xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“สมยศ”แก้ผ้าล่อนจ้อน กรณี ถอดยศ“ทักษิณ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ถ้านับเดือนนี้เข้าไปด้วย น่าจะประมาณ 100 วันที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. จะอยู่ในตำแหน่ง“ผู้นำ”กองทัพสีกากี และถ้าให้ดี เพื่อนฝูงร่วมรุ่น นรต. 31 และบรรดาทีมงานน่าจะชวนท่านทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เพราะช่วงนี้มีแต่ข่าวเชิงลบ ขนาดนักข่าวสาวช่อง 7 สี ยังพลั้งปากเปลี่ยนชื่อท่านเป็น “มิสเตอร์เยส” เรียกเสียงฮาชนิดอุจจาระแตกอุจาระแตน กันทั้งประเทศ 

เมื่อดวงกำลังตก บางคนทำพิธีฌาปนกิจหลอก หรือแกล้งตายนอนในโลงให้พระท่านสวดแก้เคล็ด ถ้าจะถือโอกาสทำบุญในโอกาสอายุราชการเหลืออีก 100 วันให้กับตัวเอง ก็น่าจะทำได้ เอาให้ฮือฮากันไปเลย เพราะท่าน ผบ.ตร. กล้าทำในสิ่งที่หลายคนไม่กล้าทำอยู่แล้ว ถ้าจัดจริงอย่าลืมเชิญทีมข่าวอาชญากรรม ASTVผู้จัดการ ไปร่วมด้วย จะได้ถือโอกาสขอขมาลาโทษที่วิพากษ์วิจารณ์ท่านแรงๆ มาตลอด 8 เดือนเศษ

พูดถึงเรื่องวิจารณ์ ขอจัดหนักจัดเต็มแด่ท่าน ว่าที่ อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนที่ 10 อีกสักครั้ง ไม่แน่ใจว่าปัญหาการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี "คอลัมน์สังเวียนตำรวจ" จะถือเป็นตอนสุดท้ายหรือไม่ เพราะเขียนมาแล้วหลายครั้งจนแทบไม่มีประเด็นอะไรให้พูดถึงอีก จนมีนักข่าวสายตำรวจไปถามท่าน ผบ.ตร. เรื่องนี้ 

ผลก็คือ ท่านแพลมออกมาจนประชาชนคนไทยมองเห็นไฝฝ้าราคี แม้กระทั่งขี้แมงวันในร่มผ้า เรียกว่า แก้ผ้าล่อนจ้อนไม่ต้องคิดเป็นอื่น

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. บอกกับนักข่าวถึงความคืบหน้า ทั้งที่ยังวนกับที่ พายเรือในกาละมัง กรณีถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซ้ำเป็นครั้งที่สี่ ที่ห้า ว่ารายงานที่ พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา สบ.10 ส่งมานั้น ยังต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อน เพราะมีทั้งฝ่ายที่ต้องการให้ถอดยศ และไม่ต้องการให้ถอดยศ จึงจำเป็นต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ต้องไม่ใช้อารมณ์ หรือความรู้สึกส่วนตัวรวมทั้งแรงกดดันจากกระแสสังคมมาใช้ในการพิจารณา

  ข้ออ้าง“มิสเตอร์เยส”แค่นี้ยังไม่พอ ท่านยังฝากขอบคุณ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายตำรวจหลายคนที่เขียนเตือนสติ “จึงเป็นเหตุให้ผมต้องใช้ความรอบคอบมากยิ่งขึ้นกว่าที่คาดคิด”

นักข่าวสายตำรวจไม่ยอมจนมุม ถามต่อไปว่า จะใช้เวลานานแค่ไหน และจะทันในยุคนี้หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ ตอบว่า ในระเบียบข้อบังคับไม่ได้ระบุเอาไว้ ส่วนจะทันในยุคตนหรือไม่ ก็แล้วแต่ ว่ากันไป ตนจะไม่เร่งรัดทำตามอารมณ์ความรู้สึก เพราะมีทั้งกลุ่มที่ต้องการเร่งรัดให้ถอดโดยเร็ว และกลุ่มที่บอกว่า ไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อกฎหมาย ส่วนจะถูกมองว่าเป็นการซื้อเวลาหรือไม่ ก็แล้วแต่จะคิด ทุกคนมีสิทธิจะคิด ไม่เคยรู้สึกอึดอัดหรือหวั่นไหว

