“พาณิชย์” ตั้งอนุกรรมการเดินหน้าโครงการโรงสีติดดาว หวังสร้างมาตรฐานให้ผู้ประกอบการ และเตรียมพร้อมรับเออีซี เผยเป็นมาตรการสมัครใจ เหตุทำให้โรงสีมีต้นทุนเพิ่ม ด้านโรงสีเห็นด้วย แต่ห่วงมาตรการเข้ม ทำผู้ประกอบการบางรายโดนกีดกันออกจากตลาด
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดเกรดโรงสีข้าวด้วยการติดดาวตามศักยภาพของผู้ประกอบการโรงสี ว่า กระทรวงฯ ได้มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการ โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน เพื่อกำหนดมาตรฐานโรงสี ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการก่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) รวมถึงการแข่งขันด้านอื่นๆ และเมื่อมีมาตรฐานออกมาแล้ว เบื้องต้น จะกำหนดให้เป็นการดำเนินการตามความสมัครใจก่อน เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุนทางธุรกิจ และที่ผ่านมา มีหน่วยงานอื่นมีการกำหนดมาตรฐานภาคบังคับเพื่อให้โรงสีปฏิบัติตามอยู่แล้ว เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดมาตรฐาน ISO 9000 และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดมาตรฐาน GMP
“โครงการโรงสีติดดาว กระทรวงฯ เป็นโครงการที่เร่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ ไม่ได้เกี่ยวกับที่นายกรัฐมนตรีพูดก่อนหน้านี้ว่า ต้องสร้างมาตรฐานให้โรงสี และโรงสีใดไม่ได้มาตรฐานให้ปิด แต่การที่นายกรัฐมนตรีพูดอย่างนี้ ถือเป็นนโยบายที่ต้องการให้ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพที่ดีขึ้น” น.ส.ชุติมากล่าว
นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ เลขาธิการสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า เห็นด้วยต่อการพัฒนาศักยภาพธุรกิจ แต่การกำหนดมาตรการใดขึ้นมาต้องคำนึงถึงธรรมเนียมปฏิบัติ และโครงสร้างของธุรกิจการค้าข้าวด้วย เพราะในปัจจุบันโรงสีไทยในระบบมี 1,500 แห่ง จากที่จดทะเบียนต่อกระทรวงอุตสาหกรรม 30,000 แห่ง ซึ่งล้วนแต่มีศักยภาพดีกว่าเพื่อนบ้าน ส่วนการสีข้าวให้ได้คุณภาพต้องขึ้นต่อคุณภาพของเมล็ดข้าวเปลือกจากแหล่งผลิตเป็นหลัก ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการสี เพราะส่วนใหญ่การสีข้าวจะดำเนินการตามความต้องการตลาด เช่น สีข้าวให้ขาวสะอาดสำหรับข้าวตลาดบน หรือสีบางส่วนเพื่อไม่ให้มีกรวดหินดินทรายปะปนสำหรับตลาดเพื่อสุขภาพ
ส่วนโรงสีที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ หรือถูกระบุว่าไม่ได้มาตรฐาน แต่สามารถผลิตสินค้าได้ตามความต้องการตลาด อาจถูกกีดกันออกจากการแข่งขันโดยปริยาย ซึ่งเป็นการกีดกันทางธุรกิจได้ โดยเบื้องต้น เห็นว่าการกำหนดมาตรฐานควรจะเป็นแบบสมัครใจ และการกำหนดมาตรฐานต้องมีความหลากหลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงปาฐกถาในงานสัมมนา Thailand Rice Convention เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ต้องการให้โรงสีของไทยมีมาตรฐาน และหากโรงสีใดไม่สามารถดำเนินการให้ผ่านมาตรฐานได้ก็ให้ปิดตัว หรือโอนย้ายมาให้กลุ่มสหกรณ์บริหารจัดการแทน