xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ปราโมทย์ - Anti-Thaksin Activist” เปลือยจุดยืน “ไอ้กัน” ยังเลือกข้าง “นช.หนีคดี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จดหมายเชิญของสถานทูตสหรัฐอเมริกามายัง ศ.ดร.ปราโมย์ นาครทรรพ
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เจอตอกกลับหน้าหงาย หน้าแหก ชนิดหมอไม่รับเย็บ เสียชื่อชาติมหาอำนาจที่เก่งกาจเก๋าเกมหมด จะเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา ออกบัตรเชิญ ศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ โดยเฉพาะตำแหน่ง “Anti-Thaksin Activist” หรือ นักเคลื่อนไหวต่อต้านทักษิณ แหกธรรมเนียมปฏิบัติของวงการทูตที่จะไม่ให้ฉายาแก่ใคร เพราะเรื่องจุดยืนทางการเมืองเป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งประเทศที่โปรประชาธิปไตยจ๋าอย่างอเมริกาควรจะรู้ว่าอย่าได้เข้าไปก้าวก่าย

จึงน่าสงสัยว่าทูตชาติมหามิตรของไทย รวมทั้งรัฐบาลของนายบารัค โอบามานั้น แอบชเลียร์ใครจนติดอยู่ในกมลสันดานโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ พอเผลอตัวเมื่อไหร่เป็นแสดงออกเมื่อนั้น เรื่องนี้ถ้าเจ้าตัวคือ ศ.ดร.ปราโมทย์ ไม่ทักท้วง ก็คงย่ามใจเที่ยวพะยี่ห้อโน่นนี่นั่นให้ใครๆ ต่อใครตามอำเภอใจ เพียงเพื่อเอาใจใครบางคนที่ตัวเองหนุนอยู่เบื้องหลัง ด้วยเหตุฉะนี้ จึงสมควรแล้วที่ถูกตอกกลับ “อเมริกา มหามิตร คิดโง่ๆ .....”

ย้อนกลับมาดูที่มาที่ไปของเรื่องอื้อฉาวขายขี้เท่อสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ครั้งนี้ ซึ่งมีต้นเรื่องมาจากการจัดงานฉลองวันชาติอเมริกา 4 กรกฎาคม ที่จะมีขึ้นเป็นประจำทุกๆ ปี โดยปีนี้สถานทูตฯ ได้ออกบัตรเชิญแขกจากแวดวงต่างๆ เข้าร่วมงานเป็นปกติวิสัย แต่กลับมีเหตุที่ไม่เป็นปกติตรงที่บัตรเชิญอย่างเป็นทางการจากสถานทูตสหรัฐอเมริกา ที่ส่งไปยัง ศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของสังคมในฐานะนักวิชาการซึ่งมีผลงานมากมายนั้น สถานทูตสหรัฐฯ ระบุตำแหน่ง ศ.ดร.ปราโมทย์ ว่า “Anti-Thaksin Activist” จนสร้างความเดือดดาลให้กับ ศ.ดร.ปราโมทย์ ชนิดควันออกหู

เฟซบุ๊ก Pramote Nakornthab ของ ศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักรัฐศาสตร์และนักวิชาการอิสระ ได้นำบัตรเชิญของสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย มาลงเสนอต่อเพื่อนแฟนเพจ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2558

บัตรเชิญดังกล่าว ซึ่งออกโดย นายดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟีย์ รักษาการเอกอัครราชทูตฯ เชิญให้ไปร่วมงานฉลองครบรอบ 239 ปี แห่งการประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา วันที่ 2 กรกฎาคม 2558 ระหว่างเวลา 18.30 - 20.30 น. ที่ห้องบอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ถนนราชดำริ กทม. โดยวันชาติอเมริกา ตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี

ศ.ดร.ปราโมทย์ ได้ตอบขอบคุณ แต่เสียใจที่ไปร่วมงานไม่ได้ เพราะวางตำแหน่งไว้ผิดพลาด แทนที่จะใช้คำว่า Pro-Monarchy, Pro-Democracy, and Pro-American เป็นการแดกดันกลับอย่างโจ่งแจ้ง พร้อมกันนั้น ดร.ปราโมทย์ ยังได้ตอกกลับเป็นบทกลอนว่า

“อเมริกา มหามิตร คิดโง่ๆ
เคยใหญ่โต จึงทำ ใจไม่ได้
เป็นกองเชียร์ เลียก้น คนจัญไร
นึกยังไง มาติดป้าย ขายผู้คน
อเมริกัน เป็นชาติเยาว์ ยังเขลาอยู่
การทูตดี มิค่อยรู้ ดูสับสน
แถมสถานทูต ขี้เลื่อย เปลือยตัวตน
กินสินบน รับจ้างหมา มาหรือไร”

.... ลงชื่อ ปราโมทย์ นาครทรรพ

เจอของจริงแบบแสบถึงทรวงเข้าให้ สถานทูตสหรัฐฯ ถึงกับนั่งไม่ติด

ในวันถัดมา น.ส.เมลิสซา สวีนีย์ (Melissa A. SWEENEY) โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า ทางสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ รู้สึกเสียใจและขอโทษ ศ.ดร.ปราโมทย์ ต่อความผิดพลาดดังกล่าวที่เกิดขึ้นในการส่งจดหมายเชิญแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ทั้งนี้ทางสถานทูตสหรัฐฯ ขอยืนยันว่าให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อมิตรภาพระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดามิตรชาวไทยในหลากหลายวงการ และหวังว่ามิตรชาวไทยจะเดินทางมาร่วมงานเฉลิมฉลองของสหรัฐฯ ในครั้งนี้

เพจเฟซบุ๊ก Michael Yon ผู้สื่อข่าวอิสระสัญชาติสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ระบุถึงการชี้แจงจาก น.ส. เมลิสา สเวนีย์โฆษกประจำสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยข้างต้น เพื่อยืนยันจดหมายถูกส่งออกไปจากสถานทูตสหรัฐฯ จริง จากก่อนหน้าที่เขาตั้งข้อสงสัยว่ามันเป็นของจริงหรือเปล่า? บางทีอาจจะเป็นเรื่องลวงตบตาของคนอื่น เนื่องด้วยนามของผู้ส่งนั้นเป็น “American Ebbassy” แทนที่จะใช้ “Embassy of the United States of America” มากกว่า

“.... มิสสเวนีย์ ตอบโดยไม่รั้งรอว่ามันเป็นความผิดพลาด พวกเราส่งจดหมายนั่นเอง โดยไม่ได้สังเกตหรืออ่านทวน เธอรู้สึกอับอายที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น และขอโทษหลายครั้ง”

Michael Yon ยืนยัน “จดหมายเป็นของแท้ และสถานทูตของเราเป็นผู้ออกจดหมายนั้นจริง “ในนามของผม ผมหวังว่าคนไทยจะให้อภัยต่อสถานทูตของเรา (ผมไม่ได้ทำงานให้กับรัฐบาลแต่อย่างใด แต่ในฐานะของชาวอเมริกันคนหนึ่งที่รู้สีกอับอายต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ด้วย) บางอย่างที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้น....”

ความน่าอับอายคราวนี้แหล่งข่าวด้านความมั่นคง มีความเห็นว่า อาจจะเป็นความผิดพลาดทางฐานข้อมูลของสหรัฐฯ ที่ระบุไว้บนซองหนังสือเชิญว่า Anti - Thaksin Activist ซึ่งประเมินได้ว่า สถานทูตสหรัฐฯ คงเร่งรัดในการออกจดหมายเชิญ และอาจจะเกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง เพราะวิธีหรือระเบียบที่ทางการทูต จะไม่มีการให้ฉายาใคร เพราะเป็นเรื่องทางการเมืองหรือจุดยืนทางการเมือง ไม่ใช่ตำแหน่งเป็นทางการ ดังนั้นปกติการทำหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการจึงไม่ควรออกมาเป็นลักษณะเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง และ ศ.ดร.ปราโมทย์ ก็ถือโอกาสสอนมวยบิ๊กเบิ้มมหาอำนาจ

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา นายดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี อุปทูตรักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้โพสต์รูปผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยเป็นรูปนายแพทริค กำลังมอบบัตรเชิญใบใหม่ให้ ศ.ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ มีใจความแปลได้ว่า “ความผิดพลาดนั้นเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ผมได้มอบบัตรเชิญที่ระบุตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับดร.ปราโมทย์แล้ว และขออภัยกับความผิดพลาดของเราด้วย #สำนึกผิด”

ศ.ดร.ปราโมทย์ ตอบรับคำขอโทษจากสถานทูตฯ ว่า
“เขาทำผิด คิดแล้ว เขาขอโทษ
เราไม่โกรธ เขาทำ ตามหน้าที่
ช่างต่างกับ พี่ไทย กระไรดี
ทำอัปรีย์ แล้วยังโทษ โกรธคนเตือน”

นอกจากนั้น ยังโพสต์เล่าเรื่องประกอบด้วยว่า “เพื่อนๆ คงอยากทราบว่าผมพูดอะไรกับทูตอเมริกันบ้าง ผมขอเล่าให้ฟังบางตอน เพื่อจะทำให้สังคมเกิดความเข้าใจ และผู้รับผิดชอบด้านการทูตทั้งสองฝ่าย คือ ไทย-อเมริกัน-ได้เจริญสติและปัญญาบ้างไม่มากก็น้อย

1. ผมบอกท่านทูตว่าผมโปรอเมริกัน ผมไม่อยากให้ชาวไทยกับชาวอเมริกันโกรธหรือเกลียดกัน อเมริกาซึ่งเป็นบ้านที่สองของผมจะกลายเป็นบ้านที่หนึ่งทันที หากครั้งแล้วครั้งเล่าไทยก็ก็เป็นประชาธิปไตยไม่ได้ มิใช่เป็นเพราะว่าผมมีลูกเป็นคนอเมริกัน แต่เป็นเพราะว่าผมเกลียดเผด็จการ และผมรู้ดี และเสียดายที่อเมริกันไม่รู้ว่า เผด็จการเลือกตั้งในเมืองไทยนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าเผด็จการอื่นที่ไทยเคยมี

2. ผมยกตัวอย่าง Armed Forces Movement ของโปรตุเกสที่ขับไล่เผด็จการเลือกตั้งพลเรือน ถ้ากองทัพโปรตุเกสไม่ทำอย่างนั้น ป่านนี้รับรองว่ายูโรไม่เกิด และวันนี้ยุโรปไม่มีทางเป็นประชาธิปไตย ทำไมเรื่องนี้อเมริกันและยุโรปจึงไม่เข้าใจ

3 คำว่า coup เป็นตัวอย่างความยากจนของภาษาอังกฤษ ที่ไม่สามารถแสดงภาพการยึดอำนาจของเมืองไทยได้ เพราะการยึดอำนาจในไทยไม่เหมือน coup ที่ไหนๆซึ่งรบราฆ่าฟันกันเหมือนไม่ใช่มนุษย์ การยึดอำนาจของเมืองไทยกระสุนนัดเดียวก็ไม่ได้ยิง แม้สักหนึ่งชีวิตก็ไม่เสีย หัวคะแนนฆ่ากันตายในวันเลือกตั้งเสียอีกที่มีเป็นประจำ

ถัดมา วันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ศ.ดร.ปราโมทย์ เขียนต่อว่า “ตอนที่ 2 ..... ผมเชื่อว่าทูตจะต้องรายงานกลับไปวอชิงตันว่าท่านพูดว่าอย่างไรกับผมบ้าง และผมสันนิษฐานว่า ทางสถานทูตคงติดตามอ่านเฟซบุ๊กของผม ผมจึงยินดีมาก และคอยอ่านรายงานของท่านทูตเช่นเดียวกัน ความลับไม่มีในโลก ผมจะย่อการสนทนาตอนที่ 2 นี้เป็นหัวข้อสั้นๆ ผมจะบันทึกรายละเอียดเก็บไว้ทีหลัง ดังนี้

การสนทนาตอนที่ ๒ เรื่องการจ่าหน้าบัตรเชิญ

ท่านทูตบอกว่าเสียใจจริงๆ ในสิ่งที่เกิดขึ้นต้องขอโทษในความผิดพลาด ขอรับรองว่าไม่มีเจตนาเลยเสียใจจริงๆ ผมตอบว่าผมไม่โกรธหรือถือโทษเสมียนหรือเจ้าหน้าที่คนใดๆ ในสถานทูตหรอก เพราะผมเข้าใจดีว่าต้องทำงานอย่างไร และการทำงานผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมโทษความคิดหรือคำสั่งหรือนโยบายที่มาจากเบื้องบน ที่ทำให้เกิด data base ที่แบ่งแยกคนไทยออกเป็นพวกๆ เช่น ผมเป็นพวกนักเคลื่อนไหวแอนตี้ทักษิณ เป็นต้น นั้น ผมรับไม่ได้ และขอเตือนให้ทราบ ท่านทูตตอบว่ารับรองว่าไม่มี data base และไม่มีการแบ่งแยกคนไทย เขาถือว่าทุกฝ่ายเป็นมิตรทั้งสิ้น เป็น broad spectrum คือ การรวมคนไทยอย่างกว้างขวาง รัฐบาลอเมริกันถือว่าเป็นมิตรกับคนไทยทุกคน ขอให้เชื่อ

ผมตอบว่าขอได้ แต่ให้ไม่ได้ การกระทำที่ผ่านๆ มาของสถานทูตอเมริกัน นึกว่าผมไม่รู้อย่างนั้นหรือ ผมรู้เพราะผมเรียนการเมืองอเมริกันมามากพอที่จะสอนคนอเมริกันได้ ผมรู้มากกว่าที่ผมพูด บางอย่างผมก็ไม่พูด เพราะผมไม่อยากให้คนไทยกับคนอเมริกันเกลียดกัน ผมถือว่าคนไทยโปรอเมริกันมากกว่าใครๆ และผมไม่ต้องการให้สัมพันธภาพอันดีระหว่างสองประเทศที่ยืนยาวมาถึง 80 ปีต้องเปลี่ยนแปรไป ผมไม่อยากเห็นทูตอเมริกันถูกปาดหน้าอย่างในเกาหลีใต้ หรือถูกขู่ฆ่าทุกวันอย่างในญี่ปุ่น บางอย่างผมจึงไม่พูดและไม่เผยแพร่ เพราะไม่ต้องการเห็นคนไทยมาเยี่ยวรดธงอเมริกันหรือมาพังรั้วสถานทูต ท่านทูตก็ยืนยันแล้วยืนยันอีกว่าเป็นอย่างที่พูด แต่เมื่อมันเกิดอย่างนี้ก็ไม่สบายใจมากจึงต้องตามมาขอโทษผมด้วยตนเอง

ผมก็บอกท่านว่าไม่จำเป็นเลย และขอโทษท่านทูตด้วยที่ไม่สามารถต้อนรับได้ที่บ้าน หรือแม้แต่โรงแรมใกล้ๆ สถานทูตเมื่อเช้านี้ ทำให้ท่านทูตต้องวิ่งตามมาถึงสนามบิน ไม่ได้ตั้งใจทำให้ลำบากเลย ท่านทูตตอบว่าไม่เป็นไรเลย เป็นหน้าที่ของท่าน ด้วยความจริงใจจริง และยืนยันว่าความผิดพลาดเฉพาะเรื่องผมนั้นผิดพลาดจริง แต่สถานทูตเป็นมิตรกับคนไทยทุกกลุ่ม ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง กลุ่มนั้นก็เชิญ กลุ่มนี้ก็เชิญ ข้าราชการก็เชิญ คนในรัฐบาลก็เชิญ และอยากเชิญผมด้วยใจจริง เชิญด้วยตนเอง หวังว่าผมจะไปร่วม

ผมบอกว่าผมไปไม่ได้ดอก เพราะผมจะไปที่อื่นอยู่แล้ว (ความจริงผมไม่ได้โกหก) แต่ผมไม่สำคัญหรอก คนอื่นสำคัญกว่า และจะพิสูจน์ความจริงใจของนโยบายอเมริกัน เช่น การเชิญนายกรัฐมนตรี เป็นต้น เพราะฉะนั้นช่วยตอบผมด้วยว่าสถานทูตเชิญพลเอกประยุทธ์หรือไม่

เขาตอบเลี่ยงๆ อ้ำๆ อึ้งๆ ว่าเชิญเยอะแยะหลายคน รวมทั้งผู้ใหญ่หลายคน ผมบอกว่าถามเป็นครั้งที่สองนะ คำถามก็ง่ายๆ ตรง ช่วยตอบตรงๆ ว่าเชิญพลเอกประยุทธ์ หรือเปล่า ผมก็ได้คำตอบครั้งที่สองคล้ายๆ คำตอบครั้งที่หนึ่งอีกว่าอย่าให้เขาระบุชื่อว่าเชิญใครบ้างได้ไหม ขอรับรองว่าเชิญมากทั่วถึงจริงๆ ผมจึงคาดคั้นว่า ผมขอถามซ้ำนะ ขอถามซ้ำเป็นครั้งที่สามว่าเชิญพลเอกประยุทธ์ หรือไม่ ท่านทูตต้องตอบตรงๆ ตอบโดยไม่ต้องใช้คำพูดก็ได้ ผมมีวิธีอ่านคำตอบ ผมเข้าใจว่าผมอ่านคำตอบที่ท่านทูตไม่ยอมเปล่งวาจาว่าไม่ได้เชิญ ผมจึงบอกท่านทูตว่า นั่นไงเห็นไหมล่ะ กระทรวงต่างประเทศคุณ และรัฐบาลคุณเป็นเสียยังงี้ นี่ดีเป็นพลเอกประยุทธ์นะ ถ้าเป็นผม ผมจะทำยังไงรู้ไหม

