นายกฯ ประชุมกก.เตรียมการด้านดิจิตอลฯ ครั้งที่ 3 โอดงานใดรายได้แยะจะเริ่มด้วยความไม่ไว้ใจทันที ขอทุกกระทรวงช่วยประชาสัมพันธ์แจงปชช. ที่ประชุมสรุป เห็นชอบการคืนความถี่ 5 MHz จากบริษัทกสท. ไร้เงื่อนไข นำมาใช้ประมูลใบอนุญาติ 4G เร่งสร้างศูนย์ข้อมูลแห่งชาติ เริ่มต.ค. สั่งยกระดับความปลอดภัยเครือข่ายออนไลน์ เร่งเก็บสายต่างๆลงดินสร้างภาพลักษณ์ชาติแห่งดิจิทัลอีโคโนมี
วันนี้ (15 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 3/2558 จะมีการหารือเรื่องการคืนความถี่ 1800 MHz (เมกะเฮิรตซ์) เพื่อนำมาใช้ในการประมูล 4G ในแบนด์วิธ 30 MHz และพิจารณาเรื่องความถี่ 5 MHz ที่เป็นข้อเสนอเดิมของ กสท.โทรคมนาคม ผู้ให้สัญญาสัมปทาน กับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ที่หากผ่านความเห็นชอบ กสทช.ก็จะเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นสาธารณะ หรือทำประชาพิจารณ์ ก่อนนำมาประมูลรวมกับความถี่ 1800 MHz ของ กสทช.ตามแผนในเดือนพฤศจิกายนนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวตอนหนึ่งโดยยอมรับว่า การดำเนินงานใดก็ตามที่มีคำว่ารายได้จำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้องจะเริ่มต้นด้วยความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในทันที ดังนั้น ในการทำงานจะต้องคำนึงถึงบริบทภายนอกร่วม ในสถานการณ์เช่นนี้รัฐบาลไม่ต้องการให้ประชาชนไม่ไว้วางใจคณะทำงานชุดนี้ จึงขอให้ทุกกระทรวงช่วยรัฐบาลประชาสัมพันธ์ชี้แจง และทำความเข้าใจแก่ประชาชน เพราะเชื่อว่าทุกคนต่างเฝ้ารอติดตามความคืบหน้าเศรษฐกิจดิจิตอลอยู่
ด้านนายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที นางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงไอซีที นายสิทธิชัย โภไคยอุดม ที่ปรึกษาหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ร่วมกันแถลงข่าวผลการ ประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 3/2558 ว่าที่ประชุมเห็นชอบ การคืนความถี่5 MHz จากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อนำมาใช้ในการประมูลใบอนุญาติ 4G ย่านความถี่1800 MHz จำนวน 2 ใบ ใบละ 15 MHz ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการใช้สัญญาณ 4G ขึ้นมากกว่า 10 เท่า และ จะช่วยให้มีรายได้จากการประมูลเพิ่มขึ้น 5,000-6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กสทช.ก็จะเดินหน้ารับฟังความคิดเห็นสาธารณะ หรือ ทำประชาพิจารณ์ และ จัดการประมูล 4G ตามกำหนดเดิมในเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนความคืบหน้าโครงการดาต้า เซนเตอร์ หรือ ศูนย์ข้อมูลแห่งชาติ ขณะนี้ได้มีการคัดเลือกเอกชนแล้ว 20 ราย มีบริษัทระดับโลกสนใจร่วมลงทุนกับบริษัทไทย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI จะเข้าไปดูเนื้อหาและรายละเอียด รวมถึงสิทธิประโยชน์ในการลงทุนต่อไป เบื้องต้นจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้ดำเนินการจากกำหนดเดิมในเดือนธันวาคม ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลางแห่งอาเซียน และ เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการใช้งานเครือข่ายออนไลน์ หรือ cyber security ติดตาม ตรวจสอบการจดทะเบียนชื่อเวปไซต์ หรือ domain name ซึ่งเป็นชื่อจำเพาะของไทย เช่น มวยไทย อาหารไทย เป็นต้น เพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์ของไทยเอาไว้ด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้เร่งดำเนินการจัดเก็บสายเคเบิล สายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ ที่บดบังทรรศนียภาพให้เรียบร้อย ด้วยการนำลงไปเก็บไว้ใต้ดิน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเป็นประเทศแห่งดิจิทัลอีโคโนมีอย่างแท้จริง โดยตั้งคณะทำงานเพื่อบูรณาการทุกหน่วยงานไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และ เร่งรัดให้ดำเนินการโดยทันที เพราะบางหน่วยงานได้เริ่มดำเนินการไปแล้วบางส่วน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมจัดทำแผนพัฒนาดิจิทัลอีโคโนมีฉบับใหม่ ซึ่งจะเป็นการวางนโยบายสำคัญให้สอดคล้องกับกฎหมายฉบับใหม่ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเน้นการสนับสนุนภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน