มีความพยายามเอากรณีการจับกุมนักศึกษากลุ่มดาวดิน และหน้าหอศิลป์จำนวน 14 คนไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์จับกุมปัญญาชน นักเขียน นักคิด นิสิตนักศึกษา จำนวน 13 คนในเหตุการณ์ก่อนเกิดวันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 ฝันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะจุดประกายให้คนออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษาจำนวนมากเหมือนกับเหตุการณ์ในอดีต
ทั้งที่สภาพแวดล้อมและบริบทของเหตุการณ์ในครั้งนี้และครั้งนั้นแตกต่างกันมาก เพราะอดีตนั้นเป็นการขับไล่เผด็จการที่สืบทอดอำนาจมายาวนานของรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ที่รัฐประหารตัวเองและยึดอำนาจมาต่อเนื่องนับ 10 ปี ในขณะที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะชนชั้นกลาง และถ้าทหารไม่ออกมารัฐบาลประชาธิปไตยของยิ่งลักษณ์ก็ปล่อยให้มีการจัดตั้งกองกำลังขึ้นมาสังหารหมู่ประชาชนที่ออกมาต่อต้านขับไล่ล้มตายไม่เว้นแต่ละวัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าผมเห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลประยุทธ์และคสช.ทำทั้งหมดหลังยึดอำนาจ ผมคิดว่า ในช่วงแรกพวกเขาไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจนด้วยซ้ำว่า ควรจะทำอย่างไรไม่ให้บ้านเมืองกลับไปสู่กลียุคอีก และใน คสช.ยังมีความขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มที่ต้องการสืบทอด และไม่ต้องการสืบทอดอำนาจด้วย
เป้าหมายแรกสุดที่พวกเขาเข้ามายึดอำนาจก็เพราะพวกเขามองว่า ประชาชนสองฝ่ายทะเลาะกัน และบ้านเมืองถึงทางตันเดินหน้าไปไม่ได้เท่านั้นเอง ตอนแรกจึงออกมาชูธงเรื่องการปรองดอง ทักษิณก็เลยประกาศให้คนเสื้อแดงให้ความร่วมมือ และพระสุเทพก็ประกาศว่า เป็นพวกเดียวกัน แต่สถานการณ์ก็บีบจนรัฐบาลประยุทธ์ต้องเป็นปฏิปักษ์กับระบอบทักษิณมากขึ้นจนนำมาสู่การถอนพาสปอร์ตและเดินเรื่องถอดยศนั่นแหละ จึงถือว่า รัฐบาลประยุทธ์พบว่าอะไรเป็นวิกฤตของบ้านเมืองที่ต้องแก้ไขอย่างแท้จริง
มีคนจำนวนมากเห็นพ้องกันว่า ถ้ารัฐบาลประยุทธ์ไม่จัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยก่อนนำไปสู่การเลือกตั้ง สถานการณ์ความรุนแรงก็จะกลับคืนมาอีก
หัวใจของระบอบทักษิณอยู่ที่การยึดกุมมวลชนรากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเอาไว้ ถ้าไม่ทำอะไรที่สามารถซื้อใจและทำให้เขาเห็นอันตรายของระบอบทักษิณได้ วันเลือกตั้งที่ไม่ว่ารวยจนก็มีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงวันนั้นระบอบทักษิณก็กลับมาอีก
แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการจับกุมนักศึกษากลุ่มนี้ เพราะแม้เขาจะออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยจากรัฐบาลที่มาจากคณะรัฐประหาร แต่ก็ไม่สามารถที่จะสร้างความระคายเคืองให้กับคณะรัฐประหารได้เลย ผมมองว่าการแสดงออกของพวกเขาเป็นความเร่าร้อนจากช่วงวัยของคนหนุ่มสาวเท่านั้น และไม่ได้มีพลังมากพอที่จะปลุกระดมมวลชนให้เกิดความกระด้างกระเดื่องขึ้นมาได้ ดังนั้นรัฏฐาธิปัตย์จึงไม่ควรใส่ใจและปล่อยให้พวกเขาแสดงออก
