ตลาดไม่เดินหน้าไกล แต่ประเมินจิตวิทยาการเก็งกำไรหุ้นรายตัวจะเป็นบวก และเรายังคงมุมมองทยอยสะสม โดยคาดหวังการฟื้นตัวของตลาดในช่วงไตรมาส 3” นักวิเคราะห์ กล่าว
พร้อมกันนี้คาดการณ์ความเคลื่อนไหววันนี้ดัชนีมีโอกาสรีบาวด์เทคนิค เพราะปรับตัวลงไประดับหนึ่งแล้ว จึงแนะนำทยอยสะสม หุ้นเอเชียมีโอกาสฟื้นตัวกลับมาได้เร็วกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เราจึงแนะนำหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ SCC MINT CENTEL PTT PTTGC IVL IRPC CPN โดยดัชนีแนวต้าน: 1,510 จุด แนวรับ: 1,490 จุด