xs
xsm
sm
md
lg

อย่าระยำทำบ้าจี้กับจีดีพีและผีพนัน

เผยแพร่:   โดย: ไสว บุญมา

เมืองไทยมักมีอะไรที่ชาวโลกคิดไม่ถึงเสมอ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและสมาชิกสภาปฏิรูปกลุ่มหนึ่งจึงออกมาเต้นแร้งเต้นกาให้เปิดบ่อนการพนันเสรีเพื่อกระตุ้นจีดีพีของประเทศ คนเหล่านั้นคงถูกผีพนันสิงอยู่ จึงดูจะลืมไปสิ้นว่าหน้าที่ของตนคืออะไรและมองว่าการเปิดบ่อนการพนันเป็นการปฏิรูป หรือทำให้ประเทศดีขึ้น เรื่องการเปิดบ่อนการพนันเสรีมิใช่ของใหม่ ย้อนไปในสมัยรัฐบาลที่คนสามานย์เป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้มีชื่อที่สวยหรูว่า “Entertainment Complex” เพราะจงใจที่จะปกปิดและบิดเบือนความชั่วช้าของทั้งผู้เสนอและการพนัน ตอนนั้น ผมเขียนบทความไว้สองบทเพื่อชี้แจงเรื่องแก่นแท้ของจีดีพีและผลของความเป็นทาสผีพนันซึ่งกัลยาณมิตรเพิ่งนำมาปันกันในสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก จึงขอนำมาปันกับผู้อ่านคอลัมน์นี้ด้วย บทความเหล่านี้ตีพิมพ์ใน “กรุงเทพธุรกิจ” เมื่อปี 2551

บทหนึ่งชื่อ “การสร้างจีดีพีด้วยวิธีสามานย์” ซึ่งพิมพ์เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2551 และมีเนื้อหาดังนี้

ในยุคนี้คำว่า “จีดีพี” มีมนต์ขลัง ใครๆ ก็มักอ้างถึงคำนี้เมื่อต้องการจะชี้ให้เห็นถึงสภาวะทางเศรษฐกิจ การขยายตัวในอัตราสูงของจีดีพีถูกตีความหมายว่าเป็นสภาวะที่น่าลิงโลดใจ การขยายตัวในอัตราต่ำอาจทำให้รัฐบาลของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยถูกไล่ออก แต่จีดีพีคืออะไรคนส่วนใหญ่มักไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งนักและไม่รู้ด้วยว่าการขยายตัวของจีดีพีใช่ว่าจะดีเสมอไป

จีดีพีในที่นี้คือ GDP ซึ่งย่อมาจาก Gross Domestic Product นักเศรษฐศาสตร์ใช้จีดีพีวัดค่าของสินค้าและบริการที่ผลิตขึ้นในประเทศใดประเทศหนึ่ง ที่ว่าการขยายตัวของจีดีพีใช่ว่าจะดีเสมอไปนั้น เพราะการคำนวณจีดีพีมีข้อน่าท้วงติงมากมาย หากไม่พิจารณาให้ถี่ถ้วนถึงส่วนประกอบของมันอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิด ตัวอย่างง่ายๆ ได้แก่การสูบบุหรี่ ทั้งที่การสูบบุหรี่มีโทษมหันต์และสร้างความรำคาญให้ผู้อยู่ใกล้ๆ ที่ไม่สูบ แต่ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการจำหน่ายบุหรี่ถูกตีค่าให้เป็นบวกในการคำนวณจีดีพี ร้ายยิ่งกว่านั้นเมื่อผู้สูบบุหรี่มีปัญหาสุขภาพ เช่น เป็นมะเร็งในปอด ค่ารักษาพยาบาลที่เขาหรือผู้อื่นต้องจ่ายมีผลทำให้จีดีพีขยายตัวด้วย รัฐบาลของบางประเทศผูกขาดการผลิตบุหรี่ การทำเช่นนี้เป็นการสร้างจีดีพีด้วยวิธีสามานย์ถึงสองกระทงคือ การผลิตและขายสินค้าที่เป็นอันตรายและการใช้วิธีผูกขาดซึ่งผิดหลักตลาดเสรี

