รายงานข่าวแจ้งว่า ทวิตเตอร์ พลตำรวจโทประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุ "รับแจ้งจากสถานทูตฯว่า พล.ต.ท.คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผบช.น.ได้รับการปล่อยตัวแล้ว เบื้องต้นญาติได้จองตั๋วเครื่องบินกลับถึงไทยในเวลา 14.00 น. ของวันอังคารที่ 14 กรกฎาคมนี้
ั้งนี้พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่นจับกุม ที่สนามบินนาริตะ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ขณะ กำลังจะขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย หลังเสร็จภารกิจจากการเข้าไปดูงานโรงเผาขยะร่วมกับคณะชาวไทย โดยปืนที่ตำรวจญี่ปุ่นยึดได้จากกระเป๋ายาของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นปืนลูกโม่จิ๋ว .22 ยี่ห้อนอร์ท อเมริกัน อาร์ม ซึ่งเจ้าตัวให้การอ้างว่าลืม และหายไปนานแล้ว ไม่ได้มีเจตนาพกปืนขึ้นเครื่อง
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย และอาจารย์คณะนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า "อัยการญี่ปุ่นมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง "บิ๊กแจ๊ด" โดยระบุว่าไม่มีเจตนาพกปืนขึ้นเครื่อง และปล่อยตัวกลับไทยแล้ว คำถามต่อไปคือ ในส่วนกฎหมายไทยใครจะรับผิดชอบกับภาพลักษณ์ครั้งนี้ที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับมาตรฐานการบินไทยจนอับอายไปทั่วโลก ฉุดเครดิตที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้ด่ำจมดินไปอีก ในส่วนของไทยเมื่อ บิ๊กแจ๊ด กลับมาฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีตรงไปตรงมา ต้องสืบสวนและชี้แจงประชาชนว่า ปืนดังกล่าวเล็ดลอดการตรวจไปได้อย่างไร เครื่องแสกนด์ของปลอม หรือ จนท. ผู้ใหญ่ในการท่าอากาศยานฯ (ทอท.) รู้เห็นเป็นใจ ปล่อยให้นำปืนขึ้นเครื่องหรือไม่? งานนี้อย่าหูทวนลม และแกล้งเงียบ เดี๋ยวเข้าข่ายละเว้น ผิด กม.157 จะซวยยกแผง จะรอดูว่าเรื่องนี้จะหายไปกลางอากาศหรือจะมีคำตอบให้สังคม."
ั้งนี้พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่นจับกุม ที่สนามบินนาริตะ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ขณะ กำลังจะขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย หลังเสร็จภารกิจจากการเข้าไปดูงานโรงเผาขยะร่วมกับคณะชาวไทย โดยปืนที่ตำรวจญี่ปุ่นยึดได้จากกระเป๋ายาของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นปืนลูกโม่จิ๋ว .22 ยี่ห้อนอร์ท อเมริกัน อาร์ม ซึ่งเจ้าตัวให้การอ้างว่าลืม และหายไปนานแล้ว ไม่ได้มีเจตนาพกปืนขึ้นเครื่อง
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย และอาจารย์คณะนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า "อัยการญี่ปุ่นมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง "บิ๊กแจ๊ด" โดยระบุว่าไม่มีเจตนาพกปืนขึ้นเครื่อง และปล่อยตัวกลับไทยแล้ว คำถามต่อไปคือ ในส่วนกฎหมายไทยใครจะรับผิดชอบกับภาพลักษณ์ครั้งนี้ที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับมาตรฐานการบินไทยจนอับอายไปทั่วโลก ฉุดเครดิตที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้ด่ำจมดินไปอีก ในส่วนของไทยเมื่อ บิ๊กแจ๊ด กลับมาฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีตรงไปตรงมา ต้องสืบสวนและชี้แจงประชาชนว่า ปืนดังกล่าวเล็ดลอดการตรวจไปได้อย่างไร เครื่องแสกนด์ของปลอม หรือ จนท. ผู้ใหญ่ในการท่าอากาศยานฯ (ทอท.) รู้เห็นเป็นใจ ปล่อยให้นำปืนขึ้นเครื่องหรือไม่? งานนี้อย่าหูทวนลม และแกล้งเงียบ เดี๋ยวเข้าข่ายละเว้น ผิด กม.157 จะซวยยกแผง จะรอดูว่าเรื่องนี้จะหายไปกลางอากาศหรือจะมีคำตอบให้สังคม."