ท่านทูตไม่ว่าอะไร ผมเลยบอกว่า ผมน่ะอยากบอกรัฐบาลของผมว่า ถ้าอเมริกันเป็นอย่างนี้ ผมจะเรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับจากวอชิงตัน ความจริงไม่มีเหตุผลอะไรที่ทูตไทยจะแจ้งไปวอชิงตันเลย ในเมื่อทูตอเมริกาก็ยังไม่มี และไม่มา (การทูตไทยก็ตกต่ำมาก ชอบทำตัวให้เขาดูถูกยังงี้ ผมไม่ได้บอกเขานะครับ ผมพูดกับพวกเรา) และถ้าเป็นผม ผมจะบอกรัฐบาลอเมริกาว่า ถ้ายูยังมีท่าทีแบบนี้ เอกอัครราชทูตของอเมริกันก็อย่าเพิ่งส่งมา

วันนี้ขอจบแค่นี้นะครับ .... ขอให้พวกเราจงรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นคนไทย เมืองไทยเป็นเมืองสำคัญของโลกก่อนที่อเมริกาจะเกิดตั้งหลายร้อยปี ถ้าเทียบชีวิตา 239 ปีของอเมริกา ก็คือเด็กหัวเท่ากำปั้นดีดีนี่เอง เราจะต้องช่วยกันสั่งสอนมิให้ยโสกับผู้ใหญ่ แต่ทำด้วยความรักและเมตตาครับ มิใช่เกลียดชัง เหมือนกับที่ผมพูดกับท่านทูตด้วยความจริงใจและเปี่ยมไปด้วยความเป็นมิตร”

หากมองย้อนกลับไป การแสดงท่าทีของสหรัฐอเมริกาทั้งที่ตั้งใจและบอกว่าไม่ตั้งใจเกิดจากความผิดพลาดนั้น มาจากการอวดอ้างว่าตนถือธงนำประชาธิปไตยในโลกใบนี้ที่ทุกชาติทุกภาษาควรอย่างยิ่งที่ต้องเอาเยี่ยงอย่าง และภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตย สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การเลือกตั้ง ดังนั้น เมื่อประเทศไทยยังอยู่ภายใต้รัฐบาลที่มาจากคณะรัฐประหาร และกระแส “ไม่เอาทักษิณ” ยังคงอยู่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเชิดชูอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาว ว่าเป็นนักประชาธิปไตยตัวยง สหรัฐฯจึงมีเรื่องกระทบกระทั่งกันกับรัฐบาลไทยและฝ่ายที่ไม่เอาทักษิณอยู่ไม่วายเว้น

กรณีเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ซึ่งมาปาฐกถาที่สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2558 ก็ถือโอกาสทิ่มแทงคณะผู้นำประเทศไทย “....ผมขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า เมื่อผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งถูกปลดออกจากตำแหน่ง ถูกถอดถอนโดยผู้มีอำนาจที่ก่อรัฐประหาร และตกเป็นเป้าด้วยข้อหาอาญาในขณะที่กระบวนการและสถาบันพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยต้องหยุดชะงักลง ประชาคมโลกจึงเกิดความรู้สึกว่า ขั้นตอนเหล่านี้อาจเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง....”

เมื่อเป็นเสียอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่าการพะยี่ห้อ Anti - Thaksin Activist ให้กับ ศ.ดร.ปราโมทย์ เป็นความผิดพลาดโดยบริสุทธิ์ใจจริงๆ หรือมีเบื้องหลังจากแรงจูงใจทางการเมืองของมหามิตรคิดโง่ๆ กันแน่??


วันที่ 23 มิ.ย. นายดับเบิลยู. แพทริค เมอร์ฟี อุปทูตรักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้โพสต์ทวิตเตอร์ “แสดงความเสียใจ” โดยระบุว่า ได้เดินทางเข้าขอโทษอาจารย์ปราโมทย์ และมอบบัตรเชิญใหม่เพื่อร่วมงานฉลองวันชาติสหรัฐฯ ของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น