การจับกุมนักศึกษาเสียอีกที่จะทำให้พวกที่แอบอยู่ข้างหลังนักศึกษาเอาไปขยายความเพื่อปลุกปั่นคนให้ออกมาชุมนุมเพิ่มขึ้นได้ เพราะเห็นใจเยาวชนคนหนุ่มสาวเหล่านั้น แม้ว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วจะปลุกไม่ขึ้น แต่เหมือนกับไปเติมกองไฟที่ใกล้มอดดับให้เปล่งประกายขึ้นมาชั่วครู่ยาม แต่เราก็ไม่ควรประมาทเพราะเหตุการณ์ในอดีตนั้นเกิดจากสะเก็ดไฟเล็กน้อยแล้วลามออกไปแทบทั้งนั้น
ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครอยู่เบื้องหลังนักศึกษาเหล่านี้ แต่ผมเชื่อว่ามีคนบางกลุ่มพยายามจะใช้นักศึกษาเหล่านี้เป็นชนวนไปสู่ความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยหวังว่าหนทางนั้นจะนำไปสู่การล้มรัฐบาลทหารได้
คำถามว่า ถ้าเราล้มรัฐบาลทหารได้แล้วเราได้อะไร ประกาศเพ้อฝันเลื่อนลอยสถาปนารัฐบาลประชาชนเหรอครับ แล้วบอกหน่อยสิครับว่าเอาใครมาบริหารประเทศ หรือจะกดดันให้รัฐบาลทหารจัดการเลือกตั้งทันทีคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน แล้วลองย้อนไปถึงวันที่รัฐบาลประชาธิปไตยใช้เสียงข้างมากปิดปากฝ่ายค้านลักหลับนิรโทษกรรมแบบสุดซอยนั่นคือประชาธิปไตยที่เราต้องการหรือ ความชอบธรรมของรัฐบาลประชาธิปไตยคือการขยิบตาให้อำนาจเถื่อนออกมาไล่ฆ่าประชาชนที่ออกมาชุมนุมประท้วงเช่นนั้นหรือ
เราต้องการประชาธิปไตยแบบที่ปกครองโดยพรรคการเมืองที่จัดตั้งแบบเผด็จการพรรคที่อำนาจสูงสุดอยู่ที่นายทุนพรรค และสร้างพรรคขึ้นมาด้วยการใช้เงินซื้อพรรคซื้อ ส.ส. ซื้อหัวคะแนน และทุจริตเชิงนโยบายเพื่อให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มทุนธุรกิจของวงศ์วานว่านเครือนายทุนพรรค และหยิบยื่นเศษเงินให้กับประชาชนคนยากจน
ความจริงแล้วพวกที่ออกมาแสดงตัวหลังนักศึกษาถูกจับกุมนั่นแหละครับ น่าจะออกมายืนแถวหน้าแทนนักศึกษาดีกว่าจะแอบด้านหลังนักศึกษา ผมไม่ปฏิเสธหรอกครับว่า คนที่ออกมาหนุนหลังนักศึกษาบางส่วนมาจากเหตุผลไม่ชอบการรัฐประหาร แต่ช่วยตอบคำถามว่าเราควรทำอย่างไรกับรัฐบาลที่ใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมแบบรัฐบาลยิ่งลักษณ์ช่วงก่อนที่ประชาชนจะลุกฮือออกมาหลายล้านคน ทำอย่างไรกับการปล่อยให้ไล่ฆ่าประชาชนที่ออกมาชุมนุม ทำอย่างไรกับรัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชัน
ถ้าบอกว่ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นแม้รัฐบาลจะทุจริตก็ควรจะให้อยู่ไปจนครบสมัยแล้วไม่ต้องเลือกกลับมาอีก อย่างนั้นพวกคุณไม่ใช่นักประชาธิปไตยแต่เป็นนักเลือกตั้งที่เข้าใจประชาธิปไตยคือการเข้าคูหาไปลงคะแนนเลือกผู้นำเท่านั้นเอง
