เมื่อพูดถึงการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ราคาถูกที่สุด สามารถทำที่ไหนก็ได้ คืออะไร? แน่นอนว่านั่นคือ “การวิ่ง” เพราะแค่คุณมีรองเท้าผ้าใบคู่เดียว กับเสื้อผ้าสบายๆ สักชุด ก็เพียงพอแล้วจริงๆ ที่จะพาชีวิตคุณไปสู่สุขภาพที่ดีกว่า
เมื่อเป็นแบบนี้ เราทีมข่าว Feel good จึงขออาสาพาแฟนๆ ที่ใส่ใจสุขภาพทุกคนไปเสพสัมผัสมนต์เสน่ห์ในโลกอีกใบที่จะมีโอกาสได้เห็นก็ต่อเมื่อ “คุณออกวิ่งเท่านั้น” ผ่านประสบการณ์การวิ่งมากว่า 6 ปี ของสาวสวยหุ่นดีอย่าง “ฝน รพีภัทร มากมณีวงค์” ผู้ประกาศตัวในสังคมนักวิ่งมาราธอนอย่างเป็นทางการ
“จริงๆ ชอบวิ่งมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยฯ แล้วนะ จำได้ว่าหลังเลิกเรียนทุกเย็นจะต้องกลับมาวิ่งจนเป็นกิจวัตรประจำวันเลยล่ะ แต่พอช่วงเรียนจบมาทำงานนี่แหละ ที่เริ่มห่างหายไป แล้วก็เพิ่งกลับมาวิ่งจริงๆ จังๆ เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว เพราะรู้สึกว่าอยากออกกำลังกาย และการวิ่งมันก็เป็นกีฬาง่ายๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีกฎเกณฑ์ อยากวิ่งเมื่อไหร่ก็วิ่ง ทำคนเดียวได้ ไม่ต้องชวนใคร หรือหาเพื่อนร่วมทีม”
เมื่อ ฝน รพีภัทร Corporate Insurance Marketing หรือ เจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทแห่งหนึ่ง เริ่มกลับมาสู่การวิ่งอีกครั้ง สาวร่างเล็กอย่างเธอจึงเริ่มถูกสิ่งดีๆ รอบตัว ดึงดูดเข้ามา
“มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยวิ่งๆ อยู่แล้วเจอพี่จอห์นนูโว เราก็ทำสปีดวิ่งแซงไป ฟิ้ว! พี่จอห์นก็วิ่งตามมาข้างๆ แล้วเดินมาสอนวิธีการลงเท้าที่ถูกต้อง ตอนนั้นก็รู้สึกเขิลๆ ค่ะ แต่ก็ประทับใจ ส่วนอีกเรื่องที่รู้สึกฟิวกู๊ดขณะวิ่งเลยก็คือ ฝนจำได้ว่าไปวิ่งที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ก็วิ่งตามปกติ จู่ๆ ก็มีน้องผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาแล้วมองหน้าเราบ่อยๆ ทุกรอบ เป็นการวิ่งสวนเลนกันนะคะ แล้ววันหนึ่งน้องเขาก็เดินมาทักเรา ถามว่าเรามาจากประเทศอะไรเป็นภาษาอังกฤษ เราก็ขำมาก แต่ก็ตอบไปนะว่า อะไรนะคะ ได้ยินแบบนั้นน้องเขาก็ตกใจมาก หน้าแดงแล้วรีบวิ่งหนีไปเลย ทิ้งให้เรายืนงงอยู่คนเดียว (หัวเราะ)”
จากนั้นเมื่อมีเวลาว่างหลังเลิกงาน ฝนก็มักจะออกวิ่งไปเรื่อยๆ จนบรรยากาศสองข้างทางในสวนลุมพินี และสวนสาธารณะอื่นๆ รวมถึงมิตรภาพใหม่ๆ ที่ได้ซึมซับขณะออกวิ่ง ก็พานให้พนักงานสาวออฟฟิศอย่างเธอ ตกหลุมรักการวิ่งไปโดยปริยาย และพร้อมๆ กันนั้นอย่างไม่รู้ตัว เธอยังได้เข้าสู่โลก และสังคมแห่งการวิ่งเพื่อการแข่งขันในเวลาต่อมาอีกด้วย
