ผ่าประเด็นร้อน
แม้ว่าจะมีความพยายามกันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อ “สร้างกระแส” ให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมืองเกิดขึ้นมาให้ได้ โดยใช้เงื่อนไข “เผด็จการรัฐประหาร” เป็นธงนำเรื่อยมา แน่นอนว่าหากพิจารณาจาก “สูตรสำเร็จ” ที่ใช้ได้ผลมาหลายแห่งเกือบทั่วโลกก็ต้องแบบนี้แหละ ประเภทที่ว่าเมื่อมีการประท้วงต่อต้านก็จับขังคุก ใช้กำลังทหารปราบปรามรุนแรง แล้วก็เกิดการลุกฮือขึ้นมาลุกลามไปทั่ว ทีนี้ก็ต่างชาติ ประเทศมหาอำนาจ สหประชาชาติก็จะเข้ามาแทรกแซง
นั่นเป็นบรรยากาศการประท้วงต่อต้าน แล้วปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน จากนั้นก็เรียบร้อย ผู้นำเผด็จการทั้งหลายก็ร่วง
ถามว่าแล้วประเทศไทยเวลานี้เป็นแบบนั้นหรือไม่ คำตอบชัดเจนคือ “ยังไม่ใช่” เงื่อนไขแบบนั้นยังไม่มา และมั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้ก็ยังไม่น่าจะมา เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากการจัดการรับมือกับการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มการเมือง” ที่ใช้เด็กๆ นักศึกษาออกมาเป็น “แนวหน้า” ท้าทายอยู่ในตอนนี้
หลายคนคงเห็นตรงกันแล้วว่า บรรดานักศึกษาที่ตั้งชื่อเรียกตัวเองแบบเท่ๆ ว่า “กลุ่มดาวดิน” หรือกลุ่ม “ประชาธิปไตยใหม่” กลุ่มนี้ย่อมมีที่มาไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เมื่อได้เห็นพวก “แนวร่วม” โผล่หน้าออกมาให้กำลังใจ แม้ว่าจะไม่อาจฟันธงกันแบบใช้หลักฐานแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็พอสรุปกันได้ว่าล้วนเป็น “เครือข่ายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว” ผนวกกับ “พวกล้มเจ้า” ที่เคลื่อนไหวร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในรายละเอียดเป้าหมายสูงสุดในอนาคตอาจจะต่างกัน แต่สำหรับเป้าหมายเฉพาะหน้าในเรื่อง “การโค่น” ก็ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน
แน่นอนว่าสูตรสำเร็จหลักๆ ที่ยังจำเป็นต้องนำมาใช้เป็นธงนำก็คือเชิดชูประชาธิปไตยแบบการเลือกตั้งของตะวันตก เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก ซึ่งแบบนี้ก็ต้องตรงข้ามกับ “การรัฐประหาร-ทหาร-เผด็จการ” ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่จะต้องมีพวกประเทศตะวันตกที่นำโดยสหรัฐอเมริกาออกโรงสนับสนุน ล่าสุดก็มีกลุ่มสหภาพยุโรป ที่กดดันใหัรัฐบาลทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติปล่อยตัวนักศึกษาที่ถูกจับกุมดังกล่าว ทุกอย่างทยอยออกมาเป็นแพ็กเกจ รวมไปถึงได้เห็นการเคลื่อนไหวที่ “ถี่” ขึ้นมาเรื่อยๆ จาก ทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางไปโน่นมานี่ ล่าสุดก็ไปโผล่ที่สหรัฐฯแล้วก็มีการโพสต์ภาพให้เห็นทางโลกโซเชียลฯ กระจายออกมาให้บรรดาเครือข่ายได้เห็นทำนองว่า “เขาก็ไม่หยุดนิ่ง” อะไรประมาณนั้น หรือประเภทที่ว่า “ไม่มีใครหยุดเขาได้” หลังจากที่ตัวเองถูกยึดหนังสือเดินทางไปแล้ว ต้องการแสดงให้เห็นว่า ยังมีอีกหลายเล่มที่เป็นของประเทศอื่น และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้แต่สหรัฐฯก็ยังยินดีต้อนรับ เข้าออกได้ตลอดเวลา
