เมื่อเวลา 9.00 น. วานนี้ (15ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 3/2558 จะมีการหารือเรื่อง การคืนความถี่ 1800 MHz(เมกะเฮิร์ต) เพื่อนำมาใช้ในการประมูล 4G ในแบนด์วิธ 30 MHz และพิจารณาเรื่องความถี่ 5 MHz ที่เป็นข้อเสนอเดิมของ กสท.โทรคมนาคม ผู้ให้สัญญาสัมปทาน กับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบ กสทช. ก็จะเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นสาธารณะ หรือทำประชาพิจารณ์ ก่อนนำมาประมูลรวมกับความถี่ 1800 MHz ของ กสทช. ตามแผนในเดือนพฤศจิกายนนี้
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอนหนึ่ง โดยยอมรับว่า การดำเนินงานใดก็ตาม ที่มีคำว่ารายได้จำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง จะเริ่มต้นด้วยความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในทันที ดังนั้นในการทำงานจะต้องคำนึงถึงบริบทภายนอกร่วม ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้รัฐบาลไม่ต้องการให้ประชาชนไม่ไว้วางใจคณะทำงานชุดนี้ จึงขอให้ทุกกระทรวงช่วยรัฐบาลประชาสัมพันธ์ ชี้แจง และ ทำความเข้าใจแก่ประชาชน เพราะเชื่อว่า ทุกคนต่างเฝ้ารอติดตามความคืบหน้าเศรษฐกิจดิจิทัลอยู่
ด้านนายพรชัย รุจิประภา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที นางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงไอซีที นายสิทธิชัย โภไคยอุดม ที่ปรึกษา ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 3/2558 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ การคืนความถี่ 5 MHz จากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อนำมาใช้ในการประมูลใบอนุญาต 4G ย่านความถี่ 1800 MHz จำนวน 2 ใบ ใบละ 15 MHz ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการใช้สัญญาณ 4G ขึ้นมากกว่า 10 เท่า และ จะช่วยให้มีรายได้จากการประมูลเพิ่มขึ้น 5,000-6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กสทช.ก็จะเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นสาธารณะ หรือ ทำประชาพิจารณ์ และ จัดการประมูล 4G ตามกำหนดเดิมในเดือนพฤศจิกายนนี้
ส่วนความคืบหน้าโครงการ ดาต้า เซนเตอร์ หรือ ศูนย์ข้อมูลแห่งชาติ ขณะนี้ได้มีการคัดเลือกเอกชนแล้ว 20 ราย มีบริษัทระดับโลกสนใจร่วมลงทุนกับบริษัทไทย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOIจะเข้าไปดูเนื้อหาและรายละเอียด รวมถึงสิทธิประโยชน์ในการลงทุนต่อไป เบื้องต้นจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้ดำเนินการจากกำหนดเดิมในเดือนธันวาคม ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลางแห่งอาเซียน และ เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการใช้งานเครือข่ายออนไลน์ หรือ cyber security ติดตาม ตรวจสอบการจดทะเบียนชื่อเว็บไซต์ หรือ domain name ซึ่งเป็นชื่อจำเพาะของไทย เช่น มวยไทย อาหารไทย เป็นต้น เพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์ของไทยเอาไว้ด้วย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้เร่งดำเนินการจัดเก็บสายเคเบิล สายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ ที่บดบังทรรศนียภาพให้เรียบร้อย ด้วยการนำลงไปเก็บไว้ใต้ดิน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเป็นประเทศแห่งดิจิทัลอีโคโนมี อย่างแท้จริง โดยตั้งคณะทำงานเพื่อบูรณาการทุกหน่วยงานไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และเร่งรัดให้ดำเนินการโดยทันที เพราะบางหน่วยงานได้เริ่มดำเนินการไปแล้วบางส่วน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมจัดทำแผนพัฒนาดิจิทัลอีโคโนมี ฉบับใหม่ ซึ่งจะเป็นการวางนโยบายสำคัญให้สอดคล้องกับกฎหมายฉบับใหม่ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จ ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเน้นการสนับสนุนภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอนหนึ่ง โดยยอมรับว่า การดำเนินงานใดก็ตาม ที่มีคำว่ารายได้จำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง จะเริ่มต้นด้วยความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในทันที ดังนั้นในการทำงานจะต้องคำนึงถึงบริบทภายนอกร่วม ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้รัฐบาลไม่ต้องการให้ประชาชนไม่ไว้วางใจคณะทำงานชุดนี้ จึงขอให้ทุกกระทรวงช่วยรัฐบาลประชาสัมพันธ์ ชี้แจง และ ทำความเข้าใจแก่ประชาชน เพราะเชื่อว่า ทุกคนต่างเฝ้ารอติดตามความคืบหน้าเศรษฐกิจดิจิทัลอยู่
ด้านนายพรชัย รุจิประภา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที นางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงไอซีที นายสิทธิชัย โภไคยอุดม ที่ปรึกษา ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 3/2558 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ การคืนความถี่ 5 MHz จากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อนำมาใช้ในการประมูลใบอนุญาต 4G ย่านความถี่ 1800 MHz จำนวน 2 ใบ ใบละ 15 MHz ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการใช้สัญญาณ 4G ขึ้นมากกว่า 10 เท่า และ จะช่วยให้มีรายได้จากการประมูลเพิ่มขึ้น 5,000-6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กสทช.ก็จะเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นสาธารณะ หรือ ทำประชาพิจารณ์ และ จัดการประมูล 4G ตามกำหนดเดิมในเดือนพฤศจิกายนนี้
ส่วนความคืบหน้าโครงการ ดาต้า เซนเตอร์ หรือ ศูนย์ข้อมูลแห่งชาติ ขณะนี้ได้มีการคัดเลือกเอกชนแล้ว 20 ราย มีบริษัทระดับโลกสนใจร่วมลงทุนกับบริษัทไทย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOIจะเข้าไปดูเนื้อหาและรายละเอียด รวมถึงสิทธิประโยชน์ในการลงทุนต่อไป เบื้องต้นจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้ดำเนินการจากกำหนดเดิมในเดือนธันวาคม ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลางแห่งอาเซียน และ เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการใช้งานเครือข่ายออนไลน์ หรือ cyber security ติดตาม ตรวจสอบการจดทะเบียนชื่อเว็บไซต์ หรือ domain name ซึ่งเป็นชื่อจำเพาะของไทย เช่น มวยไทย อาหารไทย เป็นต้น เพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์ของไทยเอาไว้ด้วย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้เร่งดำเนินการจัดเก็บสายเคเบิล สายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ ที่บดบังทรรศนียภาพให้เรียบร้อย ด้วยการนำลงไปเก็บไว้ใต้ดิน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเป็นประเทศแห่งดิจิทัลอีโคโนมี อย่างแท้จริง โดยตั้งคณะทำงานเพื่อบูรณาการทุกหน่วยงานไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และเร่งรัดให้ดำเนินการโดยทันที เพราะบางหน่วยงานได้เริ่มดำเนินการไปแล้วบางส่วน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมจัดทำแผนพัฒนาดิจิทัลอีโคโนมี ฉบับใหม่ ซึ่งจะเป็นการวางนโยบายสำคัญให้สอดคล้องกับกฎหมายฉบับใหม่ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จ ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเน้นการสนับสนุนภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน