xs
xsm
sm
md
lg

อย่าปล่อย “คำรณวิทย์” ลอยนวล

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา

คงเป็นคำถามคาใจไปอีกนานว่า เหตุใดอัยการญี่ปุ่นจึงใจดี ตีความว่าพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ไม่มีเจตนาพกปืนเข้าไปในสนามบินนาริตะ และสั่งไม่ฟ้อง โดยทิ้งไว้เพียงเงื่อนไขเดียว

สั่งห้าม “คำรณวิทย์” เข้าญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 ปี

พล.ต.ท.คำรณวิทย์รอดอย่างปาฏิหาริย์ จะด้วยแต่ชาติปางก่อน หรือมีคนใหญ่คนโตจากประเทศไทย เข้าไปวิ่งเต้นช่วยเหลือ ตามที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันหรือไม่ เป็นเรื่องที่สุดจะคาดเดา

แต่คนที่ตัดสินไปล่วงหน้าแล้วว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ต้องติดคุกญี่ปุ่นแน่ๆ ย่อมเสียความรู้สึกเป็นธรรมดา และคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจเท่านั้น

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ถูกปล่อยตัวกลับมาประเทศไทยแล้ว และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คงกลัวสังคมจะตั้งคำถาม จึงชิงสั่งการให้พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 สอบสวนอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สางปมลักลอบนำปืนขึ้นเครื่องบินพกไปญี่ปุ่น

แต่ตำรวจสอบตำรวจด้วยกัน ประชาชนคงไม่คาดหวังเท่าไหร่ เพราะเรื่องใหญ่โตไม่แพ้กัน คดีถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผบ.ตร. ตำรวจยังเตะถ่วงหน้าตาเฉยเลย

คดี “คำรณวิทย์” ทำไมพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน จะมโนคดีให้เป็นอื่นไม่ได้ เพราะคดีน้องโบว์ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ซึ่งถูกตำรวจยิงระเบิดแก๊สน้ำตาใส่จนเสียชีวิตในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 พล.ต.ท.อำนวยยังเคยมโนว่า น้องโบว์พกระเบิดมาเองแล้ว

ปืนพกขนาดจิ๋วที่ญี่ปุ่นยึดไป พล.ต.ท.คำรณวิทย์สารภาพแล้วว่า พกพาจากประเทศไทย และไม่รู้ว่าเป็นปืนเถื่อนหรือไม่ แต่ประเด็นที่ใหญ่กว่าคือ ปืนผ่านการตรวจสอบของสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างไร ถูกพกพาขึ้นเครื่องบินไปญี่ปุ่นด้วยช่องทางไหน ซึ่งจนบัดนี้ยังไม่มีใครตอบ

วิบากกรรมที่ญี่ปุ่นผ่านพ้นไปแล้ว แต่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังมีวิบากกรรมในประเทศไทยต่อ แต่ตำรวจก็แบะท่าช่วยปกป้องพวกเดียวกันแล้ว

ฟังคำแถลงของพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ต้องฟันธงล่วงหน้าว่า การสอบสวนพล.ต.ท.คำรณวิทย์คงเป็นรายการ “ปาหี่” ของตำรวจเช่นเคย

พล.ต.ท.ประวุฒิระบุว่า หลังจากพล.ต.ท.คำรณวิทย์เดินทางกลับมา จะต้องมีการสอบถามเรื่องการพกพาอาวุธปืนอีกครั้ง แต่ไม่ถึงกลับต้องเรียกมาพบอย่างเป็นทางการ ทั้งที่ตำรวจต้องควบคุมตัวมาสอบสวนทันทีที่ลงจากเครื่องบิน

ความผิดร้ายแรงถึงขั้นทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ ยังจะตะแบงอุ้มพวกเดียวกันอีก

การนำปืนขึ้นเครื่องไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจปกติของสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ต้องไหว้วานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนำไปให้ ซึ่งพล.ต.ท.คำรณวิทย์รู้ดีว่า พกปืนผ่านช่องทางไหน

แต่ไม่ว่าจะผ่านช่องทางไหน ก็ไม่ถูกต้องทั้งสิ้น กระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เสียหายต่อชื่อเสียงของสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ทำลายความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติด้วย

เพราะการที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ลักลอบนำปืนขึ้นเครื่องบินได้ บ่งชี้ถึงความหละหลวม ความหย่อนยาน การไร้ประสิทธิภาพในระบบการตรวจสอบ และทำให้ชีวิตผู้โดยสารเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิตกอยู่ในความเสี่ยง

ในเมื่อพล.ต.ท.คำรณวิทย์ลักลอบนำอาวุธขึ้นเครื่องบินได้ ผู้โดยสารคนอื่นก็สามารถลักลอบนำอาวุธขึ้นเครื่องได้เหมือนกัน และหากเป็นผู้ก่อการร้าย อาจนำไปสู่การก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่

เบื้องหน้าเบื้องหลังการลักลอบนำอาวุธขึ้นเครื่องบิน ไม่ใช่เรื่อง “ขี้ไก่” จะปล่อยให้ตำรวจเล่น “ปาหี่” ไม่ได้ แต่จะต้องมีหน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมสอบสวน โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง เพราะคดีนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคง

จะต้องเค้น “คำรณวิทย์” เช่นเดียวกับอาชญากรตัวร้ายทั่วไป เพื่อสาวปมการลักลอบพกปืนขึ้นเครื่องบินให้ได้ เพราะถ้าไม่รู้ว่าลักลอบนำปืนไปช่องทางไหน ก็ไม่มีทางกำหนดมาตรการป้องกันได้

สังคมไทยไม่มีใครคาดหวังว่า จะได้เห็นพล.ต.ท.คำรณวิทย์ติดคุกติดตาราง เพราะทั้งรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีใครแสดงท่าทีขึงขังเอาผิด มีแต่แสดงท่าทีช่วยกันอย่างไร้ยางอาย

หวังให้ “คำรณวิทย์” กลับมาติดคุกไทย ไม่หวังกันอยู่แล้ว เพียงแต่หวังว่า จะต้องมีใครแหกปากให้ “คำรณวิทย์” ยอมรับสารภาพ แจ้งเบาะแสการลักลอบขนปืนขึ้นเครื่องเท่านั้น

เรื่องใหญ่โต เป็นข่าวฉาวโฉ่ เสื่อมเสียภาพลักษณ์ของประเทศขนาดนี้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยัง “ลอยชาย” ประเทศไทยคงสิ้นหวังแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น