แม้ว่าข้างในจะมีรายละเอียดที่ซับซ้อน แสดงออกมาใหัเห็นเป็นหลักฐานทั้งหมดได้ยาก โดยเฉพาะในเรื่องผลประโยชน์ระหว่างประเทศที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นเด็กดีมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันได้อย่างลงตัวทั้งในเรื่องของผลประโยชน์ด้านพลังงาน เป็นต้น ขณะที่รัฐบาล คสช.ในยุคปัจจุบันยังตอบสนองไม่ได้เต็มร้อย ทำให้เกิดปัญหาตามมาหรือไม่ โดยใช้ข้ออ้างคลาสสิคเรื่องสิทธิมนุษยชนนำหน้า ซึ่งบทพิสูจน์ให้เห็นได้ชัดเจนก็คือ หากประเทศตะวันตกพวกนี้ยึดมั่นในหลักการดังกล่าวอย่างแท้จริงโดยไม่ใช่บังหนัาเรื่องผลประโยชน์ก็คงไม่อาจคบค้ากับหลายประเทศในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศอาหรับในตะวันออกกลางทั้งมวล หรือแม้แต่ประเทศจีน เวียดนาม ลาว ถามว่าประเทศเหล่านี้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือเปล่า มีการเลือกตั้งเสรีหรือเปล่า
หันมาทางฝ่ายอำนาจรัฐที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะรับมือกับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ซึ่งเวลาผ่านมาปีกว่าก็ต้องบอกว่า “ยังไม่พลาด” ในเรื่องใหญ่ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการเมืองแม้ว่าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องยังทำได้ไม่ดีนัก แต่ก็สามารถประคับประคองไปได้ ตราบใดที่ยังควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความสงบมาได้อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญที่ผ่านมาโดยรวมยังถือว่า “ไม่ได้ใช้อำนาจเกินขอบเขต” ในเรื่องที่เกี่ยวกับอำนาจพิเศษที่ตัวเองมีอยู่เต็มมือ นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญก็คือยังไม่เกิดเรื่องอื้อฉาวในลักษณะการทุจริตคอร์รัปชั่นประเภทรายการใหญ่ออกมาให้เห็น สองเรื่องหลังนี่แหละคือ “จุดตาย” รวมไปถึงเงื่อนไขในเรื่องการ “หมกเม็ด” ในเรื่องการสืบทอดอำนาจก็ยังไม่ชัด แต่กรณีหลังสุดจะไม่มีปัญหาหากสามารถสร้างผลงาน สร้างความประทับใจชาวบ้านมันก็ผ่านไปได้ ดังที่ปรากฏผ่านทางผลสำรวจหลายครั้งก่อนหน้านี้ที่เขายังสอบผ่าน
ดังนั้น เมื่อยกมาเปรียบเทียบกับกรณีเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองที่ใช้เด็กๆ นักศึกษาออกหน้าโดยยกเอาเรื่องเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้งมาเป็นธงนำก็คงยังไม่ได้ผล ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังไม่พลาดด้วยการใช้อำนาจเกินขอบเขต รวมทั้งเกิดการคอร์รัปชันกันขนานใหญ่ ขณะที่อีกด้านหนึ่งชาวบ้านยังรู้สึกรังเกียจนักการเมืองอยู่แบบนี้ เชื่อว่า “แผนใช้ไม้ขีดไฟ” ไม่กี่ก้านจุดไฟ มันก็คงยังจุดติดยาก แต่ก็อย่าประมาท เพราะมีการปรับเปลี่ยนแผนยั่วยุเป็นรายวันเหมือนกัน!!