xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จากคลิปตำรวจเมานิดหน่อยไปถึง"อ๊อด–เมาหมัด" ประจานงานจราจรเหลว"ใบสั่งมั่ว"ประชาชีทุกข์หนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เรื่องใหญ่ข่าวใหญ่ของแวดวงสีกากีในตอนนี้คงหนีไม่พ้นปฏิบัติการบันได 3 ขั้น ของพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ซึ่งสามารถหักด่านคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ด้วยการทำแฮตทริก 3 โหวต จากเสมอ 2 -2 เป็นแพ้ 3 -2 จากแพ้เป็นชนะ 6-0 ทำให้ขั้วอำนาจขยับจากฝ่าย นรต. 36 มาเป็น นรต. 35 ทันที

แต่ในข่าวใหญ่โตระดับผู้นำตำรวจคนใหม่ ยังไม่สะท้อนใจเท่ากับเรื่องราวของ ด.ต.จักรวาล วงศ์ชัย ผบ.หมู่งานจราจร สน.วังทองหลาง ตำรวจเมาจริง หรือเมาปลอม ที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย

จุดเริ่มของเรื่องนี้ เกิดขึ้นวันที่ 5 ก.ค. 58 จากผู้ใช้รถใช้ถนนรายหนึ่งถูก ด.ต.จักรวาล เรียกตรวจ และด้วยคำพูดคำจา รวมทั้งอากัปกริยาคล้ายกับคนเมา จึงถูกถ่ายคลิปและนำมาโพสต์สู่โลกออนไลน์ จนเกิดกระแสในทางลบทันที

รุ่งขึ้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ออกมาแสดงความเห็นค่อนข้างรุนแรง ว่า ภาพที่ปรากฏในคลิปนั้น“น่าเกลียดมาก”และย้ำว่า จะสั่งให้มีการสอบสวน หากพบความผิดต้องลงโทษตำรวจจราจรนายนี้ อย่างแน่นอน

วันเดียวกัน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกตัว ด.ต.จักรวาล มาสอบถาม ต่อมามีข้อมูลอีกทางหนึ่งว่า เป็นบุคลิกประจำของเขา คือพูดจาเสียงยาน มีสีหน้าแดงตลอดเวลา และด้วยความผิดปกติที่กระดูกสันหลัง ทำให้เวลาเดินมีลักษณะคล้ายคนเมา ในเบื้องต้นจึงไม่อาจสรุปได้ว่า ด.ต.จักรวาล เมาสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่ เท่าที่ดูจากคลิปมีคำพูดในลักษณะยั่วยุกัน อาจเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เกิดคำพูดไม่สุภาพ

ส่วนชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัว ด.ต.จักรวาล นางศิริอร ภรรยาบอกกับนักข่าวว่า อยู่กินกันมา 17 ปี มีบุตร 3 คน คนโตอายุ 14 ปี คนกลาง 10 ขวบ คนเล็ก 5 ขวบ และป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ต้องให้อาหารทางช่องท้อง ต้องไปหาหมอเดือนละครั้ง ด.ต.จักรวาล เองก็ต้องรักษาโรคกระดูกสันหลังอักเสบ ยืนตัวตรงไม่ได้ เวลาเดิน หากเดินตัวตรงก็จะเกิดอาการปวดหลังมาก

" เรื่องดื่มยอมรับว่าสามีเป็นคนชอบดื่ม แต่ไม่ถึงขนาดพูดจาไม่รู้เรื่อง ทุกครั้งที่ดื่ม ก็ไม่เคยทำให้ลูกเมียเห็นต่อหน้า ขอความเห็นใจครอบครัวเราด้วย ตอนนี้ลูกไม่กล้าจะไปโรงเรียนแล้ว เพราะเพื่อนล้อ"

