“ไม่มีความคิดเห็น ส่วนตัวไม่มีจุดยืนในเรื่องนี้ จุดยืนของผมคือเดินหน้าตามโรดแมป จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบสุข เรื่องนี้ต้องถามความคิดเห็นประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่”
“ก็ต้องเสนอเข้าช่องทางมา แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะเป็นช่องทางใด ผมรับฟังทุกเรื่อง อยากเสนออะไรก็เสนอมา แต่ต้องไปว่ากันมา ส่วนเรื่องการทำประชาพิจารณ์ในเรื่องดังกล่าวนั้น ผมยังไม่มีแนวความคิดนี้”
“หัดฟังเขาบ้าง บ้านเมืองนี้เป็นประชาธิปไตยไม่ใช่เหรอ ก็ฟังไปสิ ใครจะพูดอะไรก็พูด ไม่ใช่ฟังแต่สิ่งที่อยากฟัง พูดแต่สิ่งที่อยากพูด ผมฟังทุกคน”
นั่นเป็นความเห็นของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อสัปดาห์ก่อนถูกตั้งคำถามเรื่องข้อเสนอตั้งบ่อนกาสิโนในประเทศไทย ฟังแล้วสรุปได้ง่ายๆ ก็คือ ท่านไม่มีจุดยืนในเรื่องนี้ ถ้าแปลตามภาษาบ้านๆ ก็คือ ว่าเอาไงก็เอากัน นั่นก็คือท่านไม่ปิดช่องทางสำหรับบ่อนกาสิโนนั่นเอง
พอกลับจากไปเยือนพม่านักข่าวก็ถามเรื่องนี้อีก พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า “ผมเองก็ยังงงๆ อยู่ เขาพูดหมายถึงว่าเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์หรือเปล่า ผมอ่านจากที่สื่อมวลชนเขียน หรือจะเป็นการเปิดบ่อนให้คนไทยเล่น ผมก็ยังไม่รู้เลย สับสนไปมาอยู่นั่น ก็ลองฟังเขาดูก่อน ขอให้ได้ข้อยุติมาก่อนว่า เขาจะเอาอย่างไร จะถูกจะผิดผมไม่รู้”
ฟังเหมือนท่านจะโยกโย้ไปมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาพูดกันเรื่องบ่อนนั่นแหละ พอวันพุธที่ผ่านมา (24) ได้ยินท่านบอกให้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หยุดพูดแล้ว เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ท่านพูดเหมือนปลายเปิดไว้ว่า
“ถ้าจะบอกว่าจะให้มีการเปิดบ่อนสำหรับให้คนทั่วไปเข้าไปเล่น ก็คงยังรับไม่ได้มั้ง คนไทยยังรับไม่ได้ แต่ถ้าเป็นลักษณะของเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์นั้น ไม่ได้เน้นในเรื่องกาสิโนเป็นหลัก แต่เน้นเรื่องการประชุม การท่องเที่ยวและสิ่งต่างๆ มากกว่า เท่าที่ผมได้ศึกษามา ซึ่งผมก็ต้องมาดูว่าแต่ละประเทศเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ผมยังไม่ตัดสินใจอะไรทั้งสิ้น เพราะยังไม่ถึงเวลา คนทั้งประเทศเองก็ต้องฟังดูเช่นกัน ว่าเกิดหรือไม่เกิดประโยชน์หรืออย่างไร และสามารถจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ ถ้าจะทำเรื่องคอมเพล็กซ์ก็ให้ว่ามา ว่าคนไทยเห็นด้วยหรือไม่ แต่เท่าที่ฟังดูตอนนี้มีการนำเรื่องของต่างประเทศเข้าเป็นเล่นล้วนๆ มาพูดกัน แต่บ่อนภายในประเทศ ส่วนตัวผมว่ามันยังเกิดไม่ได้”
“คนส่วนใหญ่ตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดชัดเจนว่าควรจะมีหรือไม่มี แต่ถ้าจะทำเหมือนที่สิงคโปร์ทำ ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติมาเล่นกันทั้งสิ้น และคนที่จะเข้ามาเล่นต้องมีการกำหนดว่าต้องมีรายได้เท่าไหร่ ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนจึงจะเข้าไปเล่นได้ ถ้าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แค่ผ่านประตูก็เข้าไปไม่ได้แล้ว ซึ่งเราก็ต้องพยายามคุมบรรดาบ่อนที่แอบเล่นกันใต้ดินให้ได้ แต่ถ้าทำจริงมันก็จะสามารถควบคุมได้ ก็ต้องดูว่ารายได้ที่ได้มาจะนำไปทำอะไร แล้วจะได้จริงหรือเปล่าก็ยังไม่มีใครตอบได้ ฉะนั้นจึงต้องทำการวิจัย ซึ่งประเทศไทยไม่ค่อยทำกัน ถึงเวลาก็มักจะทำกันเลย แล้วเกิดความเสียหายตามมา แต่ยืนยันว่าวันนี้ผมยังไม่ทำ”
จากคำพูดพล.อ.ประยุทธ์ด้านบนก็ยังพูดไม่ชัดอยู่ดีว่าเอาไม่เอาบ่อน แต่พูดเปิดไว้ว่าสนใจเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นความหมายเดียวกับบ่อนในสิงคโปร์ ลาสเวกัส และมาเก๊านั่นเอง
จริงหรือไม่ที่สื่อมวลชนเขารายงานว่า ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มแซนด์กรุ๊ป (SAND Group) ในเครือกลุ่มบริษัท ลาสเวกัส แซนด์ คอร์ป (Las Vegas Sands Corporation) จากสหรัฐฯ ที่รู้จักกันในนามนักพัฒนากาสิโนรายใหญ่ของโลก ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์
น่าตั้งคำถามนะครับว่า ใครที่นัดยักษ์ใหญ่ด้านกาสิโนให้เข้ามาพบผู้มีอำนาจในรัฐบาล ซึ่งคงไม่ใช่คนธรรมดาต๊อกต๋อยแน่ๆ แล้วหลังพบกันไม่นานกลุ่ม สปช.ที่เรียกตัวเองไม่อายปากว่ากลุ่มรักชาติก็ออกมาเคลื่อนไหว
ไม่เพียงแต่เท่านั้นนอกจากพล.อ.สมยศออกมาขานรับ เดินหน้าสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นแล้ว พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็ออกมาขานรับด้วย ทั้งสองคนต่างก็เป็นสมาชิก คสช.ที่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในยามนี้
พล.ต.อ.สมยศเพ้อฝันไปใหญ่ อ้างตัวเลขของนักวิชาการว่า เงินจะเข้าประเทศปีละ 4 -5 แสนล้าน คนไทยจะได้ไม่นำเงินไปเล่นพนันในบ่อนประเทศเพื่อนบ้าน และตำรวจไม่ต้องรับส่วยจากบ่อนพนันผิดกฎหมาย
ทั้งๆ ที่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ถ้าเราเปิดให้มีบ่อนกาสิโนขึ้นในประเทศไทยบริษัทที่เข้ามารับสัมปทานต่างหากที่จะได้ประโยชน์ก้อนใหญ่ แล้วบริษัทที่ว่า ก็น่าจะเป็นบริษัทข้ามชาติที่จะขนเงินออกไป สิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับก็เป็นเพียงเศษเงินจากค่าสัมปทานเพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง แล้วบ่อนเถื่อนในเมืองไทยจะหมดไปอย่างไร เมื่อเจ้าของบ่อนไม่ได้มีศักยภาพจะทำธุรกิจบ่อนกาสิโนขนาดใหญ่ ก็ต้องทำบ่อนเถื่อนของตัวเองต่อไป
แล้วยิ่งบอกว่า ถ้าตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นมาจะมีระเบียบกฎเกณฑ์ให้คนไทยเข้ายากขึ้น โดยการกำหนดระเบียบ จัดระบบเก็บข้อมูลผู้ที่เข้าไปใช้บริการให้ชัดเจน และตรวจสอบประวัติได้ นักเลงการพนันที่ไหนจะยอมให้เปิดเผยประวัติอย่างนั้น ง่ายที่สุดก็คือเข้าไปเล่นบ่อนเถื่อนซึ่งไม่มีกฎเกณฑ์เหมือนเดิม หรือไม่ก็ไปเล่นบ่อนตามประเทศเพื่อนบ้านเหมือนเดิม
ที่ตลกมากคือ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสํานักงานตํารวจแห่งชาติ บอกว่า จะทำให้ลูกค้าในบ่อนผิดกฎหมาย เช่น บ่อน ช.หรือ ก.หรือบ่อนแถวๆบางนา ที่มีรายได้หลักจากลูกค้า 30 - 40 คน โดยลูกค้าเหล่านั้นจะถูกโอนเข้าสู่ระบบของบ่อนที่ถูกกฎหมายในที่สุด อ้าวก็แปลว่ายอมรับว่ามีบ่อนเถื่อนสิ
กรณีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายทีมวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้โครงการเมธีวิจัยอาวุโส สกว.เคยศึกษาประสบการณ์ของหลายประเทศเรื่องการบริหารจัดการบ่อนกาสิโนและผลดีผลเสีย ดังนี้
ข้อค้นพบที่สำคัญบางประการของการศึกษาคือ บ่อนกาสิโนเป็นธุรกิจข้ามชาติขนาดยักษ์ ตัวธุรกิจเองมิได้สร้างรายได้ขึ้นใหม่ แต่เป็นการถ่ายโอนรายได้ หรือเปลี่ยนมือจากคนกลุ่มหนึ่งไปสู่คนอีกกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง
ธุรกิจการพนันมีผลเสมือนภาษีคนจน ผู้สนับสนุนการเปิดบ่อนถูกกฎหมายมักพูดถึงแต่การดึงดูดนักพนันกระเป๋าหนัก แต่ในความเป็นจริงนั้น บ่อนกาสิโนทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากนักพนันรายย่อยที่เข้ามาเล่นตู้เกมมากกว่า การศึกษาพบว่า รายได้ภาษีที่รัฐต่างประเทศเก็บได้มากที่สุด มาจากภาษีตู้เกมพนัน ซึ่งคนเล่นส่วนใหญ่เป็นคนงานระดับล่างรายได้น้อยหรือกลุ่มมีปัญหา
แม้จะสั่งให้พล.ต.อ.สมยศหุบปากไปแล้ว และบอกว่าคงไม่เกิดในรัฐบาลนี้ แต่ก็อยากฟังชัดๆ ว่า คนชื่อประยุทธ์นั้นเอาไม่เอาบ่อนแม้จะแฝงมาในนามของเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์หรือไม่ก็ตาม
“ก็ต้องเสนอเข้าช่องทางมา แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะเป็นช่องทางใด ผมรับฟังทุกเรื่อง อยากเสนออะไรก็เสนอมา แต่ต้องไปว่ากันมา ส่วนเรื่องการทำประชาพิจารณ์ในเรื่องดังกล่าวนั้น ผมยังไม่มีแนวความคิดนี้”
“หัดฟังเขาบ้าง บ้านเมืองนี้เป็นประชาธิปไตยไม่ใช่เหรอ ก็ฟังไปสิ ใครจะพูดอะไรก็พูด ไม่ใช่ฟังแต่สิ่งที่อยากฟัง พูดแต่สิ่งที่อยากพูด ผมฟังทุกคน”
นั่นเป็นความเห็นของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อสัปดาห์ก่อนถูกตั้งคำถามเรื่องข้อเสนอตั้งบ่อนกาสิโนในประเทศไทย ฟังแล้วสรุปได้ง่ายๆ ก็คือ ท่านไม่มีจุดยืนในเรื่องนี้ ถ้าแปลตามภาษาบ้านๆ ก็คือ ว่าเอาไงก็เอากัน นั่นก็คือท่านไม่ปิดช่องทางสำหรับบ่อนกาสิโนนั่นเอง
พอกลับจากไปเยือนพม่านักข่าวก็ถามเรื่องนี้อีก พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า “ผมเองก็ยังงงๆ อยู่ เขาพูดหมายถึงว่าเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์หรือเปล่า ผมอ่านจากที่สื่อมวลชนเขียน หรือจะเป็นการเปิดบ่อนให้คนไทยเล่น ผมก็ยังไม่รู้เลย สับสนไปมาอยู่นั่น ก็ลองฟังเขาดูก่อน ขอให้ได้ข้อยุติมาก่อนว่า เขาจะเอาอย่างไร จะถูกจะผิดผมไม่รู้”
ฟังเหมือนท่านจะโยกโย้ไปมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาพูดกันเรื่องบ่อนนั่นแหละ พอวันพุธที่ผ่านมา (24) ได้ยินท่านบอกให้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หยุดพูดแล้ว เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ท่านพูดเหมือนปลายเปิดไว้ว่า
“ถ้าจะบอกว่าจะให้มีการเปิดบ่อนสำหรับให้คนทั่วไปเข้าไปเล่น ก็คงยังรับไม่ได้มั้ง คนไทยยังรับไม่ได้ แต่ถ้าเป็นลักษณะของเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์นั้น ไม่ได้เน้นในเรื่องกาสิโนเป็นหลัก แต่เน้นเรื่องการประชุม การท่องเที่ยวและสิ่งต่างๆ มากกว่า เท่าที่ผมได้ศึกษามา ซึ่งผมก็ต้องมาดูว่าแต่ละประเทศเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ผมยังไม่ตัดสินใจอะไรทั้งสิ้น เพราะยังไม่ถึงเวลา คนทั้งประเทศเองก็ต้องฟังดูเช่นกัน ว่าเกิดหรือไม่เกิดประโยชน์หรืออย่างไร และสามารถจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ ถ้าจะทำเรื่องคอมเพล็กซ์ก็ให้ว่ามา ว่าคนไทยเห็นด้วยหรือไม่ แต่เท่าที่ฟังดูตอนนี้มีการนำเรื่องของต่างประเทศเข้าเป็นเล่นล้วนๆ มาพูดกัน แต่บ่อนภายในประเทศ ส่วนตัวผมว่ามันยังเกิดไม่ได้”
“คนส่วนใหญ่ตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดชัดเจนว่าควรจะมีหรือไม่มี แต่ถ้าจะทำเหมือนที่สิงคโปร์ทำ ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติมาเล่นกันทั้งสิ้น และคนที่จะเข้ามาเล่นต้องมีการกำหนดว่าต้องมีรายได้เท่าไหร่ ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนจึงจะเข้าไปเล่นได้ ถ้าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แค่ผ่านประตูก็เข้าไปไม่ได้แล้ว ซึ่งเราก็ต้องพยายามคุมบรรดาบ่อนที่แอบเล่นกันใต้ดินให้ได้ แต่ถ้าทำจริงมันก็จะสามารถควบคุมได้ ก็ต้องดูว่ารายได้ที่ได้มาจะนำไปทำอะไร แล้วจะได้จริงหรือเปล่าก็ยังไม่มีใครตอบได้ ฉะนั้นจึงต้องทำการวิจัย ซึ่งประเทศไทยไม่ค่อยทำกัน ถึงเวลาก็มักจะทำกันเลย แล้วเกิดความเสียหายตามมา แต่ยืนยันว่าวันนี้ผมยังไม่ทำ”
จากคำพูดพล.อ.ประยุทธ์ด้านบนก็ยังพูดไม่ชัดอยู่ดีว่าเอาไม่เอาบ่อน แต่พูดเปิดไว้ว่าสนใจเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นความหมายเดียวกับบ่อนในสิงคโปร์ ลาสเวกัส และมาเก๊านั่นเอง
จริงหรือไม่ที่สื่อมวลชนเขารายงานว่า ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มแซนด์กรุ๊ป (SAND Group) ในเครือกลุ่มบริษัท ลาสเวกัส แซนด์ คอร์ป (Las Vegas Sands Corporation) จากสหรัฐฯ ที่รู้จักกันในนามนักพัฒนากาสิโนรายใหญ่ของโลก ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์
น่าตั้งคำถามนะครับว่า ใครที่นัดยักษ์ใหญ่ด้านกาสิโนให้เข้ามาพบผู้มีอำนาจในรัฐบาล ซึ่งคงไม่ใช่คนธรรมดาต๊อกต๋อยแน่ๆ แล้วหลังพบกันไม่นานกลุ่ม สปช.ที่เรียกตัวเองไม่อายปากว่ากลุ่มรักชาติก็ออกมาเคลื่อนไหว
ไม่เพียงแต่เท่านั้นนอกจากพล.อ.สมยศออกมาขานรับ เดินหน้าสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นแล้ว พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็ออกมาขานรับด้วย ทั้งสองคนต่างก็เป็นสมาชิก คสช.ที่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในยามนี้
