ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.เห็นชอบก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 3 สาย มูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาท “ประจิน”คาดเปิดประมูลสายพัทยา-มาบตาพุด ได้ก่อนไม่เกินต้นปี 59 ด้านนายกฯระบุว่า ถ้าไม่ลงทุนเลยในวันนี้ จะลำบากในการหารายได้
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (14 ก.ค.) มีมติเห็นชอบโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ของกรมทางหลวง (ทล.) 3 เส้นทาง ได้แก่ 1. สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. วงเงิน 84,600 ล้านบาท 2.สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. วงเงิน 55,620 ล้านบาท โดย 2 เส้นทางนี้จะใช้งบประมาณในการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนการก่อสร้างนั้น ครม.เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลังเป็นรับผิดชอบการกู้เงิน โดยจะดำเนินการระหว่างปี 2559-2562 และ 3. สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กม. วงเงิน 20,200 ล้านบาท จะใช้เงินจากกองทุนมอเตอร์เวย์ก่อสร้างประมาณ 14,000 ล้านบาท ส่วนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินอีกประมาณ 6,000 ล้านบาท จะใช้งบประมาณแผ่นดิน ระยะดำเนินการระหว่างปี 2558-2561
ทั้งนี้ คาดว่ามอเตอร์เวย์สายพัทยา-มาบตาพุด จะสามารถดำเนินโครงการได้ก่อน เนื่องจากได้บรรจุ ค่าเวนคืนจำนวน 1,4000 ล้านบาทไว้งบประมาณปี 2558 และภายในปลายปี 2558 หรือไม่เกินต้นปี 2559 จะสามารถประกาศประกวดราคาก่อสร้างได้ โดยกรมทางหลวงเป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างทั้ง 3 เส้นทาง
พล.อ.อ.ประจิน ยอมรับว่าการประกวดราคาโครงการขนาดใหญ่ล่าช้า แผนงานที่กระทรวงคมนาคมคาดว่าจะประกวดราคาได้ภายในปี 2558 เช่น มอเตอร์เวย์ เนื่องจากมีขั้นตอนการพิจารณาค่อนข้างมาก แต่ถือว่ารัฐบาลนี้ได้ขับเคลื่อนได้หลายโครงการซึ่งไม่มีความคืบหน้าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่ามอเตอร์เวย์ทั้ง 3 เส้นทาง จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการจะมีผลตอบแทนรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางกลับคืนมาตั้งแต่ปีแรกตั้งแต่เปิดให้บริการ คาดว่าภายในระยะเวลา 30 ปี จะได้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 60 จากงบประมาณในการลงทุน และมีผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจ (EIRR) ถึง 14-19 % ของ GDPซึ่งอยู่ในอัตราที่สูงมาก โดยการลงทุนโครงการขนาดใหญ่หาก EIRR ไม่ควรต่ำกว่า 10%
***นายกฯย้ำถ้าไม่ลงทุน ก็หารายได้ยาก
วานนี้ (14 ก.ค. ) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า มีการพิจารณาในเรื่องการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลในหลายเรื่องด้วยกัน โดยมีเรื่องการลงทุนเป็นหลัก เกี่ยวกับเรื่องเส้นทางมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง เพื่อให้เกิดความเจริญอย่างทั่วถึง เพราะตอนนี้เรามีอยู่เพียง 2 เส้นทางซึ่งเราได้อนุมัติในหลักการ และโครงการเพื่อหางบประมาณในการดำเนินการ ทั้งนี้ต้องไม่มีผลกระทบในเรื่องงบประมาณแผ่นดินในอนาคตด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมที่พูดถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ในการสรุปว่า เราจะเดินหน้าอย่างไร ทำตรงไหนก่อน ตรงไหนหลัง ตรงไหนถ้างบประมาณเพียงพอทำได้ ก็ดำเนินการ ส่วนตรงไหนมีปัญหาอยู่ ก็ชะลอส่งต่อให้รัฐบาลหน้า สำหรับที่ไม่มีปัญหาเราก็จะทำ ซึ่งมีหลายเรื่อง เช่น การลงทุนรถไฟ รถไฟฟ้า ถนนเส้นทาง การบริหารจัดการน้ำ และการลงทุนเกี่ยวกับไฟฟ้า ประปา ซึ่งมีทั้งโครงการของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ
แต่สิ่งเหล่านี้คนไทยต้องมองในภาพรวม ว่ามันจะเกิดขึ้นในระยะใกล้ ถ้าเราไม่ทำเรื่องเหล่านี้เลย ไม่มีการลงทุนเลย การที่เราจะมีรายได้เพิ่ม ก็เป็นไปได้ยาก นอกจากนั้น เราก็ต้องมาทำในเรื่องเศรษฐกิจการส่งออกต่างๆ
**บิ๊กตู่ยันมีคุณธรรมไม่มีนอกมีในกับใคร
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องกฎหมาย และข้อตกลงคุณธรรมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยให้หารือกับทุกภาคส่วนเกี่ยวข้องที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดมาหารือกัน ไม่เช่นนั้น มันก็จะเกิดความขัดแย้ง สิ่งที่อยากจะขอความร่วมมือกับประชาชน คือว่า โครงการใดๆ ที่เป็นของรัฐบาลที่กำหนดไว้ในระยะนี้ ตนอยากจะให้เข้าใจว่าเป็นโครงการตนไม่มีนอกมีในอะไรกับใครเลย และคิดว่าคนอื่นก็ไม่มีหรอก เพียงแต่คิดว่าต้องทำให้ได้ เช่น ขยะ พลังงาน แต่จะทำอย่างไรต้องร่วมมือหาทางกันให้เจอ
**นายกฯ ย้ำเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการเบิกจ่ายงบประมาณในขณะนี้ว่า ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้าอยู่ แต่ว่าที่มันช้าเพราะว่าโครงการแต่ละโครงการนั้นยังไม่เสร็จ จึงยังเบิกจ่ายไม่ได้ ซึ่งเป็นปัญหาของเรา ต้องไปดูในส่วนของบริษัทก่อสร้างอะไรต่างๆ ว่ามีปัญหาอย่างไร ขีดความสามารถถึงหรือไม่ เป็นต้น ส่วนข้าราชการตนก็เร่งรัดไปทุกส่วนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าการเบิกจ่ายต้องทำต่อเมื่อโครงการเสร็จสิ้นแล้ว ตามสัญญาว่ามีกี่ช่วง เมื่อช่วงใดเสร็จก็เบิกเงินช่วงนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเป็นไปตามบันทึกข้อตกลง (ทีโออาร์) ก็คือต้องเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เสร็จตามกำหนดต้องเสียค่าปรับตามปกติ
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (14 ก.ค.) มีมติเห็นชอบโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ของกรมทางหลวง (ทล.) 3 เส้นทาง ได้แก่ 1. สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. วงเงิน 84,600 ล้านบาท 2.สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. วงเงิน 55,620 ล้านบาท โดย 2 เส้นทางนี้จะใช้งบประมาณในการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนการก่อสร้างนั้น ครม.เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลังเป็นรับผิดชอบการกู้เงิน โดยจะดำเนินการระหว่างปี 2559-2562 และ 3. สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กม. วงเงิน 20,200 ล้านบาท จะใช้เงินจากกองทุนมอเตอร์เวย์ก่อสร้างประมาณ 14,000 ล้านบาท ส่วนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินอีกประมาณ 6,000 ล้านบาท จะใช้งบประมาณแผ่นดิน ระยะดำเนินการระหว่างปี 2558-2561
ทั้งนี้ คาดว่ามอเตอร์เวย์สายพัทยา-มาบตาพุด จะสามารถดำเนินโครงการได้ก่อน เนื่องจากได้บรรจุ ค่าเวนคืนจำนวน 1,4000 ล้านบาทไว้งบประมาณปี 2558 และภายในปลายปี 2558 หรือไม่เกินต้นปี 2559 จะสามารถประกาศประกวดราคาก่อสร้างได้ โดยกรมทางหลวงเป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างทั้ง 3 เส้นทาง
พล.อ.อ.ประจิน ยอมรับว่าการประกวดราคาโครงการขนาดใหญ่ล่าช้า แผนงานที่กระทรวงคมนาคมคาดว่าจะประกวดราคาได้ภายในปี 2558 เช่น มอเตอร์เวย์ เนื่องจากมีขั้นตอนการพิจารณาค่อนข้างมาก แต่ถือว่ารัฐบาลนี้ได้ขับเคลื่อนได้หลายโครงการซึ่งไม่มีความคืบหน้าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่ามอเตอร์เวย์ทั้ง 3 เส้นทาง จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการจะมีผลตอบแทนรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางกลับคืนมาตั้งแต่ปีแรกตั้งแต่เปิดให้บริการ คาดว่าภายในระยะเวลา 30 ปี จะได้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 60 จากงบประมาณในการลงทุน และมีผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจ (EIRR) ถึง 14-19 % ของ GDPซึ่งอยู่ในอัตราที่สูงมาก โดยการลงทุนโครงการขนาดใหญ่หาก EIRR ไม่ควรต่ำกว่า 10%
***นายกฯย้ำถ้าไม่ลงทุน ก็หารายได้ยาก
วานนี้ (14 ก.ค. ) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า มีการพิจารณาในเรื่องการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลในหลายเรื่องด้วยกัน โดยมีเรื่องการลงทุนเป็นหลัก เกี่ยวกับเรื่องเส้นทางมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง เพื่อให้เกิดความเจริญอย่างทั่วถึง เพราะตอนนี้เรามีอยู่เพียง 2 เส้นทางซึ่งเราได้อนุมัติในหลักการ และโครงการเพื่อหางบประมาณในการดำเนินการ ทั้งนี้ต้องไม่มีผลกระทบในเรื่องงบประมาณแผ่นดินในอนาคตด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมที่พูดถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ในการสรุปว่า เราจะเดินหน้าอย่างไร ทำตรงไหนก่อน ตรงไหนหลัง ตรงไหนถ้างบประมาณเพียงพอทำได้ ก็ดำเนินการ ส่วนตรงไหนมีปัญหาอยู่ ก็ชะลอส่งต่อให้รัฐบาลหน้า สำหรับที่ไม่มีปัญหาเราก็จะทำ ซึ่งมีหลายเรื่อง เช่น การลงทุนรถไฟ รถไฟฟ้า ถนนเส้นทาง การบริหารจัดการน้ำ และการลงทุนเกี่ยวกับไฟฟ้า ประปา ซึ่งมีทั้งโครงการของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ
แต่สิ่งเหล่านี้คนไทยต้องมองในภาพรวม ว่ามันจะเกิดขึ้นในระยะใกล้ ถ้าเราไม่ทำเรื่องเหล่านี้เลย ไม่มีการลงทุนเลย การที่เราจะมีรายได้เพิ่ม ก็เป็นไปได้ยาก นอกจากนั้น เราก็ต้องมาทำในเรื่องเศรษฐกิจการส่งออกต่างๆ
**บิ๊กตู่ยันมีคุณธรรมไม่มีนอกมีในกับใคร
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องกฎหมาย และข้อตกลงคุณธรรมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยให้หารือกับทุกภาคส่วนเกี่ยวข้องที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดมาหารือกัน ไม่เช่นนั้น มันก็จะเกิดความขัดแย้ง สิ่งที่อยากจะขอความร่วมมือกับประชาชน คือว่า โครงการใดๆ ที่เป็นของรัฐบาลที่กำหนดไว้ในระยะนี้ ตนอยากจะให้เข้าใจว่าเป็นโครงการตนไม่มีนอกมีในอะไรกับใครเลย และคิดว่าคนอื่นก็ไม่มีหรอก เพียงแต่คิดว่าต้องทำให้ได้ เช่น ขยะ พลังงาน แต่จะทำอย่างไรต้องร่วมมือหาทางกันให้เจอ
**นายกฯ ย้ำเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการเบิกจ่ายงบประมาณในขณะนี้ว่า ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้าอยู่ แต่ว่าที่มันช้าเพราะว่าโครงการแต่ละโครงการนั้นยังไม่เสร็จ จึงยังเบิกจ่ายไม่ได้ ซึ่งเป็นปัญหาของเรา ต้องไปดูในส่วนของบริษัทก่อสร้างอะไรต่างๆ ว่ามีปัญหาอย่างไร ขีดความสามารถถึงหรือไม่ เป็นต้น ส่วนข้าราชการตนก็เร่งรัดไปทุกส่วนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าการเบิกจ่ายต้องทำต่อเมื่อโครงการเสร็จสิ้นแล้ว ตามสัญญาว่ามีกี่ช่วง เมื่อช่วงใดเสร็จก็เบิกเงินช่วงนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเป็นไปตามบันทึกข้อตกลง (ทีโออาร์) ก็คือต้องเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เสร็จตามกำหนดต้องเสียค่าปรับตามปกติ