กิจกรรมที่ให้โทษเช่นการสูบบุหรี่ถูกรวมไว้ในจีดีพีเพราะมันถูกกฎหมาย ฉะนั้นถ้าเมื่อไรมีกฎหมายรองรับกัญชาและยาบ้า เมื่อนั้นกัญชาและยาบ้าก็จะมีค่าเป็นบวกในการคำนวณจีดีพี ในปัจจุบันนี้หลายประเทศห้ามเล่นการพนันรวมทั้งการออกหวยรัฐบาลด้วยเพราะการพนันให้โทษเช่นเดียวกับกัญชา ยาบ้า และบุหรี่ ในประเทศเหล่านั้นมักมีการลักลอบเล่นการพนัน การลักลอบนั้นไม่นับเป็นจีดีพี แต่เมื่อไรรัฐบาลออกกฎหมายอนุญาตให้มีบ่อน เมื่อนั้นกิจการเกี่ยวกับบ่อนการพนันจะถูกนับเป็นจีดีพี คอลัมน์นี้ประจำวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา พูดถึงการวิจัยที่ชี้ให้เห็นผลร้ายของบ่อนการพนันซึ่งเท่ากับเป็นการยืนยันถึงการสร้างจีดีพีด้วยวิธีสามานย์ เมื่อรัฐบาลทำให้มันถูกกฎหมาย เนื่องจากหวยเป็นการพนันอย่างหนึ่ง การทำหวยให้ถูกกฎหมายเป็นการสร้างจีดีพีด้วยวิธีสามานย์ด้วย ความสามานย์นี้มีความร้ายแรงสูงขึ้นไปอีกหากมีการสร้างแรงจูงใจด้วยการให้รางวัลสูงพิเศษ หรือ “แจ็กพอต” และผู้เล่นเป็นคนจนเพราะการเล่นนั้นเป็นการแย่งรายได้ซึ่งควรจะใช้ซื้อหาสิ่งที่มีค่าสูง เช่น อาหารโดยเฉพาะอาหารของเด็ก

ในปัจจุบันนี้ยังมีบางประเทศห้ามผลิตและซื้อขายเหล้าเช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2463-2476 แม้ในประเทศเหล่านั้นจะมีการผลิตเหล้าเถื่อนและซื้อขายเหล้าเช่นเดียวกับในสหรัฐฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่กิจกรรมเหล่านั้นไม่นับเป็นจีดีพี เมื่อรัฐบาลทำให้มันถูกกฎหมาย การผลิตและจำหน่ายเหล้านับรวมในจีดีพีทันที เหล้าต่างกับบุหรี่ในแง่ที่เหล้าบางชนิดมีประโยชน์หากดื่มเพียงวันละแก้ว เช่น เหล้าองุ่น แต่การผลิตและจำหน่ายเหล้าเป็นการสร้างจีดีพีด้วยวิธีสามานย์ หากมีการกระตุ้นให้เกิดการดื่มเหล้าที่ไม่มีประโยชน์และในปริมาณมากเกินที่การวิจัยได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ และด้วยวิธีผูกขาดซึ่งขัดกับหลักตลาดเสรี ยิ่งถ้าการผูกขาดทำโดยพวกมหาเศรษฐีที่ให้แรงจูงใจแก่นักการเมืองเพื่อบิดเบือนนโยบายไปในทางเอื้อประโยชน์แก่ตนด้วยแล้ว ความสามานย์นั้นยิ่งร้ายแรงเพิ่มขึ้น

การตัดต้นไม้และทำลายป่าเพื่อเอาไม้และที่ดินมาใช้ทำอย่างอื่นก็สร้างจีดีพี เนื่องจากการทำลายป่าอาจสร้างปัญหาสารพัด จากปัญหาน้ำท่วมและดินพังทลายในท้องถิ่นไปจนถึงปัญหาการทำลายความหลากหลายทางชีวภาพและบรรยากาศของโลกหากไม่ทำตามหลักวิชา มันอาจเป็นการสร้างจีดีพีด้วยวิธีสามานย์ด้วย

