หุ้นปิดลบ 19.18 จุด ทิศทางเดียวกับภูมิภาค กังวลปัญหากรีซผิดชำระหนี้ ขณะที่ยอดเงินฝากต่ำสุดรอบ 10 ปี เสี่ยงต้องออกจากยูโรโซน ขณะที่โบรกฯ ต่างชาติได้ปรับลดคำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมไปถึงตลาดหุ้นภูมิภาค ทำให้สถานการณ์ยิ่งน่าเป็นห่วง ส่วนในประเทศเจอปัญหาเงินเฟ้อติดลบ อาจทำให้ กนง.ต้องหั่น ดบ.ลงอีก ส่งผลกดดันเงินบาทอ่อนค่า
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (2 มิ.ย.) ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,476.87 จุด ลดลง 19.18 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.28% มูลค่าการซื้อขาย 37,997.71 ล้านบาท โดยภาพรวมในวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,494.19 จุด ส่วนดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,476.28 จุด
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ โดยมีปัจจัยกดดันมาจากความกังวลเรื่องกรีซ ที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซ ส่งผลให้การได้รับเงินช่วยเหลือในเดือน มิ.ย.นี้ล่าช้าออกไป และอาจจะมีการผิดนัดชำระหนี้
โดยกรีซมีนัดชำระหนี้ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ (5 มิ.ย.) ประกอบกับยอดเงินฝากของกรีซ ถือว่าอยู่ในระดับต่ำในรอบ 10 ปี หรือประมาณ 1.3 แสนล้านยูโร ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก็มีมุมมองว่า กรีซอาจจะมีความเสี่ยงที่จะต้องออกจากลุ่มยูโรโซน
ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศยังมีแรงกดดันในเรื่องของการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน และน่าจะมีโอกาสปรับลงไปอีก ซึ่งมองว่าจะส่งผลต่อผลตอบแทนในตลาดที่จะได้น้อยลง จาก P/E ที่แพงทำให้มีอัปไซด์จำกัดในการปรับขึ้น
นอกจากนี้ ยังรวมถึงกระทรวงพาณิชย์ออกมาเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบ 1.2% และมีความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ที่จะประชุมในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ น่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง ส่งผลต่อค่าเงินบาทที่จะอ่อนค่าลงไปอีก
นอกจากนี้ โบรกเกอร์จากต่างประเทศได้ปรับลดคำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมไปถึงตลาดหุ้นภูมิภาค ทำให้สถานการณ์โดยรวมยังมีแต่ภาวะกดดัน ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และการเจรจาระหว่างกรีซและทรอยก้าคืนนี้
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (3 มิ.ย.) นายประกิต กล่าวว่า ดัชนีฯ น่าจะซึมลงต่อ แต่ไม่มาก แต่มีโอกาสฟื้นตัวได้บ้างในช่วงบ่าย พร้อมให้กรอบแนวต้าน 1,490 จุด แนวรับ 1,470 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,048.34 ล้านบาท ปิดที่ 342.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
TASCO มูลค่าการซื้อขาย 1,832.67 ล้านบาท ปิดที่ 20.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.20 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,730.40 ล้านบาท ปิดที่ 154.00 บาท ลดลง 4.50 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,664.72 ล้านบาท ปิดที่ 11.10 บาท ลดลง 0.40 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,598.01 ล้านบาท ปิดที่ 192.50 บาท ลดลง 2.50 บาท