ส่วนพวกอีกกลุ่มที่ออกมาหนุนหลังนักศึกษานั้น แน่นอนว่า เป็นพวกที่ไม่เอาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พูดชัดๆ คือพวกไม่เอาเจ้าและมองว่าระบอบทักษิณจะเป็นเครื่องมือในการกำจัดสถาบันที่พวกเขาชิงชังได้พวกนี้จะเป็นปัญญาชนหน่อย และพวกที่สนับสนุนระบอบทักษิณซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรากหญ้าที่ถูกทำให้เชื่อว่าระบอบทักษิณให้ประโยชน์และประชาธิปไตยที่กินได้แก่พวกเขา
แต่พวกนี้ก็ขี้ขลาดเกินกว่าที่ออกมาชนกับ คสช.ด้วยตัวเอง จึงหันมาใช้ความบริสุทธิ์ของนักศึกษาเป็นเครื่องมือนึกว่าจะทำให้เกิดเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประชาชนออกมาแบบเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 แต่ก็กลายเป็นความฝันที่เลื่อนลอย
สิ่งที่น่ากลัวก็คือว่า ปัจจุบันสังคมไทยแบ่งออกมาเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจนคือ ฝ่ายเอาทักษิณกับฝ่ายไม่เอาทักษิณ ฝ่ายเอารัฐประหารกับฝ่ายไม่เอารัฐประหาร ฝ่ายเอาทักษิณสัมพันธ์กับฝ่ายไม่เอารัฐประหารสัมพันธ์กับฝ่ายไม่เอาเจ้า และฝ่ายไม่เอาทักษิณสนับสนุนรัฐประหาร และยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต่างฝ่ายต่างถือชุดความผิดถูกกันคนละชุด ถือความชอบธรรมที่มีบริบทแตกต่างกัน โอกาสที่ประชาชนสองฝ่ายจะเกิดการปะทะกันโดยต่างฝ่ายต่างเชื่อมั่นในความถูกต้องนั้นมีโอกาสเป็นไปได้สูง
คนที่ผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 น่าจะประเมินว่าเหตุการณ์ใดกันแน่ที่น่าจะย้อนกลับมามากกว่ากัน แล้วเราจะยอมให้เกิดความสูญเสียขึ้นในสังคมไทยอีกหรือ
พวกที่แอบอยู่ข้างหลังนักศึกษารู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น นอกจากพวกเขาต้องการให้นักศึกษากลายเป็นเหยื่อ
ทั้งที่สภาพแวดล้อมและบริบทของเหตุการณ์ในครั้งนี้และครั้งนั้นแตกต่างกันมาก เพราะอดีตนั้นเป็นการขับไล่เผด็จการที่สืบทอดอำนาจมายาวนานของรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ที่รัฐประหารตัวเองและยึดอำนาจมาต่อเนื่องนับ 10 ปี ในขณะที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะชนชั้นกลาง และถ้าทหารไม่ออกมารัฐบาลประชาธิปไตยของยิ่งลักษณ์ก็ปล่อยให้มีการจัดตั้งกองกำลังขึ้นมาสังหารหมู่ประชาชนที่ออกมาต่อต้านขับไล่ล้มตายไม่เว้นแต่ละวัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าผมเห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลประยุทธ์และคสช.ทำทั้งหมดหลังยึดอำนาจ ผมคิดว่า ในช่วงแรกพวกเขาไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจนด้วยซ้ำว่า ควรจะทำอย่างไรไม่ให้บ้านเมืองกลับไปสู่กลียุคอีก และใน คสช.ยังมีความขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มที่ต้องการสืบทอด และไม่ต้องการสืบทอดอำนาจด้วย