การสร้างอนุสาวรีย์ก็สร้างจีดีพีเช่นกัน การสร้างจีดีพีโดยวิธีนี้อาจมีผลถึงกับทำให้สังคมล่มสลายไปจากผิวโลกเลยทีเดียว อาณาจักรเขมรสร้างอนุสาวรีย์ที่ใหญ่โตซึ่งในปัจจุบันนี้ยังมีเหลืออยู่ให้เห็น เช่น นครวัด อาณาจักรพุกามสร้างเจดีย์น้อยใหญ่ซึ่งยังมีเหลือให้เห็นอีกหลายพันองค์ อาณาจักรมายาและอาณาจักรอียิปต์สร้างพีระมิดซึ่งอยู่มาได้หลายพันปี เกาะเล็ก ๆ ในทะเลใต้ชื่ออีสเตอร์ยังมีอนุสาวรีย์หินขนาดยักษ์ยืนตระหง่านอยู่ทั่วไป สังคมที่สร้างอนุสาวรีย์เหล่านั้นล่มสลายเพราะใช้ทรัพยากรไปในทางที่ไม่มีประโยชน์มากเกินไปจนทำลายความสมดุลกับธรรมชาติอย่างร้ายแรง สังคมปัจจุบันยังแข่งขันกันสร้างอนุสาวรีย์ เช่น โบสถ์และพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในบางประเทศผู้นำเผด็จการถึงกับสร้างรูปปั้นขนาดยักษ์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อบูชาตัวเอง สิ่งเหล่านี้สร้างจีดีพีแต่เป็นการสร้างด้วยวิธีสามานย์เช่นเดียวกันกับสังคมที่กล่าวถึง

แน่ละ การทำนาเป็นการสร้างจีดีพี แต่การทำนาแบบไทยนอกจากจะไม่เป็นการสร้างจีดีพีด้วยวิธีสามานย์แล้ว ยังมีข้อดีที่มักไม่ค่อยมีใครนึกถึงอีกด้วย เช่น เมื่อคราวเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปี 2540 แรงงานตกงานกันระนาว แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่อดอยากแสนสาหัสเพราะสามารถกลับไปอาศัยญาติพี่น้องที่เป็นชาวนาได้ เนื่องจากการทำนาของไทยเป็นกิจการในครอบครัว แม้จะไม่มีรายได้ในระดับมั่งคั่ง แต่ก็ยังมีข้าวพอประทังความหิวโหยของญาติพี่น้องในยามเข้าตาจน การสร้างจีดีพีแบบวิถีไทยเป็นการให้ประกันสังคมชั้นดีจนมีผู้ยกย่องรวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์ชั้นรางวัลโนเบลโจเซฟ สติกลิตซ์ ด้วย (ในหนังสือ Globalization and Its Discontents ซึ่งมีบทคัดย่ออยู่ใน “เนชั่นสุดสัปดาห์” ฉบับ 23 กันยายน – 4 ตุลาคม 2545)