กระแสคลิปตำรวจจราจรจึงตีกลับ มีทั้งคนเห็นใจ และยังข้องใจ ต่อมาวันที่ 9 ก.ค. เว็บเพจ Thailand Police Story ได้โพสต์ข้อความ และภาพหัวข้อ “วอนสังคมเห็นใจ” โดยระบุว่า คลิป “ตำรวจเมานิดหน่อย” ด.ต.จักรวาล วงศ์ชัย เล่าเหตุการณ์ว่า วันเกิดเหตุบนถนนประดิษฐ์มนูญธรรม เป็นจุดกลับรถต้องต่อคิว แต่ผู้ถ่ายคลิปกลับเบียดแทรกคันอื่น จึงเข้าไปตักเตือน ทำให้ผู้ถ่ายคลิปโต้เถียงอย่างรุนแรง เพราะคิดว่าจะถูกใบสั่ง วันเกิดเหตุไม่ได้ดื่มเหล้า หรือเมา แต่เป็นเพราะโรคประจำตัวทำให้มีบุคลิกเหมือนกับคนเมา ที่ผ่านมามีคนเข้าใจผิดตลอด แม้แต่ ผกก.ยังเคยสั่งขังมาแล้ว วันเกิดเหตุคนถ่ายคลิปพยายามจะหาเรื่อง และก่อกวน ตนจึงประชดประชัน ตอนนี้อยากให้สังคมเข้าใจ เนื่องจากครอบครัวอยู่ลำบาก ตนต้องถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ไม่อยากให้ลูกเมียเกิดความเครียดจากเรื่องที่เกิดขึ้น

สรุปแล้ว ด.ต.จักรวาล คงไม่มีความผิด เพราะพยานแวดล้อมต่างๆ ดูเป็นใจ และน่าจะมีส่วนความจริงบ้างไม่มากก็น้อย เรียกว่า ยกประโยชน์ให้กับดาบจราจรคนนี้ไป

ส่วนผู้ขับขี่เจ้าของคลิปวันนี้เงียบจ้อยไปเลย อาจไม่อยากโต้แย้ง หรือเป็นจริงตามที่เขากระแทกกลับมา คือขับรถเบียดคันอื่น ซึ่งมักเกิดตามช่วงกลับรถตามถนนเส้นต่างๆ ไม่เว้นกระทั่งประดิษฐ์มนูญธรรม หรือที่ชาวบ้านชอบเรียกกันว่า ถนนเลียบทางด่วน 
อย่างไรก็ตาม กรณี ด.ต.จักรวาล คงปล่อยให้จบแบบแฮปปี้เอนด์ดิ้งไม่ได้ เพราะมีภาพสะท้อนความล้มเหลว โดยเฉพาะงานจราจร และยังลามไปถึงวิธีคิดของผู้มีอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกด้วย

มีคำถามที่รอคำตอบว่า เหตุใด สน.วังทองหลาง จึงให้ตำรวจที่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรงมาปฏิบัติหน้าที่ตำรวจจราจร ทั้งที่ตรากตรำ ต้องสู้แดด สู้ฝน สู้มลภาวะ เหตุผลของผู้บังคับบัญชา ที่รับผิดชอบ ไล่มาตั้งแต่ระดับโรงพักไปจนถึงกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 กองบัญชาการตำรวจนครบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะกำกับดูแลงานจราจร

แต่ที่ไม่ต้องถาม ไม่ต้องบอกว่า ทำไมตำรวจชั้นผู้น้อยจึงอยากมาทำหน้าที่จราจร ก็เพราะรายได้พิเศษนอกเหนือจากเงินเดือน รายได้พิเศษที่ว่าก็คือ ส่วนแบ่งจากใบสั่งมีโควตาตกคนละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท ที่เหลือคือ การตบตี รีดไถบนถนน

จึงมีภาพสะท้อน มีเสียงจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมาทุกยุคทุกสมัยว่า ตำรวจจราจร (ไทย) บางคนยึดเอาถนนหลวง รถหลวง และอำนาจหน้าที่ เป็นเครื่องทำมาหากิน 

ยิ่งปัจจุบันระดับบริหารสั่งห้ามมีส่วยบ่อน ส่วยซ่อง ส่วยสถานบริการ สิ่งที่หากินกันได้ง่ายที่สุดและถือเป็นยุคทอง หาเงินได้ง่าย หาเงินถูกต้องตามกฎหมายก็คือ ตำรวจจราจร ทั้งใน กทม. ต่างจังหวัดและตำรวจทางหลวง

มีผู้อ่านร้องเรียนมาเป็นระยะๆ และปรากฏบนสื่อโซเชียลฯ ถึงข้อหาประหลาดๆ เช่น จับจยย.ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ตำรวจจราจรบางนายไม่รู้จะตั้งข้อหาอะไร เอาแม้แต่ยางรถยนต์เก่า ท่านก็กล้าตั้งข้อหาใช้ยางรถยนต์เก่าเกิน

หรือที่เจอกับตัวเองก็คือ ใช้ความเร็วเกินกว่า 60 กม./ชม. บนถนนมิตรภาพ ช่วงที่มีเส้นลดความเร็ว

ใบสั่งส่งมาถึงบ้าน (อีกแล้ว) โดยเที่ยวนี้ท่านกรุณาปรับ 500 บาท ซึ่งแน่นอนว่าคงมีผู้ใช้รถใช้ถนนอีกนับร้อยนับพัน ที่ผ่านไปและต้องเจอข้อหานี้อย่างแน่นอน เพราะถนนมิตรภาพ ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา คงไม่มีแมวตัวไหนขับรถด้วยความเร็วต่ำกว่า 60 กม./ ชม. 

ปัญหาแบบนี้จึงสะท้อนกลับไปยังระดับบริหาร

ไล่มาตั้งแต่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ไม่ทราบว่าวันๆ ท่านคิดทำอะไร แต่ละเรื่องประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนเคยมีทีมงานประเมินการทำงานของท่านหรือไม่ แรกที่เข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร. ให้ความสนใจปัญหาตำรวจชั้นผู้น้อยเกิดความกดดันจนฆ่าตัวตาย ผบ.สมยศ ถึงกับเสนอให้เป็นนโยบาย ตั้งคณะศึกษาวิจัยค้นหาข้อมูลสถิติ และได้คำตอบตรงกันว่า ส่วนใหญ่มีความเครียดเรื่องงาน และ“เรื่องไม่เป็นเรื่อง”จากน้ำคำ และการกระทำของ“ผู้บังคับบัญชา”

ท่าน ผบ.ตร. ค้นพบความจริงก็รีบสั่งให้จัดทำสายด่วน 1599 เปิดช่องทางให้ตำรวจชั้นประทวนได้ปรึกษาปัญหาหนักอกโดยมีทีมจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาจากโรงพยาบาลตำรวจ มาสลับสับเปลี่ยนให้การปรึกษาทุกวันอังคาร และพฤหัสบดี แต่ทุกวันนี้ก็ยังมี่ตำรวจฆ่าตัวตายให้เห็นเป็นข่าวเสมอๆ
 
เรื่องเด็ดขาดเอาจริงกับผู้ใต้บังคับบัญชา ประเด็นนี้เหมือนจะดูดี แต่บางคนบอกสุดโต่ง ขวัญอ่อนกันเกินไป เช่น มีการจับคนเล่นพนันไฮโลว์ยกทั้งวง 3 คน พร้อมของกลางเงินสด 20 บาท สั่งย้าย 5 เสือโรงพักยันผู้บังคับการ แบบนี้มันเด็ดขาดเข้มข้น หรือเป็นโรคขาดสติ เป็น“เรื่องไม่เป็นเรื่อง” ที่ผู้บังคับบัญชาในระดับต่างๆไร้สติ ต่างคิดเอาตัวรอดกันไปวันๆ

เมื่อกลับมายังปัญหาสายงานการจราจรตำรวจ และการบังคับใช้กฎหมายของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการจราจรแล้ว เรายังมองเห็นกลิ่นไอของการทุจริต คอร์รัปชันในเชิงนโยบายด้วย เช่น การบังคับใช้กฎอย่างไม่ลืมหูลืมตาเพื่อได้ประโยชน์จากเปอร์เซ็นต์ใบสั่ง รวมทั้งการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมไปทำหน้าที่สายตรวจจราจร

ถ้าไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง เราท่านจะมีโอกาสเห็นปรากฏการณ์ ด.ต.จักรวาล วงษ์ชัย ผบ.หมู่งานจราจร สน.วังทองหลาง ผู้ที่เจ็บป่วยจากอาการกระดูสันหลังอักเสบจนไม่สามารถยืน หรือเดินตัวตรงได้ มาทำหน้าที่อันแสนเหน็ดเหนื่อยนี้หรือ

ขณะเดียวกัน นโยบายเข้มของระดับผู้บังคับบัญชา ที่สั่งจับแหลก มองประชาชนผู้ใช้ถนนสัญจรเป็นปรปักษ์ ส่วนตำรวจจราจรชั่วๆ บางคนก็มองเห็นเป็น ตู้เอทีเอ็ม. นึกจะจับนึกจะรีดไถอย่างไรก็ได้ ความเกลียดชังตำรวจ จึงสะสมจนไม่เหลือคำว่ารัก หรือศรัทธาให้กับตำรวจไทย ตามที่ ผบ.สมยศ เคยวาดหวังไว้
 
ทั้งหมดจึงเป็นความล้มเหลวอีกครั้งของวงการตำรวจ และภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. คนที่ 10 ทั้งสังคมตำรวจ และสังคมโดยรวม ก็มิได้อะไรเป็นมรรค-ผลจนเกิดเป็นรูปธรรม