“จากที่เคยเป็นคนชอบวิ่ง สเต็ปถัดมาก็เป็นสนใจการแข่งขัน แต่ไม่ใช่แข่งเพื่อเอาชนะ เพื่อรางวัล หรือเพื่อสถิติอะไรหรอกนะ แต่เป็นเพราะอยากเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า อยากเข้าไปอยู่ในบรรยากาศ อยากเจอผู้คน เจอกลุ่มคนที่ชอบวิ่งเหมือนๆ กันมากกว่า เชื่อไหมว่าเคยจริงจังขนาดว่าอยากไปแข่งไตรกีฬาอะไรขนาดนั้นเลยไม่เจียมตัวเลยเนอะ (หัวเราะ) ก็เลยเข้าไปสมัครในกลุ่มนักวิ่งแล้วคอยติดตามกลุ่มนักวิ่งต่างๆ คอยหารายการไหนที่ใกล้ๆ เดินทางสะดวกก็ไปร่วมด้วย” และนี่ คือจุดเริ่มต้นของการวิ่งมาราธอน
ส่วนรายการแข่งแรกในชีวิตของเธอคือ MUSIC RUN ซึ่งจัดที่สวนหลวง ร.9 เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นการวิ่งในระยะทาง 5 กิโลเมตร แม้จะเป็นเพียงระยะสั้นๆ หากเทียบกับงานมาราธอนอื่นๆ ทว่า เมื่อขึ้นชื่อว่าการแข่งขันที่มีหัวใจของตัวเองเท่านั้นเป็นเดิมพัน ดังนั้น ความอึดและความเร็วจึงมีความสำคัญพอๆ กัน
“ก็เหนื่อยนะคะ เพราะเราเป็นผู้หญิง แต่ด้วยเป็นคนชอบบรรยากาศของสวนสาธารณะอยู่แล้ว ชอบมองต้นไม้ มองท้องฟ้า ชอบพื้นที่โล่ง และกลิ่นไอความ outdoor เป็นทุนเดิม บวกกับงานนี้เป็นงานดนตรี เลยมองว่าไม่เหนื่อย แต่สนุกมาก เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กๆ อีกครั้ง สวนก็สวยร่มรื้นบรรยากาศดีดนตรีเพราะ ลองจินตนาการว่าเราวิ่งในสวนที่มีต้นไม้ครึ้มๆ แล้วมีเพลงเปิดเพราะๆ คลอตลอดเส้นทางดูสิ ยังไม่รวม concert ก่อนเริ่มวิ่งและหลังวิ่งอีกนะ เจ้าภาพจัดงานก็ดีดูแลทั่วถึง ทำให้เราประทับใจมาก คือเส้นทาง 5 กิโลเมตร ดูสั้นไปเลย เผลอแป๊ปเดียวถึงเส้นชัยแล้ว”
หลังจากได้ร่วมวิ่งมาราธอนในครั้งนั้น นอกจากจะทำให้ฝน ชื่นชอบการวิ่งประเภทนี้แล้ว มันยังทำให้เธอลบข้อข้องใจที่เคยมีบางข้อออกไปได้
“ก็เลยได้รู้ว่ากิจกรรมประเภทนี้มันสนุกอย่างนี้นี่เอง ไม่เสียดายเวลาที่มาเข้าร่วมเลยล่ะ เมื่อก่อนเคยแอบสงสัยเหมือนกันนะว่า คนพวกนี้บ้าหรือเปล่าทำไมตื่นมาแต่เช้าตรู่ ตี 3 ตี 4 มาวิ่งกัน เพื่อะไรทำไปทำไม แต่ตอนนี้ก็กลายมาเป็นคนพวกนี้ไปแล้วละ คือวันนั้นมันจะรู้สึกว่าเราเหมือนได้พิชิตยอดเขา เป็นความอดทนอันยิ่งใหญ่ ชนะใจตัวเอง รู้สึกภูมิใจในศักยภาพของตนอะไรทำนองนั้นมั้ง”
นอกจากจะสามารถวิ่งฝ่าเส้นชัยในสนามมินิมาราธอนแรกในชีวิตอย่าง MUSIC RUN มาได้สำเร็จ เธอ ยังต่อยอดการวิ่งมาราธอนในงาน Run for your life Thailand ซึ่งเป็นการวิ่งฉีกแนวเดิมๆ เอาใจวัยรุ่น ภายใต้กฎกติกา วิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด ท่ามกลางฝูงซอมบี้ ในระยะทาง 5 กิโลเมตร แต่งานนี้เจ้าตัวแอบกระซิบว่า เธอเลือกเป็นฝั่งซอมบี้แต่งผีคอยวิ่งไล่ล่านักวิ่งมาราธอนในสนาม “เหนื่อยและหอบมากอ่ะ”
