ตามนัยแห่งคำสอนของพระพุทธเจ้า ทางแห่งความเสื่อมหรืออบายมุขมีอยู่ 4 ประการคือ
1. อิตถีธุตตะ นักเลงหญิง หรือนักเที่ยวผู้หญิง
2. สุราธุตตะ นักเลงสุรา หรือนักดื่ม
3. อักขธุตตะ นักการพนัน
4. ปาปมิตตะ คบคนชั่ว
ทางแห่งความเสื่อม 4 ประการดังกล่าวข้างต้น เกิดขึ้นกับบุคคลใด บุคคลนั้นมีแต่เสื่อม
ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ 90 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณนับถือพระพุทธศาสนา
ดังนั้น การดำเนินชีวิตของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ จึงเป็นไปตามแนวทางแห่งคำสอนของพระพุทธเจ้าคือเว้นการเป็นนักพนัน
การพนันตามนัยแห่งคำสอนของพระพุทธศาสนามีโทษ 5 ประการคือ
1. เมื่อชนะย่อมก่อเวร คือ ทำให้ผู้แพ้หมายปองที่เอาชนะเป็นการทวงคืนเงินที่เสียไป
2. เมื่อแพ้ก็เสียดายทรัพย์ที่เสียไป เป็นเหตุให้กลับมาเล่นอีกเพื่อหวังจะได้คืน
3. ทรัพย์หมดไป
4. เข้าที่ประชุมผู้คนไม่เชื่อถ้อยคำ
5. เป็นที่ดูหมิ่นดูแคลนของเพื่อนฝูง
ด้วยเหตุที่การพนันให้โทษเยี่ยงนี้ สังคมไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงไม่ยอมรับผู้ที่ติดการพนันว่าเป็นคนดีมีเกียรติควรแก่การคบหามาเป็นเพื่อน
ด้วยเหตุนี้ นักการพนันจึงไม่คบคนดีเป็นเพื่อน จะมีก็เป็นประเภทนักการพนันด้วยกัน และที่สำคัญยิ่งกว่านี้มีน้อยคนจะร่ำรวยจากคนเล่นการพนัน เว้นไว้แต่ว่าเป็นเจ้าของบ่อน และไม่เป็นผู้เล่นนั่งเก็บค่าต๋งเพียงอย่างเดียว สร้างความร่ำรวยจากความหายนะจากผู้เล่นการพนันซึ่งล่มจมคนแล้วคนเล่า จึงเท่ากับเป็นผู้ทำลายศีลธรรมอันดีงามของสังคมโดยรวม
ถึงแม้ว่าการพนันเป็นเหตุแห่งความเสื่อม และผู้คนในสังคมไทยส่วนใหญ่จากอดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่ยอมรับ
แต่วันนี้และเวลานี้ ได้มีสมาชิก สปช.กลุ่มหนึ่งได้หยิบยกขึ้นมาให้รัฐบาลเปิดบ่อนกาสิโนในเชิงธุรกิจครบวงจร โดยข้อดีสรุปได้ดังนี้
1. เพื่อหารายได้เข้าประเทศ โดยการเปิดโอกาสให้นักการพนันจากต่างประเทศเข้ามาเล่นการพนันในประเทศไทย และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กัน
2. เพื่อให้คนไทยที่เดินทางไปเล่นการพนันในต่างประเทศหันมาเล่นการพนันในประเทศ เป็นการป้องกันมิให้เงินตราไหลออกนอกประเทศ
3. เพื่อเป็นการสร้างงานให้คนไทยทั้งโดยตรงคือ มีงานทำในบ่อน และโดยอ้อมคือมีงานทำในธุรกิจต่อเนื่อง เช่น ในโรงแรม และร้านอาหาร เป็นต้น
4. ได้มีการหยิบยกการมีบ่อนในเชิงธุรกิจในต่างประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น เพื่อให้เห็นว่าแม้ประเทศที่เจริญแล้วก็ยังมีบ่อน ดังนั้นถ้าประเทศไทยจะมีบ่อนก็ไม่น่าจะเสียภาพลักษณ์แต่อย่างใด
ถ้าฟังเพียงข้อดีก็จะทำให้มีผู้เห็นด้วยและคล้อยตามว่าประเทศไทยควรจะมีบ่อน ด้วยเหตุนี้จึงมีคนกลุ่มหนึ่งรวมไปถึง ผบ.ตร.ด้วยออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุน
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งผู้เสนอ และผู้เห็นด้วยในเรื่องนี้ มิได้นำข้อเสียจากการมีบ่อนในเชิงธุรกิจให้ผู้คนในสังคมได้รับรู้ และพิจารณาเปรียบเทียบกันทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง โครงสร้างทางสังคมไทยมีข้อเสียอันเกิดจากการมีบ่อนในเชิงธุรกิจมากมายหลายประการ ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้
1. ถ้ามีการเปิดบ่อนในเชิงธุรกิจ จะเป็นการเปิดโอกาสให้นักการพนันทำธุรกิจผิดกฎหมายแฝงเข้ามา เช่น เงินกู้นอกระบบ การค้าเงินปลอม การค้าประเวณี รวมไปถึงการใช้บ่อนเป็นแหล่งฟอกเงิน เป็นต้น
2. ในขณะนี้ แม้ยังไม่มีการเปิดบ่อนในเชิงธุรกิจถูกกฎหมาย นักท่องเที่ยวด้อยคุณภาพก็ทะลักเข้าประเทศไทย ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น เล่นการพนันออนไลน์ และรวมหัวกันต้มตุ๋น เป็นต้น มีอยู่อย่างดาษดื่นเป็นการเพิ่มภาระให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไล่ล่าจับกุม ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ และถ้ามีบ่อนเกิดขึ้นธุรกิจสีเทาประเภทนี้จะแฝงตัวเข้ามาเพิ่มขึ้นอีกกี่เท่ายากจะคาดเดา เพราะจะต้องไม่ลืมว่านักการพนันส่วนใหญ่คือผู้ที่ได้เงินมาอย่างง่ายๆ จากธุรกิจสีเทาหรือจากการใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ
จะมีอยู่น้อยมากที่จะนำเงินซึ่งตนเองได้มาจากการประกอบสัมมาชีพมาเล่นการพนัน เพราะคนเหล่านี้รู้จักค่าของเงิน และใช้เงินอย่างคุ้มค่า
3. ประเทศไทยเป็นประเทศกสิกรรม มีประชากรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรมีรายได้น้อย ไม่มีเงินมาเล่นการพนัน จะมีก็เพียงคนกลุ่มเดียวที่มีรายได้จากธุรกิจสีเทาหรือไม่ก็ได้มาจากการใช้อำนาจในการแสวงหาโดยมิชอบ
ดังนั้น ถ้าเปิดบ่อนถูกกฎหมายก็เท่ากับเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้เท่านั้นมีโอกาสเข้าไปเล่นการพนันซึ่งคงจะมีอยู่ไม่มาก
ส่วนนักการพนันจากต่างประเทศจะมีมากหรือน้อยยังคาดการณ์ไม่ได้ ดังนั้นก่อนจะมีการเปิดบ่อนควรจะได้ทำการศึกษาถึงที่มาของนักพนันให้รอบคอบ และคิดหาวิธีป้องกันมิให้คนในชาติกลายเป็นนักพนัน และจะเป็นเหตุให้เศรษฐกิจของประเทศเสื่อมโทรม เนื่องจากคนในชาติถูกมอมเมาด้วยรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นนี้เมื่อถึงวันนั้นใครจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
อีกประการหนึ่ง ถ้าเปิดบ่อนแล้วนักพนันจากต่างชาติเข้าเล่นน้อย และบ่อนต้องอาศัยคนในประเทศเพื่อความอยู่รอด ก็จะเท่ากับกิจการบ่อนล้มเหลว เพราะเมื่อไม่มีรายได้จากนักพนันต่างประเทศหรือได้น้อยก็เท่ากับได้ไม่คุ้มเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านศีลธรรม และจริยธรรม
