ASTVผู้จัดการรายวัน-นบข.ไฟเขียวนำข้าวสารในสต๊อก 2 หมื่นตันทำข้าวถุง นำร่องล็อตแรก 5 พันตัน ทำขนาดถุงละ 2 กิโลกรัม ขายราคาถูกให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย พร้อมไฟเขียวมาตรการดูแลราคาข้าวปี 2558/59 เน้นลดต้นทุน และใช้มาตรการดูแลช่วงราคาตก
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน วานนี้ (1 ก.ค.) ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้นำข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 2 หมื่นตัน มาดำเนินการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และเห็นชอบแนวทางการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงที่ได้มาตรฐาน เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในราคาที่ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาในประเทศ
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะทำสัญญากับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยดำเนินการคัดเลือกสมาชิกที่ได้มาตรฐานและมีศักยภาพในการกระจายสินค้า ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเป็นผู้คัดเลือกรายชื่อและแจ้งแก่สหกรณ์ชุมชน วิสาหกิจชุมชนที่มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพในการนำข้าวถุงไปจำหน่ายให้กลุ่มเป้าหมาย เบื้องต้นมีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการแล้ว 149 ราย
สำหรับการจัดทำข้าวถุงที่ได้มาตรฐานขนาด 2 กิโลกรัม ประมาณ 5,000 ตัน จะดำเนินการภายใน 3 เดือน ระหว่างเดือนก.ค.-ก.ย.2558 โดยมีข้อความระบุด้านข้างถุงว่า "โครงการเพื่อชุมชน" เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหกรณ์ชุมชน วิสาหกิจชุมชน และเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐและในการเก็บสต็อกข้าว
น.ส.ชุติมากล่าวว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปีการผลิต 2558/59 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอแนวทางการสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ซึ่งมี 2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการที่ 1 การลดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตค่าบริหารและค่าเช่านา ประกอบด้วย ลดราคาจำหน่ายปลีกปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ข้าว ลดราคาค่าบริการรถเกี่ยวนวดข้าว ควบคุมค่าเช่าที่นา และมาตรการที่ 2 ส่งเสริมกิจกรรมลดต้นทุนการผลิต ประกอบด้วย ส่งเสริมการทำปุ๋ยอินทรีย์ ส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ถ่ายทอดเทคโนโลยี ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และส่งเสริมสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนในการสูบน้ำ
ส่วนกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกร 6 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร 2.โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 3.โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก 4.โครงการสินเชื่อเกษตรกรเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือก 5.โครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก และ 6.โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558/59
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลความคืบหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบข้าวในสต็อกของรัฐบาลที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ณ วันที่ 28 มิ.ย.2558 โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) มีจำนวนคลังที่แจ้งความ 792 คลัง ตรวจสอบแล้วมีกลุ่มผิดชนิดข้าว กลุ่มข้าวเสีย และกลุ่มข้าวไม่ตรงตามมาตรฐาน รวมทั้งสิ้นจำนวน 344 คลัง ส่วน อ.ต.ก. มีจำนวนคลังที่แจ้งความ 271 คลัง ตรวจสอบแล้วมีกลุ่มผิดชนิดข้าว กลุ่มข้าวเสีย และกลุ่มข้าวไม่ตรงตามมาตรฐาน รวมทั้งสิ้นจำนวน 70 คลัง
ด้านพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงมาตรการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการระบายข้าว การตรวจสอบคุณภาพข้าว ที่มีผลกระทบโดยตรง และเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องแบกรับภาระเอาไว้ทั้งหมด จึงต้องหาวิธีที่จะไม่ทำให้ระบบโครงสร้างข้าวเกิดความเสียหาย เพราะเป็นเรื่องที่ผูกพันมา โดยหากนโยบายแบบนี้ยังอยู่ จะทำให้ประเทศชาติล้มเหลวเรื่องข้าวอย่างมหาศาล ส่งผลกระทบกับประชาชน ขณะที่สถานการณ์ข้าวในตลาดโลก ก็กำลังขึ้นลงตามสภาพอากาศ จึงต้องหารือถึงการลดต้นทุนการผลิต โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนปัญหาข้าวในคลังที่ยังติดข้อกฎหมายนั้น ต้องใช้มติของที่ประชุม นบข. ถึงจะสามารถดำเนินการขายข้าวได้