แต่ที่ปรากฏชัดคือ ความแตกแยก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แบ่งออกเป็นก๊กเป็นเหล่า ทั้ง ผบ.ตร. , รอง ผบ.ตร. ไม่จำเป็นจริงๆ แทบไม่อยากเจอหน้า หรือปรึกษาหารือกัน บางคนทนแรงบีบซ้าย บีบขวาไม่ไหว ต้องหลบประชุมบ่อยๆ ก็มี

สิ่งที่เห็นได้ชัดถึงความล้มเหลวจนถึงขั้นหมดศักดิ์ศรีก็คือ วาระการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เรื่องการเยียวยากรณีทวีคูณอายุราชการของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิตพรหมณกุล ผบช.น. ซึ่งครั้งแรก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานฯ การประชุมด้วยแต่พอลุกออกไป พล.ต.อ.สมยศ ก็จัดแจงขอมติที่ประชุม ก.ตร. พิจารณาเรื่องเยียวยา ผบช.น. ตามคำสั่งศาลปกครอง และในที่สุดมีการลงคะแนนจะส่งเรื่องอุทธรณ์หรือไม่ ซึ่งหากยืดเรื่องต่อไปย่อมเกิดปัญหากับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ที่ต้องการเข้ารับตำแหน่งที่สูงขึ้นในตอนนี้

ผลการโหวตคะแนนลับรอบแรก เสมอกัน 2-2 ต่อมาโหวตลับรอบสองฝ่ายให้อุทธรณ์มากกว่า คือ 3-2 จนกลายเป็นเรื่องราวเดือดร้อนถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องสั่งให้ ก.ตร จัดประชุมพิจารณาเรื่องนี้เป็นรอบที่ 3 ผลออกมา ก.ตร. เห็นว่าให้เยียวยา“ศรีวราห์” ไม่ต้องอุทธรณ์มากถึง 6-0

เกิดอะไรขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดอะไรขึ้นกับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ

ผิดหรือถูก ไม่ใช่ประเด็นที่จะพูดถึง แต่ความเป็นไม้หลักปักขี้เลน ความอ่อนแอหวาดกลัวจนอุจาระขึ้นสมอง หลังพ่ายจนหมดรูป มีบิ๊กตำรวจคนหนึ่งออกมาพูดว่า เรื่องนี้ไม่มีการเมืองเข้ามาแทรก...ถามว่าใครทันจะเชื่อ ..ขอโทษแม้แต่สุนัขปังคุงขำกลิ้งลิงกับหมา มันก็ไม่เชื่อ แต่เอาเถอะสังคมพอเข้าใจได้ เพราะผู้มีอำนาจย่อมถูกเสมอ แต่เกียรติยศ และศักดิ์ศรีของ ผบ.ตร. รวมทั้งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) คงไม่ต้องพูดถึง

อย่าห้ามความคิดของคนนอกที่เข้าเฝ้าติดตามเขารู้สึกอย่างไร

โดยเฉพาะศักดิ์ศรีของบรรดา พล.ต.อ.ทั้งหลาย ที่เข้าประชุมกันในวันนั้น

จากยุทธการหักก้ามปู กลายมาเป็น “หนีบคอหอยสมยศ”พ่ายแพ้จนหมดรูป

เมื่อ ผบ.ตร.หมดสิ้นขนาดนี้แล้ว วาระที่เหลืออีก 2 เดือนเศษ ท่านจะไปทำอะไรได้ 

ปฏิบติการล้มมติ ก.ตร. ที่วงในเขาก็รู้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังทำให้ดุลอำนาจในวงการสีกากีมาตกที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ในฐานะผู้เปิดเกมเขย่า “บิ๊กอ๊อด” และ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อย่างช่วยไม่ได้

ตุลาคมที่จะถึงนี้ชื่อของ “ศรีวราห์” จะถูกเสนอให้เป็น รอง ผบ.ตร. และเตรียมรับไม้ต่อจาก“บิ๊กเอก”เพื่อปฏิบัติการภารกิจสำคัญตามที่ทหารได้มอบหมาย
 
ปัญหาจราจรที่ลุกลามกลายเป็นเรื่องปล้นกลางแดด ชาวบ้านจึงฝากไว้กับผู้นำตำรวจคนใหม่แล้วกัน เพราะดูตามสภาพความเป็นจริงแล้วทั้ง ผบ.สมยศ และท่านโฆษกประวุฒิ ไม่สามารถเป็นที่คาดหวังจากประชาชนคนใช้รถใช้ถนนอย่างแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น