รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม. แจ้งว่า กรณีที่คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.)โดย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้รวบรวมบัญชีรายชื่อข้าราชการกว่า100 รายชื่อ ที่ส่อว่าทุจริต และส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. พิจารณาตรวจสอบ หากพบว่ามีการทุจริต กระทำผิดในรายของข้าราชการระดับสูง จะปรับโยกย้ายมาประจำสำนักนายกฯ ที่เปิดอัตราพิเศษรองรับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานเดิมตรวจสอบ และทำงานโดยไม่ตกอยู่ในภาวะกดดัน ขณะที่ข้าราชการระดับกลาง และเล็ก ที่ไม่น่ามีผลกับการตรวจสอบ ยังให้อยู่สังกัดเดิม และให้ผู้บังคับบัญชาสอบสวนทั้งทางวินัย และแพ่ง ว่ามีการกระทำการตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่
"ข้าราชการที่อยู่ในข่าย ยังเป็นเพียงผู้ที่เชื่อได้ว่า น่าจะกระทำการดังกล่าว ยังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริง ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาพิสูจน์ตัวเอง และรอการสอบสวนดำเนินการ หากพบว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ผิด ก็จะกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม หากพบว่าผิดจริง ก็เป็นไปตามกระบวนการ" รายงานข่าวระบุ
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ต่อไปจะมีการเสนอแก้ไขร่างกฎหมาย ที่ผ่านมาข้าราชการที่โดนตรวจสอบจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น ปปท. หรือป.ป.ช. เมื่อเกิดกรณี ข้าราชการจะอยู่ในตำแหน่งเดิม อาจเกิดผลกับการตรวจสอบ ฉะนั้นต้องผลักดันให้มีการตรวจสอบทางวินัย คือ ยุติการปฏิบัติหน้าที่นั้นๆไว้ก่อน จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
"ข้าราชการที่อยู่ในข่าย ยังเป็นเพียงผู้ที่เชื่อได้ว่า น่าจะกระทำการดังกล่าว ยังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริง ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาพิสูจน์ตัวเอง และรอการสอบสวนดำเนินการ หากพบว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ผิด ก็จะกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม หากพบว่าผิดจริง ก็เป็นไปตามกระบวนการ" รายงานข่าวระบุ
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ต่อไปจะมีการเสนอแก้ไขร่างกฎหมาย ที่ผ่านมาข้าราชการที่โดนตรวจสอบจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น ปปท. หรือป.ป.ช. เมื่อเกิดกรณี ข้าราชการจะอยู่ในตำแหน่งเดิม อาจเกิดผลกับการตรวจสอบ ฉะนั้นต้องผลักดันให้มีการตรวจสอบทางวินัย คือ ยุติการปฏิบัติหน้าที่นั้นๆไว้ก่อน จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