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน วานนี้ (1 ก.ค.) ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้นำข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 2 หมื่นตัน มาดำเนินการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และเห็นชอบแนวทางการจัดทำข้าวสารบรรจุถุงที่ได้มาตรฐาน เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในราคาที่ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาในประเทศ
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะทำสัญญากับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยดำเนินการคัดเลือกสมาชิกที่ได้มาตรฐานและมีศักยภาพในการกระจายสินค้า ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเป็นผู้คัดเลือกรายชื่อและแจ้งแก่สหกรณ์ชุมชน วิสาหกิจชุมชนที่มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพในการนำข้าวถุงไปจำหน่ายให้กลุ่มเป้าหมาย เบื้องต้นมีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการแล้ว 149 ราย
สำหรับการจัดทำข้าวถุงที่ได้มาตรฐานขนาด 2 กิโลกรัม ประมาณ 5,000 ตัน จะดำเนินการภายใน 3 เดือน ระหว่างเดือนก.ค.-ก.ย.2558 โดยมีข้อความระบุด้านข้างถุงว่า "โครงการเพื่อชุมชน" เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหกรณ์ชุมชน วิสาหกิจชุมชน และเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐและในการเก็บสต็อกข้าว
น.ส.ชุติมากล่าวว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปีการผลิต 2558/59 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอแนวทางการสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ซึ่งมี 2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการที่ 1 การลดราคาจำหน่ายปัจจัยการผลิตค่าบริหารและค่าเช่านา ประกอบด้วย ลดราคาจำหน่ายปลีกปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ข้าว ลดราคาค่าบริการรถเกี่ยวนวดข้าว ควบคุมค่าเช่าที่นา และมาตรการที่ 2 ส่งเสริมกิจกรรมลดต้นทุนการผลิต ประกอบด้วย ส่งเสริมการทำปุ๋ยอินทรีย์ ส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ถ่ายทอดเทคโนโลยี ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และส่งเสริมสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนในการสูบน้ำ
ส่วนกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกร 6 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร 2.โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 3.โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก 4.โครงการสินเชื่อเกษตรกรเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือก 5.โครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก และ 6.โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558/59
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลความคืบหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบข้าวในสต็อกของรัฐบาลที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ณ วันที่ 28 มิ.ย.2558 โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) มีจำนวนคลังที่แจ้งความ 792 คลัง ตรวจสอบแล้วมีกลุ่มผิดชนิดข้าว กลุ่มข้าวเสีย และกลุ่มข้าวไม่ตรงตามมาตรฐาน รวมทั้งสิ้นจำนวน 344 คลัง ส่วน อ.ต.ก. มีจำนวนคลังที่แจ้งความ 271 คลัง ตรวจสอบแล้วมีกลุ่มผิดชนิดข้าว กลุ่มข้าวเสีย และกลุ่มข้าวไม่ตรงตามมาตรฐาน รวมทั้งสิ้นจำนวน 70 คลัง
ด้านพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงมาตรการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการระบายข้าว การตรวจสอบคุณภาพข้าว ที่มีผลกระทบโดยตรง และเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องแบกรับภาระเอาไว้ทั้งหมด จึงต้องหาวิธีที่จะไม่ทำให้ระบบโครงสร้างข้าวเกิดความเสียหาย เพราะเป็นเรื่องที่ผูกพันมา โดยหากนโยบายแบบนี้ยังอยู่ จะทำให้ประเทศชาติล้มเหลวเรื่องข้าวอย่างมหาศาล ส่งผลกระทบกับประชาชน ขณะที่สถานการณ์ข้าวในตลาดโลก ก็กำลังขึ้นลงตามสภาพอากาศ จึงต้องหารือถึงการลดต้นทุนการผลิต โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนปัญหาข้าวในคลังที่ยังติดข้อกฎหมายนั้น ต้องใช้มติของที่ประชุม นบข. ถึงจะสามารถดำเนินการขายข้าวได้