เนื่องจากชาวนาไทยสร้างจีดีพีได้ไม่ค่อยสูงนัก จึงมีผู้มองว่าถ้านำมหาเศรษฐีอาหรับมาร่วมลงทุนในรูปบริษัทขนาดใหญ่แล้วใช้ชาวนาไทยเป็นลูกจ้าง เมืองไทยจะสร้างจีดีพีได้สูงขึ้น ทั้งที่การกระทำเช่นนั้นจะเป็นการสร้างจีดีพีด้วยวิธีสามานย์เพราะมันจะทำลายวิถีไทยที่ได้รับการยกย่องดังกล่าว แต่พวกเขาไม่แยแส ทั้งนี้เพราะพวกเขามีวิธีคิดแบบสามานย์ นั่นคือ จะสร้างความร่ำรวยให้ตัวเองได้อย่างไรโดยไม่คำนึงถึงคุณธรรมและจริยธรรม แม้แต่การทำลายวิถีไทยซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายชาติของตนเองพวกเขาก็ทำได้ถ้ามันทำให้พวกเขาร่ำรวยเพิ่มขึ้น จะว่าคนพวกนี้มีความสามานย์เป็นสันดานก็คงไม่ผิดนักและความยุ่งยากในสังคมไทยในขณะนี้มีต้นเหตุมาจากคนไทยส่วนใหญ่ตามพวกเขาไม่ทันจึงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ การสร้างจีดีพีด้วยวิธีสามานย์ยังมีอีกมาก แต่ขอพักไว้เท่านี้ก่อน หวังว่าที่เขียนมาจะเป็นอุทาหรณ์เตือนใจเมื่อได้ยินคำว่า “จีดีพี”
สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติผู้สนับสนุนให้เปิดบ่อนการพนันเสรี
อีกบทหนึ่งชื่อ “ผีพนันกับวันโลกาวินาศ” ซึ่งพิมพ์เมื่อ 28 มีนาคม 2551 และมีเนื้อหาดังนี้

เนื่องจากรัฐบาลมีความประสงค์ที่จะรื้อฟื้นการทำบ่อนการพนันให้ถูกกฎหมายขึ้นมาอีก จึงขอนำเรื่องราวที่คอลัมน์นี้เคยเสนอมาเล่าอีกครั้ง โดยเฉพาะจากฉบับประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2547 เนื่องจากเมืองลาสเวกัส ในรัฐเนวาดา เป็นทั้งศูนย์การพนันที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย จึงไม่แปลกที่อาจารย์ของมหาวิทยาลัยนั้นจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติและการวิจัยผลกระทบของการพนันแบบถูกกฎหมาย เมื่อปี 2544 ศาสตราจารย์วิลเลียม ธอมป์สัน พิมพ์หนังสือออกมาชื่อ Gambling In America: An Encyclopedia Of History, Issues, and Society และเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ หลังจากเขาได้รับเชิญให้เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่ง รวมทั้งกรุงวอชิงตัน ซึ่งต้องการตั้งบ่อนการพนันขึ้นมาแข่งกับแหล่งอื่น

ศาสตราจารย์ธอมป์สันมองว่าความคิดที่จะตั้งบ่อนการพนันขึ้นมาแข่งกับผู้อื่นเป็นความคิดที่ผิดถนัด ทั้งนี้เพราะบ่อนการพนันจะกระตุ้นให้คนในท้องถิ่นซึ่งไม่เคยเล่นการพนันมาก่อนเริ่มเล่นการพนัน นอกจากนั้นคนที่เล่นอยู่แล้วอาจเล่นมากขึ้นจนติดเนื่องจากผลการวิจัยในตอนนั้นบ่งว่า โดยเฉลี่ยคนอเมริกันจะเสียเงินไปกับการพนันคนละประมาณ 350 ดอลลาร์ต่อปี แต่ในท้องถิ่นที่มีบ่อนการพนันซึ่งรวมทั้งการมีตู้เสี่ยงโชคจำพวกหยอดเหรียญด้วย ประชาชนจะเสียเงินเล่นการพนันคนละประมาณ 700 ดอลลาร์ สำหรับในรัฐเนวาดา ซึ่งมีทั้งเมืองลาสเวกัส และตู้เสี่ยงโชคอยู่ทั่วไป ประชาชนเสียเงินเล่นการพนันคนละประมาณ 1,000 ดอลลาร์ต่อปี การวิจัยของศาสตราจารย์ธอมป์สันพบด้วยว่า ถ้ารายได้ของบ่อนการพนันมาจากชาวต่างถิ่นต่ำกว่า 50% ท้องถิ่นนั้นจะขาดทุน