เป้าหมายแรกสุดที่พวกเขาเข้ามายึดอำนาจก็เพราะพวกเขามองว่า ประชาชนสองฝ่ายทะเลาะกัน และบ้านเมืองถึงทางตันเดินหน้าไปไม่ได้เท่านั้นเอง ตอนแรกจึงออกมาชูธงเรื่องการปรองดอง ทักษิณก็เลยประกาศให้คนเสื้อแดงให้ความร่วมมือ และพระสุเทพก็ประกาศว่า เป็นพวกเดียวกัน แต่สถานการณ์ก็บีบจนรัฐบาลประยุทธ์ต้องเป็นปฏิปักษ์กับระบอบทักษิณมากขึ้นจนนำมาสู่การถอนพาสปอร์ตและเดินเรื่องถอดยศนั่นแหละ จึงถือว่า รัฐบาลประยุทธ์พบว่าอะไรเป็นวิกฤตของบ้านเมืองที่ต้องแก้ไขอย่างแท้จริง
มีคนจำนวนมากเห็นพ้องกันว่า ถ้ารัฐบาลประยุทธ์ไม่จัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยก่อนนำไปสู่การเลือกตั้ง สถานการณ์ความรุนแรงก็จะกลับคืนมาอีก
หัวใจของระบอบทักษิณอยู่ที่การยึดกุมมวลชนรากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเอาไว้ ถ้าไม่ทำอะไรที่สามารถซื้อใจและทำให้เขาเห็นอันตรายของระบอบทักษิณได้ วันเลือกตั้งที่ไม่ว่ารวยจนก็มีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงวันนั้นระบอบทักษิณก็กลับมาอีก
แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการจับกุมนักศึกษากลุ่มนี้ เพราะแม้เขาจะออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยจากรัฐบาลที่มาจากคณะรัฐประหาร แต่ก็ไม่สามารถที่จะสร้างความระคายเคืองให้กับคณะรัฐประหารได้เลย ผมมองว่าการแสดงออกของพวกเขาเป็นความเร่าร้อนจากช่วงวัยของคนหนุ่มสาวเท่านั้น และไม่ได้มีพลังมากพอที่จะปลุกระดมมวลชนให้เกิดความกระด้างกระเดื่องขึ้นมาได้ ดังนั้นรัฏฐาธิปัตย์จึงไม่ควรใส่ใจและปล่อยให้พวกเขาแสดงออก
การจับกุมนักศึกษาเสียอีกที่จะทำให้พวกที่แอบอยู่ข้างหลังนักศึกษาเอาไปขยายความเพื่อปลุกปั่นคนให้ออกมาชุมนุมเพิ่มขึ้นได้ เพราะเห็นใจเยาวชนคนหนุ่มสาวเหล่านั้น แม้ว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วจะปลุกไม่ขึ้น แต่เหมือนกับไปเติมกองไฟที่ใกล้มอดดับให้เปล่งประกายขึ้นมาชั่วครู่ยาม แต่เราก็ไม่ควรประมาทเพราะเหตุการณ์ในอดีตนั้นเกิดจากสะเก็ดไฟเล็กน้อยแล้วลามออกไปแทบทั้งนั้น
ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครอยู่เบื้องหลังนักศึกษาเหล่านี้ แต่ผมเชื่อว่ามีคนบางกลุ่มพยายามจะใช้นักศึกษาเหล่านี้เป็นชนวนไปสู่ความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยหวังว่าหนทางนั้นจะนำไปสู่การล้มรัฐบาลทหารได้
คำถามว่า ถ้าเราล้มรัฐบาลทหารได้แล้วเราได้อะไร ประกาศเพ้อฝันเลื่อนลอยสถาปนารัฐบาลประชาชนเหรอครับ แล้วบอกหน่อยสิครับว่าเอาใครมาบริหารประเทศ หรือจะกดดันให้รัฐบาลทหารจัดการเลือกตั้งทันทีคืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน แล้วลองย้อนไปถึงวันที่รัฐบาลประชาธิปไตยใช้เสียงข้างมากปิดปากฝ่ายค้านลักหลับนิรโทษกรรมแบบสุดซอยนั่นคือประชาธิปไตยที่เราต้องการหรือ ความชอบธรรมของรัฐบาลประชาธิปไตยคือการขยิบตาให้อำนาจเถื่อนออกมาไล่ฆ่าประชาชนที่ออกมาชุมนุมประท้วงเช่นนั้นหรือ