1. อิตถีธุตตะ นักเลงหญิง หรือนักเที่ยวผู้หญิง
2. สุราธุตตะ นักเลงสุรา หรือนักดื่ม
3. อักขธุตตะ นักการพนัน
4. ปาปมิตตะ คบคนชั่ว
ทางแห่งความเสื่อม 4 ประการดังกล่าวข้างต้น เกิดขึ้นกับบุคคลใด บุคคลนั้นมีแต่เสื่อม
ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ 90 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณนับถือพระพุทธศาสนา
ดังนั้น การดำเนินชีวิตของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ จึงเป็นไปตามแนวทางแห่งคำสอนของพระพุทธเจ้าคือเว้นการเป็นนักพนัน
การพนันตามนัยแห่งคำสอนของพระพุทธศาสนามีโทษ 5 ประการคือ
1. เมื่อชนะย่อมก่อเวร คือ ทำให้ผู้แพ้หมายปองที่เอาชนะเป็นการทวงคืนเงินที่เสียไป
2. เมื่อแพ้ก็เสียดายทรัพย์ที่เสียไป เป็นเหตุให้กลับมาเล่นอีกเพื่อหวังจะได้คืน
3. ทรัพย์หมดไป
4. เข้าที่ประชุมผู้คนไม่เชื่อถ้อยคำ
5. เป็นที่ดูหมิ่นดูแคลนของเพื่อนฝูง
ด้วยเหตุที่การพนันให้โทษเยี่ยงนี้ สังคมไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงไม่ยอมรับผู้ที่ติดการพนันว่าเป็นคนดีมีเกียรติควรแก่การคบหามาเป็นเพื่อน
ด้วยเหตุนี้ นักการพนันจึงไม่คบคนดีเป็นเพื่อน จะมีก็เป็นประเภทนักการพนันด้วยกัน และที่สำคัญยิ่งกว่านี้มีน้อยคนจะร่ำรวยจากคนเล่นการพนัน เว้นไว้แต่ว่าเป็นเจ้าของบ่อน และไม่เป็นผู้เล่นนั่งเก็บค่าต๋งเพียงอย่างเดียว สร้างความร่ำรวยจากความหายนะจากผู้เล่นการพนันซึ่งล่มจมคนแล้วคนเล่า จึงเท่ากับเป็นผู้ทำลายศีลธรรมอันดีงามของสังคมโดยรวม
ถึงแม้ว่าการพนันเป็นเหตุแห่งความเสื่อม และผู้คนในสังคมไทยส่วนใหญ่จากอดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่ยอมรับ
แต่วันนี้และเวลานี้ ได้มีสมาชิก สปช.กลุ่มหนึ่งได้หยิบยกขึ้นมาให้รัฐบาลเปิดบ่อนกาสิโนในเชิงธุรกิจครบวงจร โดยข้อดีสรุปได้ดังนี้
1. เพื่อหารายได้เข้าประเทศ โดยการเปิดโอกาสให้นักการพนันจากต่างประเทศเข้ามาเล่นการพนันในประเทศไทย และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กัน
2. เพื่อให้คนไทยที่เดินทางไปเล่นการพนันในต่างประเทศหันมาเล่นการพนันในประเทศ เป็นการป้องกันมิให้เงินตราไหลออกนอกประเทศ
3. เพื่อเป็นการสร้างงานให้คนไทยทั้งโดยตรงคือ มีงานทำในบ่อน และโดยอ้อมคือมีงานทำในธุรกิจต่อเนื่อง เช่น ในโรงแรม และร้านอาหาร เป็นต้น
4. ได้มีการหยิบยกการมีบ่อนในเชิงธุรกิจในต่างประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น เพื่อให้เห็นว่าแม้ประเทศที่เจริญแล้วก็ยังมีบ่อน ดังนั้นถ้าประเทศไทยจะมีบ่อนก็ไม่น่าจะเสียภาพลักษณ์แต่อย่างใด
ถ้าฟังเพียงข้อดีก็จะทำให้มีผู้เห็นด้วยและคล้อยตามว่าประเทศไทยควรจะมีบ่อน ด้วยเหตุนี้จึงมีคนกลุ่มหนึ่งรวมไปถึง ผบ.ตร.ด้วยออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุน
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งผู้เสนอ และผู้เห็นด้วยในเรื่องนี้ มิได้นำข้อเสียจากการมีบ่อนในเชิงธุรกิจให้ผู้คนในสังคมได้รับรู้ และพิจารณาเปรียบเทียบกันทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง โครงสร้างทางสังคมไทยมีข้อเสียอันเกิดจากการมีบ่อนในเชิงธุรกิจมากมายหลายประการ ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้
1. ถ้ามีการเปิดบ่อนในเชิงธุรกิจ จะเป็นการเปิดโอกาสให้นักการพนันทำธุรกิจผิดกฎหมายแฝงเข้ามา เช่น เงินกู้นอกระบบ การค้าเงินปลอม การค้าประเวณี รวมไปถึงการใช้บ่อนเป็นแหล่งฟอกเงิน เป็นต้น
2. ในขณะนี้ แม้ยังไม่มีการเปิดบ่อนในเชิงธุรกิจถูกกฎหมาย นักท่องเที่ยวด้อยคุณภาพก็ทะลักเข้าประเทศไทย ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น เล่นการพนันออนไลน์ และรวมหัวกันต้มตุ๋น เป็นต้น มีอยู่อย่างดาษดื่นเป็นการเพิ่มภาระให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไล่ล่าจับกุม ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ และถ้ามีบ่อนเกิดขึ้นธุรกิจสีเทาประเภทนี้จะแฝงตัวเข้ามาเพิ่มขึ้นอีกกี่เท่ายากจะคาดเดา เพราะจะต้องไม่ลืมว่านักการพนันส่วนใหญ่คือผู้ที่ได้เงินมาอย่างง่ายๆ จากธุรกิจสีเทาหรือจากการใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ
จะมีอยู่น้อยมากที่จะนำเงินซึ่งตนเองได้มาจากการประกอบสัมมาชีพมาเล่นการพนัน เพราะคนเหล่านี้รู้จักค่าของเงิน และใช้เงินอย่างคุ้มค่า
3. ประเทศไทยเป็นประเทศกสิกรรม มีประชากรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรมีรายได้น้อย ไม่มีเงินมาเล่นการพนัน จะมีก็เพียงคนกลุ่มเดียวที่มีรายได้จากธุรกิจสีเทาหรือไม่ก็ได้มาจากการใช้อำนาจในการแสวงหาโดยมิชอบ
ดังนั้น ถ้าเปิดบ่อนถูกกฎหมายก็เท่ากับเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้เท่านั้นมีโอกาสเข้าไปเล่นการพนันซึ่งคงจะมีอยู่ไม่มาก
ส่วนนักการพนันจากต่างประเทศจะมีมากหรือน้อยยังคาดการณ์ไม่ได้ ดังนั้นก่อนจะมีการเปิดบ่อนควรจะได้ทำการศึกษาถึงที่มาของนักพนันให้รอบคอบ และคิดหาวิธีป้องกันมิให้คนในชาติกลายเป็นนักพนัน และจะเป็นเหตุให้เศรษฐกิจของประเทศเสื่อมโทรม เนื่องจากคนในชาติถูกมอมเมาด้วยรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นนี้เมื่อถึงวันนั้นใครจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
อีกประการหนึ่ง ถ้าเปิดบ่อนแล้วนักพนันจากต่างชาติเข้าเล่นน้อย และบ่อนต้องอาศัยคนในประเทศเพื่อความอยู่รอด ก็จะเท่ากับกิจการบ่อนล้มเหลว เพราะเมื่อไม่มีรายได้จากนักพนันต่างประเทศหรือได้น้อยก็เท่ากับได้ไม่คุ้มเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านศีลธรรม และจริยธรรม