นอกจากนั้นเขายังเล่าถึงประวัติของบ่อนการพนันซึ่งกรุงวอชิงตันเคยมีในยุคก่อนสงครามกลางเมืองเมื่อราว 150 ปีมาแล้วอีกด้วย บ่อนถูกยกเลิกไปเพราะปัญหาหลายอย่าง เช่น สมาชิกรัฐสภาเป็นหนี้การพนันกันอย่างแพร่หลายจนกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของเจ้าของบ่อน บางคนจะ “โชคดี” ขึ้นมาโดยบังเอิญหากเจ้าของบ่อนต้องการให้พวกเขาทำอะไรให้ ผู้ที่เคยดูภาพยนตร์อมตะเรื่อง “คาซาบลังกา” อาจจำได้ว่าเจ้าของบ่อนทำอย่างไรเพื่อช่วยให้ผู้เสียเงินจนหมดตัวได้เงินคืน ศาสตราจารย์ธอมป์สันชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลที่ต้องการตั้งบ่อนการพนันมักนำแต่ผลดีมาเสนอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ การขยายฐานการเก็บภาษี การมีงานทำเพิ่ม หรือการป้องกันเงินพนันมิให้รั่วไหลไปถิ่นอื่น แต่ไม่มีใครพูดถึงผลกระทบทางลบโดยเฉพาะจากการกระตุ้นให้ผู้ที่ไม่เคยเล่นการพนันเริ่มเล่น และผู้ที่เล่นอยู่แล้วเล่นมากขึ้นจนถูกผีพนันครอบงำเพราะความสะดวก

นอกจากนั้นไม่มีใครพูดถึงเรื่องผู้มีอิทธิพลมืด หรือมาเฟีย มักพยายามเข้าไปควบคุมบ่อนการพนันแบบถูกกฎหมายเพื่อใช้เป็นช่องทางหากินและฟอกเงินจากกิจการผิดกฎหมายอื่นๆ

ข้อมูลเหล่านี้ชี้บ่งว่าอะไรอาจจะเกิดขึ้นในเมืองไทยถ้ารัฐบาลอนุญาตให้ตั้งบ่อนการพนัน มีรายงานข่าวเสนอว่านักการเมืองไทยหลายคนชอบเล่นการพนัน บางคนฉ้อฉลและเจ้าของบ่อนการพนันเถื่อนมักเป็นผู้มีอิทธิพลมืด ในสภาพเช่นนี้เมื่อมีบ่อนถูกกฎหมาย ผลที่ออกมาคงไม่ต่างกับการมีบ่อนการพนันในกรุงวอชิงตันในสมัยก่อน เกี่ยวกับผลการวิจัยที่ว่าบ่อนถูกกฎหมายจะกระตุ้นให้คนเล่นการพนัน คนไทยน่าจะเล่นเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าชาวอเมริกันในรัฐเนวาดาเสียอีกเพราะโดยทั่วไปคนไทยชอบเล่นการพนันอยู่แล้ว จะเห็นว่าหวยออกมาเท่าไรก็ขายหมดแม้จะขายเกินราคาก็ตาม นอกจากนั้นหวยใต้ดินยังแพร่หลาย การพนันแทรกซึมเข้าไปในทุกวงการ กระทั่งในกีฬาของผู้ที่มักมีทั้งเงินและความรู้ เช่น กอล์ฟ

สำหรับผลกระทบทางลบ เงินที่จะสูญไปกับการเล่นการพนันเพิ่มขึ้นนั้นมีความสลับซับซ้อนค่อนข้างสูง มันขึ้นอยู่กับว่าเงินนั้นมาจากใครและพวกเขาอยู่ในสภาพเศรษฐกิจและสังคมอย่างไร ถ้าเงินนั้นมาจากเงินออมของผู้ที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้ ผลกระทบอาจไม่ร้ายแรงสำหรับครอบครัวและตัวของพวกเขาเองนัก แต่ถ้าเงินนั้นมาจากผู้ที่ไม่ค่อยมีเงินอยู่แล้ว ผลกระทบจะร้ายแรงมาก เนื่องจากข้อมูลบ่งว่าผู้มีรายได้น้อยเล่นหวยกันอย่างแพร่หลายจนรัฐบาลในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีอ้างว่าต้องทำหวยจำพวกเลข 2-3 ตัวให้ถูกกฎหมายเพื่อส่งรายได้คืนสู่คนจน จึงอาจคาดเดาได้ว่าเงินที่สูญไปกับการพนันเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะไม่ใช่เงินออมของผู้ที่มีเงิน หากจะเป็นเงินที่ต้องใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน

เงินที่สูญไปมีผลกระทบหลายอย่าง เช่น ธุรกิจที่เคยขายสินค้าและบริการให้แก่ผู้สูญเงินนั้นจะขายได้น้อยลง การขายได้น้อยลงนี้จะมีปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อไปถึงธุรกิจอื่นๆ รวมทั้งการจ้างงานและฐานของการเก็บภาษีของรัฐด้วย แต่นั่นอาจยังไม่ร้ายแรงเท่ากับในกรณีที่เงินนั้นมาจากเงินสำหรับซื้ออาหารและนมให้เด็กเล็กหรือเพื่อการศึกษา ถ้าเป็นเงินจำพวกนั้น ผลกระทบของมันจะเป็นด้านคุณภาพของคนไทยในระยะยาว นั่นหมายความว่าคุณภาพของคนไทยนับวันจะล้าหลังคนชาติอื่นซึ่งมีความตื่นตัวสูงต่อความเข้มข้นของการแข่งขันทางมันสมองในยุคโลกาภิวัตน์

สำหรับข้อดีที่รัฐบาลมักอ้างถึง เช่น การสร้างแรงจูงใจมิให้เงินรั่วไหลไปยังแหล่งการพนันนอกประเทศนั้นเป็นการอ้างที่ไม่มีหลักฐานจากการวิจัย มันจึงเป็นการคาดเดาเพื่อเข้าข้างตัวเอง ส่วนเรื่องการสร้างงานและการขยายฐานทางภาษีก็ต้องนำมาหักลบกับผลกระทบจากการที่ธุรกิจอื่นขายได้น้อยลงดังที่กล่าวถึง เมื่อหักลบกันแล้ว ผลที่ออกมาอาจเป็นบวก เป็นศูนย์ หรือเป็นลบก็ได้ ประเด็นนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานจากการวิจัยเช่นกัน ถึงแม้มันจะเป็นบวกก็ใช่ว่าจะน่ายินดีเพราะเรื่องนี้ไม่ต่างกับการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือจีดีพีชนิดลวงโลกด้วยการผลิตและสูบบุหรี่ ซึ่งทำให้จีดีพีขยายตัว เมื่อผู้สูบเป็นมะเร็งและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจีดีพีก็เพิ่มขึ้นอีก ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้มิได้บ่งชี้ถึงการกินดีอยู่ดีเพิ่มขึ้น ตรงข้ามมันเป็นความทุกข์ทรมาน และการลดมาตรฐานของการดำเนินชีวิต เช่นเดียวกับจีดีพีที่จะเพิ่มขึ้นจากการพนัน นอกจากนั้นการพนันยังมีผลกระทบทางลบด้านสังคมซึ่งประเมินเป็นตัวเลขไม่ได้อีกด้วย ฉะนั้นรัฐบาลของประเทศกำลังพัฒนาที่ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้งจะไม่คิดนอกคอก และทำนอกคัมภีร์ถึงกับอนุญาตให้สร้างบ่อนการพนันขึ้นมามอมเมาประชาชน

เนื่องจากเมืองไทยเป็นแหล่งกำเนิดของแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ถ้าวันไหนรัฐบาลไทยอ้างว่าการมีบ่อนการพนันแบบถูกกฎหมายเป็นไปตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง วันนั้นจะเป็นวันโลกาวินาศของชาติไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น