สังคมออนไลน์ รุมบี้เอาผิด “แจ๊ดปืนจิ๋ว” หลังกลับแผ่นดินไทย จี้เอาผิดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยกแผง หลังปล่อย “ปืนจิ๋ว” โผล่ จนกลายเป็นเรื่องฉาวที่ญี่ปุ่นและในผืนแผนดินไทย อย่าปล่อยให้ คณะ 80 คนที่ไปไปดูงานโรงงานขยะที่ญี่ปุ่น ลอยนวล! ตอบไม่ได้ ระวังเข้าข่าย 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ภายหลังพนักงานอัยการญี่ปุ่นสั่งไม่ฟ้อง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในข้อหาพกพาอาวุธปืนในช่วงเช้าวันนี้ (13 ก.ค.) ทำให้มีผู้ออกมาให้ความเห็นและตั้งข้อสังเกตกรณีอย่างกว้างขวาง
เช่น นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์แสดงความเห็น ว่า ไม่มีเจตนาพกปืนขึ้นเครื่อง และปล่อยตัวกลับไทยแล้ว
คำถามต่อไปคือในส่วนกฎหมายไทย ใครจะรับผิดชอบกับภาพลักษณ์ครั้งนี้ ที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับมาตรฐานการบินไทย จนอับอายไปทั่วโลก ฉุดเครดิตที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้ด่ำจมดินไปอีก
ในส่วนของไทยเมื่อ “บิ๊กแจ๊ด” กลับมาฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีตรงไปตรงมา ต้องสืบสวนและชี้แจงประชาชน ว่า ปืนดังกล่าวเล็ดลอดการตรวจไปได้อย่างไร เครื่องสแกนของปลอม หรือ จนท. ผู้ใหญ่ในการท่าอากาศยานฯ (ทอท.) รู้เห็นเป็นใจปล่อยให้นำปืนขึ้นเครื่องหรือไม่?
งานนี้อย่าหูทวนลม และแกล้งเงียบ เดี๋ยวเข้าข่ายละเว้น ผิด กม.157 จะซวยยกแผง จะรอดูว่าเรื่องนี้จะหายไปกลางอากาศหรือจะมีคำตอบให้สังคม
อีกตัวอย่างหนึ่งสมาชิกเฟซบุ๊กชื่อ คุณ Pat Hemasuk ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ก็ให้ความเห็นน่าสนใจต่อกรณีนี้ว่า
“ได้เวลาย้ายความซวยไปถึงบุคคลอื่น ผมคิดว่าสังคมมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการช่วยเหลือจากหลาย ๆ ฝ่ายหลายหน่วยงานจน พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หลุดจากคดีพกพาอาวุธปืนที่ประเทศญี่ปุ่นโดยอัยการไม่ส่งฟ้อง ผมคงไม่อยากจะตั้งคำถามหรอกนะครับว่าถ้าเป็นนายหมูนายแมวชาวบ้านธรรมดาแล้วโดนเรื่องนี้ จะมีการประสานงานกันเข้มแข็งขนาดนี้ไหม
คำถามแรกเลย คือ ปืนกระบอกนี้เป็นปืนเถื่อน กลับมาแล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินคดีกับ พลตำรวจโทคำรณวิทย์ อย่างไร
หลักฐานที่มีอยู่จากหนังสือซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์เก่าของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เมื่อครั้งยังเป็นรอง ผบช.ภ.1 ก็มีการพูดถึงปืนกระบอกนี้แล้ว แสดงว่าครอบครองปืนเถื่อนกระบอกนี้มาหลายปีตั้งแต่อยู่ในหน้าที่
คำถามที่สอง ปืนกระบอกนี้หลุดออกไปจากสนามบินสุวรรณภูมิได้โดยไม่ถูกตรวจพบได้อย่างไร มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของสนามบินได้มาตรฐานหรือไม่ จะมีผลต่อประเทศไทยในเรื่องอะไรบ้าง ผู้ใหญ่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งหลายของสนามบินและการท่าฯ จะแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้อย่างไร
คำถามที่สาม คณะ 80 คนที่ไปไปดูงานโรงงานขยะที่ญี่ปุ่นนั้น ไปอย่างไร เงินจากที่ไหน คนที่ไปทั้งหมดเกี่ยวข้องอะไรด้วยกับโครงการ และถ้าเป็นเจ้าพนักงาน หรือข้าราชการเข้าข่ายรับสิ่งตอบแทนมูลค่าเกินสามพันบาทหรือไม่ และที่สำคัญ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เกี่ยวข้องอะไรด้วยถึงต้องไปดูงานโรงงานขยะ
สามเรื่องนี้ตอบประชาชนให้ได้ก็แล้วกัน เพราะผู้รับผิดชอบโดยตรงของแต่ละฝ่ายทั้งสามเรื่องนี้เป็นข้าราชการทั้งนั้น ตอบไม่ได้มันจะเข้าข่าย 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
อีกด้าน นายวันชัย สอนศิริ ทนายความ และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า กรณีนี้ถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ของประเทศญี่ปุ่น มีหลักฐานและสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าปืนกระบอกดังกล่าวถูกนำขึ้นไปบนเครื่องบินขาออกจากประเทศไทย ดังนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปได้อย่างไร จะเล็ดลอดออกไปด้วยวิธีการใดก็แล้วแต่ เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยจะต้องดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ. การเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ต่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทุกคน
“ตามหลักกฎหมายแล้วจะต้องมีการดำเนินคดีกับผู้ใดก็ตามที่ปล่อยปละละเลย หรือเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต้องถูกดำเนินคดี รวมไปถึงตัวเขาผู้ที่พกพาอาวุธปืนขึ้นไปบนเครื่องบินก็ถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว เพราะฉะนั้นจะปล่อยปละละเลยไปไม่ได้ เพราะถ้าข้อเท็จจริงพิสูจน์แล้วพบว่ามีการนำอาวุธปืนขึ้นไปบนเครื่องบินจริงก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ใครที่เกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด”