ASTVผู้จัดการรายวัน-“ประจิน”ยันประมูลไอซีดีลาดกระบังเป็นธรรม โปร่งใส เผย สายเดินเรือ Maersk ของเดนมาร์ก เข้าพบติงเลือกรายเดียวบริหาร 6 สถานี หวั่นได้เอกชนไม่มีคุณภาพ ชี้ขายซองถึง 14 ส.ค. หากมีร้องเรียนพร้อมส่งเรื่องให้คตร.ตรวจสอบ ด้านร.ฟ.ท.เผยเลือกผู้เสนอเก็บค่าบริการต่ำสุด เพื่อจูงใจใช้ขนส่งทางรางเพิ่มขึ้น ย้ำไม่ปิดกั้น 6 รายเดิมรวมกลุ่มเข้าประมูลได้ ด้าน”บอมบาร์ดิเอร์” พบประจิน โชว์ระบบโมโนเรล หวังร่วมชิงรถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ค. H.E. Mr. Mikael Hemniti Winther เอกอัคราชทูตอาณาจักรเดนมาร์กประจำประเทศไทยและกัมพูชา พร้อมด้วย ผู้บริหาร Maersk Group ได้เข้าพบ เพื่อหารือถึงโครงการประกวดราคาเพื่อสรรหาเอกชนรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบังของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เนื่องจากเห็นว่าเงื่อนไขในร่างทีโออาร์ ที่กำหนดให้เป็นผู้ประกอบการรายเดียวบริหาร 6 สถานีนั้น อาจจะทำให้ได้ผู้ประกอบการที่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพราะหากเป็นรายเล็กๆรวมตัวกันและให้บริการที่ไม่มีประสิทธิภาพจะทำให้ลูกค้าผู้ใช้บริการไม่พอใจ
ขณะที่ Maersk Group นั้น นอกจากเป็นผู้บริหารสายเดินเรือแล้ว ยังเป็นผู้ให้ดำเนินงานบริหารสถานีขนส่งสินค้า หรือไอซีดี ลาดกระบัง 1 ใน 6 รายเดิมอีกด้วย โดยระบุว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินงานในกิจการนี้ในประเทศไทย 20 ปี และอยู่ในธุรกิจนี้มาเป็น 100 ปี
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้ประกาศขายซองประกวดราคาไอซีดี ลาดกระบังไปแล้ว และจะสิ้นสุดขายซองในวันที่ 14 ส.ค. 2558 ดังนั้น ในระหว่างนี้จะต้องดำเนินการประกวดราคาตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 ซึ่งหากมีประเด็นร้องเรียนใดที่มีมูลสามารถนำมาพิจารณา และส่งเรื่องให้ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ช่วยพิจารณาตรวจสอบได้ หากคตร.เห็นว่า ไม่มีประเด็นที่ต้องแก้ไขจะเดินหน้าประกวดราคาต่อไป หรือให้ทบทวน ร.ฟ.ท.จะนำข้อมูลที่มีการร้องเรียน เสนอแนะมาปรับปรุง
รายงานข่าวจากร.ฟ.ท.แจ้งว่า การสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการ ไอซีดี ที่ลาดกระบัง ร.ฟ.ท.ดำเนินการตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 โดยเงื่อนไขในทีโออาร์กำหนดคุณสมบัติให้ผู้ยื่นข้อเสนอต้องเป็นนิติบุคคลรายใหญ่ หรือกิจการร่วมค้า เพียงรายเดียวเข้าบริหารทั้ง 6 สถานี และข้อเสนอด้านราคา จะตัดสินเลือกรายที่เสนอค่าบริการต่ำที่สุด โดยมีเป้าหมายเพื่อจูงใจให้ใช้รางในการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ร.ฟ.ท.ได้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวกไว้แล้ว โดยเอกชนจะรับผิดชอบลงทุน เครื่องมือให้บริการต่างๆ และค่าบำรุงรักษาถนนและสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีความสภาพสมบูรณ์เท่านั้น ส่วนผลตอบแทนภาครัฐนั้นกำหนดเป็นอัตราคงที่ โดยปีที่ 1-5 ที่อัตรา 67 บาทต่อตารางเมตร และปรับทุกๆ 5 ปี ในอัตราคงที่ จนครบ อายุสัมปทาน 20 ปี ซึ่งมีผลดีคือ เอกชนจะมีต้นทุนที่ชัดเจนและกำหนดค่าบริการที่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ ร.ฟ.ท.ได้มีหัวจักรเพิ่ม 8 คันสำหรับการขนส่งเส้นทางลาดกระบัง-ท่าเรือแหลมฉบัง และในอนาคต ร.ฟ.ท.จะมีการจัดหาแคร่สินค้าอีก 308 คัน และโครงการศูนย์การขนส่งสินค้าทางรถไฟ ท่าเรือแหลมฉบัง (SRTO) ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เกิดขึ้นซึ่งล้วนจะสนับสนุนให้การขนส่งทางรางมีความสะดวกมากขึ้น
***บอมบาร์ดิเอร์ ร่วมชิงรถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังผู้แทนจากบริษัท บอมบาร์ดิเอร์ ประเทศฝรั่งเศล เข้าพบว่า บอมบาร์ดิเอร์ แสดงความสนใจในการร่วมลงทุนด้านงานรถไฟฟ้าแบบรางเดี่ยว หรือ ระบบโมโนเรลในกรุงเทพฯ ซึ่งจะมีการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี และ สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง และโครงการระบบขนส่งผู้โดยสาร (Automated People Mover : APM) เชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งกระทรวงคมนาคมก็ได้แสดงความชัดเจน ว่ารัฐบาลไทยจะดำเนินโครงการเหล่านี้แน่นอน และพร้อมเปิดกว้างทางการประกวดราคา
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ค. H.E. Mr. Mikael Hemniti Winther เอกอัคราชทูตอาณาจักรเดนมาร์กประจำประเทศไทยและกัมพูชา พร้อมด้วย ผู้บริหาร Maersk Group ได้เข้าพบ เพื่อหารือถึงโครงการประกวดราคาเพื่อสรรหาเอกชนรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบังของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เนื่องจากเห็นว่าเงื่อนไขในร่างทีโออาร์ ที่กำหนดให้เป็นผู้ประกอบการรายเดียวบริหาร 6 สถานีนั้น อาจจะทำให้ได้ผู้ประกอบการที่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพราะหากเป็นรายเล็กๆรวมตัวกันและให้บริการที่ไม่มีประสิทธิภาพจะทำให้ลูกค้าผู้ใช้บริการไม่พอใจ
ขณะที่ Maersk Group นั้น นอกจากเป็นผู้บริหารสายเดินเรือแล้ว ยังเป็นผู้ให้ดำเนินงานบริหารสถานีขนส่งสินค้า หรือไอซีดี ลาดกระบัง 1 ใน 6 รายเดิมอีกด้วย โดยระบุว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินงานในกิจการนี้ในประเทศไทย 20 ปี และอยู่ในธุรกิจนี้มาเป็น 100 ปี
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้ประกาศขายซองประกวดราคาไอซีดี ลาดกระบังไปแล้ว และจะสิ้นสุดขายซองในวันที่ 14 ส.ค. 2558 ดังนั้น ในระหว่างนี้จะต้องดำเนินการประกวดราคาตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 ซึ่งหากมีประเด็นร้องเรียนใดที่มีมูลสามารถนำมาพิจารณา และส่งเรื่องให้ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ช่วยพิจารณาตรวจสอบได้ หากคตร.เห็นว่า ไม่มีประเด็นที่ต้องแก้ไขจะเดินหน้าประกวดราคาต่อไป หรือให้ทบทวน ร.ฟ.ท.จะนำข้อมูลที่มีการร้องเรียน เสนอแนะมาปรับปรุง
รายงานข่าวจากร.ฟ.ท.แจ้งว่า การสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการ ไอซีดี ที่ลาดกระบัง ร.ฟ.ท.ดำเนินการตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 โดยเงื่อนไขในทีโออาร์กำหนดคุณสมบัติให้ผู้ยื่นข้อเสนอต้องเป็นนิติบุคคลรายใหญ่ หรือกิจการร่วมค้า เพียงรายเดียวเข้าบริหารทั้ง 6 สถานี และข้อเสนอด้านราคา จะตัดสินเลือกรายที่เสนอค่าบริการต่ำที่สุด โดยมีเป้าหมายเพื่อจูงใจให้ใช้รางในการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ร.ฟ.ท.ได้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวกไว้แล้ว โดยเอกชนจะรับผิดชอบลงทุน เครื่องมือให้บริการต่างๆ และค่าบำรุงรักษาถนนและสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีความสภาพสมบูรณ์เท่านั้น ส่วนผลตอบแทนภาครัฐนั้นกำหนดเป็นอัตราคงที่ โดยปีที่ 1-5 ที่อัตรา 67 บาทต่อตารางเมตร และปรับทุกๆ 5 ปี ในอัตราคงที่ จนครบ อายุสัมปทาน 20 ปี ซึ่งมีผลดีคือ เอกชนจะมีต้นทุนที่ชัดเจนและกำหนดค่าบริการที่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ ร.ฟ.ท.ได้มีหัวจักรเพิ่ม 8 คันสำหรับการขนส่งเส้นทางลาดกระบัง-ท่าเรือแหลมฉบัง และในอนาคต ร.ฟ.ท.จะมีการจัดหาแคร่สินค้าอีก 308 คัน และโครงการศูนย์การขนส่งสินค้าทางรถไฟ ท่าเรือแหลมฉบัง (SRTO) ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เกิดขึ้นซึ่งล้วนจะสนับสนุนให้การขนส่งทางรางมีความสะดวกมากขึ้น
***บอมบาร์ดิเอร์ ร่วมชิงรถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังผู้แทนจากบริษัท บอมบาร์ดิเอร์ ประเทศฝรั่งเศล เข้าพบว่า บอมบาร์ดิเอร์ แสดงความสนใจในการร่วมลงทุนด้านงานรถไฟฟ้าแบบรางเดี่ยว หรือ ระบบโมโนเรลในกรุงเทพฯ ซึ่งจะมีการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี และ สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง และโครงการระบบขนส่งผู้โดยสาร (Automated People Mover : APM) เชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งกระทรวงคมนาคมก็ได้แสดงความชัดเจน ว่ารัฐบาลไทยจะดำเนินโครงการเหล่านี้แน่นอน และพร้อมเปิดกว้างทางการประกวดราคา