“งานนี้มันส์สุดๆ แต่ที่เหนื่อยมากน่าจะเป็นรายการมาราธอนล่าสุดอย่าง Super Sport 10 Miles International run 2015 ที่ปิดถนนกันให้วิ่งเลย ตอนแรกฝนเลือกวิ่งระยะทาง 5 ไมล์ หรือ 8 กิโลเมตรนะ แต่พอวิ่งไปวิ่งมาดันหลงไปวิ่งตามกลุ่ม 10ไมล์ (หัวเราะ) เลยได้วิ่งจริงไป 11. 28 กิโลฯ เรียกว่าร่างแหลกขาสั่นหน้าเสียกันไปค่ะ (หัวเราะ)” และแน่นอนว่าการวิ่งคงไม่ได้มีดีแค่ความสนุก หรือเติมเต็มสุขภาพให้ร่างกาย เพราะสาวหน้าวานหุ่นเพรียวบางคนนี้บอกไว้ว่า
“อย่างแรกที่นักวิ่งทุกคนจะได้คือเรื่องสุขภาพ เพราะเป็นมนุษย์เงินเดือนชนิดขี้เกียจ ทำงานเสร็จกลับบ้านนอน กินเที่ยว slowlife ไปวันๆ ช่วงเสาร์อาทิตย์ก็นอนตื่นสายๆ ช่วงนั้นรู้สึกว่าตัวเองป่วยบ่อย เหนื่อยง่าย สุขภาพไม่โอเลย แต่หลังจากหันมาวิ่งจริงๆ จังๆ เชื่อมั้ยว่าโรคภัยต่างๆ หายหมด โรคภูมิแพ้ก็ไม่เป็น หวัดก็ไม่ค่อย แถมมีคนทักว่าผิวดีมีเลือดฝาด อย่างที่สองจิตใจแข็งแรงขึ้นค่ะ ตอนที่วิ่ง มันเหมือนเกิดสมาธิ สองขาก้าว สองตามองทาง สองหูได้ยินเสียงฝีเท้าตัวเองตุบๆๆ เสียงลมหายใจเข้าออก มีสติมาก มันทำให้ลืมความทุกข์ ลืมปัญหา ลืมความเครียด ลืมความเศร้าทั้งหลายไปหมด ใช้รักษาอาการอกหักได้เป็นอย่างดีค่ะ” พูดจบ เจ้าตัวหัวเราะ ก่อนจะเปรยว่า “ที่หันกลับมาวิ่งก็เพราะอกหักแหละ”
ไม่ว่าจุดเริ่มต้นของการวิ่งจะเกิดขึ้นด้วยเหตุผลอะไร แต่ในวันนี้ ฝน บอกกับ Feel good ว่า เธอยังไม่มีเหตุผลที่จะเลิกวิ่ง และจะวิ่งไปเรื่อยๆ เพราะท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของชีวิตมนุษย์เงินเดือน “การวิ่งนี่แหละ คือสิ่งที่ทำให้เธอภูมิใจ”
“มันไม่มีใครมารู้กับเราหรอก ว่าเราภูมิใจแค่ไหน แต่ถ้าเราทำได้เราจะรู้สึกภูมิใจในตัวเอง มีความสุขมากจริงๆ เราไม่สามารถจะมีอะไรที่ชนะใจตัวเองได้ในทุกวัน บางทีเราตื่นเช้ามาไปทำงาน แล้วกลับมานอน มันไม่มีเรื่องไหนที่เราภูมิใจเลย ว่าวันนี้ฉันชนะอะไรมา แต่การที่เราวิ่ง เราชนะตัวเองได้ทุกวัน อย่างวันนี้เราตั้งว่า 5 รอบ หรือ 5 กิโลเมตร ถ้าเราทำได้ เราก็ชนะแล้ว มันเป็นเรื่องของความภูมิใจทุกวันๆ พอมันเกิดขึ้นทุกวัน เราจะรู้สึกรักตัวเอง รู้สึกว่าเราเก่งอ่ะ”
ส่วนหัวใจสำคัญที่นักวิ่งมาราธอนทุกคนคิดเหมือนกันคราวเมื่ออยู่ในสนาม เธอบอกว่า “ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ก้าวขาออกไปอย่าหยุด จนถึงตอนที่จะหมดแรงขาหนักจนก้าวเท้าไม่ออก ตอนนั้นให้ลอง ปลุกใจตัวเองเข้าไป จะพูดกับตัวเองว่า อย่าหยุดๆ ไปต่อๆ สู้ๆ ทำได้ๆ แล้วภาพก็จะตัดมาที่เส้นชัยค่ะ เชื่อไหมว่าขีดจำกัดร่ากายเรามันไม่มีจริงหรอก ตอนที่รู้สึกว่าเหนื่อยจนจะหมดแรง แต่ถ้าเราปลุกใจตัวเองว่าสู้ต่อเดินต่อ สุดท้ายแล้วเราก็สามารถทำมันได้จริง ขีดจำกัดร่างกายมันไม่มีจริงหรอก มันเรื่องของใจล้วนๆ”