เราต้องการประชาธิปไตยแบบที่ปกครองโดยพรรคการเมืองที่จัดตั้งแบบเผด็จการพรรคที่อำนาจสูงสุดอยู่ที่นายทุนพรรค และสร้างพรรคขึ้นมาด้วยการใช้เงินซื้อพรรคซื้อ ส.ส. ซื้อหัวคะแนน และทุจริตเชิงนโยบายเพื่อให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มทุนธุรกิจของวงศ์วานว่านเครือนายทุนพรรค และหยิบยื่นเศษเงินให้กับประชาชนคนยากจน
ความจริงแล้วพวกที่ออกมาแสดงตัวหลังนักศึกษาถูกจับกุมนั่นแหละครับ น่าจะออกมายืนแถวหน้าแทนนักศึกษาดีกว่าจะแอบด้านหลังนักศึกษา ผมไม่ปฏิเสธหรอกครับว่า คนที่ออกมาหนุนหลังนักศึกษาบางส่วนมาจากเหตุผลไม่ชอบการรัฐประหาร แต่ช่วยตอบคำถามว่าเราควรทำอย่างไรกับรัฐบาลที่ใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมแบบรัฐบาลยิ่งลักษณ์ช่วงก่อนที่ประชาชนจะลุกฮือออกมาหลายล้านคน ทำอย่างไรกับการปล่อยให้ไล่ฆ่าประชาชนที่ออกมาชุมนุม ทำอย่างไรกับรัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชัน
ถ้าบอกว่ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นแม้รัฐบาลจะทุจริตก็ควรจะให้อยู่ไปจนครบสมัยแล้วไม่ต้องเลือกกลับมาอีก อย่างนั้นพวกคุณไม่ใช่นักประชาธิปไตยแต่เป็นนักเลือกตั้งที่เข้าใจประชาธิปไตยคือการเข้าคูหาไปลงคะแนนเลือกผู้นำเท่านั้นเอง
ส่วนพวกอีกกลุ่มที่ออกมาหนุนหลังนักศึกษานั้น แน่นอนว่า เป็นพวกที่ไม่เอาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พูดชัดๆ คือพวกไม่เอาเจ้าและมองว่าระบอบทักษิณจะเป็นเครื่องมือในการกำจัดสถาบันที่พวกเขาชิงชังได้พวกนี้จะเป็นปัญญาชนหน่อย และพวกที่สนับสนุนระบอบทักษิณซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรากหญ้าที่ถูกทำให้เชื่อว่าระบอบทักษิณให้ประโยชน์และประชาธิปไตยที่กินได้แก่พวกเขา
แต่พวกนี้ก็ขี้ขลาดเกินกว่าที่ออกมาชนกับ คสช.ด้วยตัวเอง จึงหันมาใช้ความบริสุทธิ์ของนักศึกษาเป็นเครื่องมือนึกว่าจะทำให้เกิดเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประชาชนออกมาแบบเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 แต่ก็กลายเป็นความฝันที่เลื่อนลอย
สิ่งที่น่ากลัวก็คือว่า ปัจจุบันสังคมไทยแบ่งออกมาเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจนคือ ฝ่ายเอาทักษิณกับฝ่ายไม่เอาทักษิณ ฝ่ายเอารัฐประหารกับฝ่ายไม่เอารัฐประหาร ฝ่ายเอาทักษิณสัมพันธ์กับฝ่ายไม่เอารัฐประหารสัมพันธ์กับฝ่ายไม่เอาเจ้า และฝ่ายไม่เอาทักษิณสนับสนุนรัฐประหาร และยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต่างฝ่ายต่างถือชุดความผิดถูกกันคนละชุด ถือความชอบธรรมที่มีบริบทแตกต่างกัน โอกาสที่ประชาชนสองฝ่ายจะเกิดการปะทะกันโดยต่างฝ่ายต่างเชื่อมั่นในความถูกต้องนั้นมีโอกาสเป็นไปได้สูง
คนที่ผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 น่าจะประเมินว่าเหตุการณ์ใดกันแน่ที่น่าจะย้อนกลับมามากกว่ากัน แล้วเราจะยอมให้เกิดความสูญเสียขึ้นในสังคมไทยอีกหรือ
พวกที่แอบอยู่ข้างหลังนักศึกษารู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น นอกจากพวกเขาต้องการให้นักศึกษากลายเป็นเหยื่อ