พล.ต.อ.สมยศเพ้อฝันไปใหญ่ อ้างตัวเลขของนักวิชาการว่า เงินจะเข้าประเทศปีละ 4 -5 แสนล้าน คนไทยจะได้ไม่นำเงินไปเล่นพนันในบ่อนประเทศเพื่อนบ้าน และตำรวจไม่ต้องรับส่วยจากบ่อนพนันผิดกฎหมาย
ทั้งๆ ที่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ถ้าเราเปิดให้มีบ่อนกาสิโนขึ้นในประเทศไทยบริษัทที่เข้ามารับสัมปทานต่างหากที่จะได้ประโยชน์ก้อนใหญ่ แล้วบริษัทที่ว่า ก็น่าจะเป็นบริษัทข้ามชาติที่จะขนเงินออกไป สิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับก็เป็นเพียงเศษเงินจากค่าสัมปทานเพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง แล้วบ่อนเถื่อนในเมืองไทยจะหมดไปอย่างไร เมื่อเจ้าของบ่อนไม่ได้มีศักยภาพจะทำธุรกิจบ่อนกาสิโนขนาดใหญ่ ก็ต้องทำบ่อนเถื่อนของตัวเองต่อไป
แล้วยิ่งบอกว่า ถ้าตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นมาจะมีระเบียบกฎเกณฑ์ให้คนไทยเข้ายากขึ้น โดยการกำหนดระเบียบ จัดระบบเก็บข้อมูลผู้ที่เข้าไปใช้บริการให้ชัดเจน และตรวจสอบประวัติได้ นักเลงการพนันที่ไหนจะยอมให้เปิดเผยประวัติอย่างนั้น ง่ายที่สุดก็คือเข้าไปเล่นบ่อนเถื่อนซึ่งไม่มีกฎเกณฑ์เหมือนเดิม หรือไม่ก็ไปเล่นบ่อนตามประเทศเพื่อนบ้านเหมือนเดิม
ที่ตลกมากคือ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสํานักงานตํารวจแห่งชาติ บอกว่า จะทำให้ลูกค้าในบ่อนผิดกฎหมาย เช่น บ่อน ช.หรือ ก.หรือบ่อนแถวๆบางนา ที่มีรายได้หลักจากลูกค้า 30 - 40 คน โดยลูกค้าเหล่านั้นจะถูกโอนเข้าสู่ระบบของบ่อนที่ถูกกฎหมายในที่สุด อ้าวก็แปลว่ายอมรับว่ามีบ่อนเถื่อนสิ
กรณีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายทีมวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้โครงการเมธีวิจัยอาวุโส สกว.เคยศึกษาประสบการณ์ของหลายประเทศเรื่องการบริหารจัดการบ่อนกาสิโนและผลดีผลเสีย ดังนี้
ข้อค้นพบที่สำคัญบางประการของการศึกษาคือ บ่อนกาสิโนเป็นธุรกิจข้ามชาติขนาดยักษ์ ตัวธุรกิจเองมิได้สร้างรายได้ขึ้นใหม่ แต่เป็นการถ่ายโอนรายได้ หรือเปลี่ยนมือจากคนกลุ่มหนึ่งไปสู่คนอีกกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง
ธุรกิจการพนันมีผลเสมือนภาษีคนจน ผู้สนับสนุนการเปิดบ่อนถูกกฎหมายมักพูดถึงแต่การดึงดูดนักพนันกระเป๋าหนัก แต่ในความเป็นจริงนั้น บ่อนกาสิโนทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากนักพนันรายย่อยที่เข้ามาเล่นตู้เกมมากกว่า การศึกษาพบว่า รายได้ภาษีที่รัฐต่างประเทศเก็บได้มากที่สุด มาจากภาษีตู้เกมพนัน ซึ่งคนเล่นส่วนใหญ่เป็นคนงานระดับล่างรายได้น้อยหรือกลุ่มมีปัญหา
แม้จะสั่งให้พล.ต.อ.สมยศหุบปากไปแล้ว และบอกว่าคงไม่เกิดในรัฐบาลนี้ แต่ก็อยากฟังชัดๆ ว่า คนชื่อประยุทธ์นั้นเอาไม่เอาบ่อนแม้จะแฝงมาในนามของเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์หรือไม่ก็ตาม