ไม่เพียงเท่านั้น นักวิ่งมาราธอนสาวคนนี้ ยังเผยเคล็ดลับและวิธีการฝึกซ้อมในแบบของเธอให้ฟังอีกด้วย “ร่างกายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ร่างกายมันปรับ เราจะมีจุดๆ หนึ่งที่เป็น Comfort Zone คือ จุดที่เราสบาย พอเราหลุดออกมาจาก Comfort Zone นิดหนึ่งเราจะเหนื่อย แต่พอเราหลุดมันทุกวัน Comfort Zone ของเรามันจะขยับไปตรงจุดที่เราเหนื่อยตรงนั้น จนเราไม่เหนื่อยแล้ว สมมติวันนี้เราวิ่ง 3 กิโลฯ เราเหนื่อย ตรงนี้คือจุดนอก Comfort Zone แต่พอเราวิ่ง 3 กิโลฯ ไปเรื่อยๆ ร่างกายมันปรับไปเรื่อย Comfort Zone มันจะขยับไปที่ 3 กิโลฯ หลังจากนั้นเราวิ่งไปที่ 3 กิโลฯ มันจะไม่เหนื่อยแล้ว เราต้องถีบตัวเองให้ออกมาเป็น 6 กิโลฯ พอหลุดมา 6 กิโลฯ ก็ยังอยู่นอกComfort Zone อยู่ จนร่างกายปรับ จน Comfort Zone มันย้ายมาที่ 6 จนกลายเป็นว่า 6 กิโลฯ ก็สบายแล้วค่ะ”
แม้จะเพิ่งเข้าสู่วงการนักวิ่งมาราธอนได้ไม่นาน แต่เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับความรู้เรื่องการวิ่ง เพราะเธอขอแนะเกล็ดเล็กน้อย เกี่ยวกับการเลือกซื้อรองเท้าและครีมกันแดดสำหรับสาวๆ ว่า
“เวลาจะซื้อรองเท้าวิ่ง ให้บีบแล้วเหลือไว้ 1 นิ้ว หรือให้เกินไปประมาณ 1 - 1.30 เซนติเมตร เพราะเวลาเราวิ่ง เท้าเราจะบวม เลือดมันจะลงไปที่เท้าเยอะ เท้าเราจะบวมออก หากเราใส่รองเท้าที่พอดีเท้า เราจะเจ็บเท้า ส่วนถุงเท้าก็ให้ระบายอากาศ ไม่ใช่ถุงเท้าแบบฟรุ้งฟริ้งนะคะ(หัวเราะ) ส่วนครีมกันแดดก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะออกกำลังกาย หรือไม่ออกกำลังกาย นั่นคือการทากันแดด ขนาดอยู่ในที่ร่มยังร้อนเลย จึงจำเป็นต้องทาครีมกันแดดทุกครั้ง หลังวิ่งก็ต้องบำรุง จริงๆ แล้วฝนเป็นคนมีกลัวแดดนะคะ เพราะผิวบาง แต่แปลกมาก เมื่อก่อนตอนไม่ออกกำลังกาย คล้ำกว่าตอนนี้อีก”
ก่อนจากกันสาวหน้าหวานแห่งวงการนักวิ่งมาราธอน เธอฝากประโยคหนึ่งไปถึงสาวๆ ที่กำลังสนใจการวิ่งไว้ว่า
“อย่ากลัว อย่าอาย ไม่เคยมีใครที่ไม่มีครั้งแรกค่ะ! แค่วิ่งเอง! อยากเชิญผู้หญิงทุกท่านให้มาวิ่งด้วยกันค่ะ เพราะหนุ่มๆ ที่ออกกำลังแซ่บมาก(หัวเราะ) แล้วคุณจะรักมันเอง ถ้าคุณได้รับสิ่งที่ดีจากมัน จริงๆ ความเหนื่อยมันเป็นเรื่องที่ท้าทายกับผู้หญิงอย่างเราๆ นะ จะเกิดมาสบายทั้งชีวิตเลยเหรอ จะนั่งอยู่แต่ในห้องแอร์เหรอ ออกมาใช้หน่อย รู้หน่อย ชีวิตเป็นของเรา ใช้ซะ”