เฮ้อ!!!!..ก็ต้องถอนหายใจดังๆ ยาวๆ....ลีลาแบบนี้ ชาวบ้านอย่างพวกเราจะทำอะไรได้นอกจากส่ายหัว ส่วนนักข่าวนักเขียน ก็ว่ากันไป สุดแท้แต่มุมมอง

สำหรับคอลัมน์สังเวียนตำรวจไม่รู้สึกผิดหวังอะไร เพราะได้ฟันธงไปแต่แรกแล้วว่า ท่านไม่กล้า ไอ้ที่ว่า “ใหญ่แค่ไหนยุคผมต้องจับ”ก็แค่คำพูดเท่ห์ๆ แต่พอเอาเข้าจริง แค่ยศ พ.ต.ท. ท่านสมเยส ก็ตีกรรเชียงหนี ทั้งถู ทั้งแถ อ้างสารพัดต้องพิจารณาดูกฎระเบียบบ้าง ดูให้รอบคอบบ้าง จนถึงยกขั้วเห็นด้วย กับไม่เห็นด้วย มาเป็นเกราะกำบัง

 บอกไปตรงๆว่า ผมไม่กล้า หรือผมกลัว ก็หมดเรื่อง

กลายเป็นว่าเรื่องง่ายๆ ผ่าน ผบ.ตร.มาหลายยุค จนมาถึงยุคที่คุยนักคุยหนาต้องเป็นตำรวจที่ประชาชนรัก และใหญ่แค่ไหนก็จับ กลายเป็นงูเหลือมแพ้ทางเชือกกล้วย เรียกว่า หมดราคา หมดสภาพ... ข้ออ้างต่างๆ รวมทั้งโยนเผือกร้อนกลับไปยังสำนักงานกำลังพลตำรวจ โดยอ้างว่า เมื่อมีมติคณะกรรมการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชุดของ พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา สบ.10 ส่งมายัง ผบ.ตร. ยังไม่ถือว่าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ต้องส่งเรื่องไปยังสำนักงานกำลังพลฯ ให้พิจารณาอีก.... ตกลงจะเตะตระกร้อวงกันใช่ไหม

เพราะเรื่องนี้ก็เริ่มต้นมาจากกำลังพลตำรวจ นั่นแหละ แต่ตำรวจทุกยุคทุกสมัยพากันเบี้ยวไม่กล้าแหยมกับ “แม้ว”และไม่น่าเชื่อว่า ยุคตำรวจลายพราง มีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. พร้อมรัฐบาลทหาร เป็นพี่เลี้ยง แต่ ผบ.ตร. สมยศ ก็ยังเตะถ่วง โยนซ้ายโยนขวา ไม่แคร์ความรู้สึกใคร ไม่อายใคร ไม่คิดอะไรทั้งนั้น นอกจากท่องคาถา“ต้องรอบคอบ-ต้องละเอียดอ่อน” พลิ้วไปเรื่อยๆ แถไปเรื่อยๆ จนอยากตั้งชื่อใหม่ให้เป็น “บิ๊กแถ”

ความจริงเรื่องนี้มันชัดเจนในตัวมันอยู่ มีผู้รู้ ยกตัวอย่างว่า เปรียบกับสิทธิของคนไทยในเรื่องทำบัตรประชาชน หากคุณสมบัติข้อหนึ่งข้อใดใน 5-6 ข้อ ขาดไปก็ไม่สามารถทำได้ เช่น ทำบัตรเมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 17 ปี ใบสูติบัตร ทะเบียนบ้าน และสัญชาติไทย ถามว่าขาดข้อหนึ่งข้อใดสามารถทำได้หรือไม่ คำตอบคือไม่

เช่นความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร การต้องคดี และหลบหนี ได้ระบุไว้ในระเบียบการถอดถอนยศทุกประการ จำเป็นอะไรต้องไปพ่วงความผิดอื่นๆ อีก เพราะเพียงข้อเดียว ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ส่วนข้ออ้างที่ระบุว่า มีกลุ่มบุคคลที่ต้องการให้ถอดยศ และไม่ให้ถอดยศ นั้นเกรงว่าท่าน ผบ.ตร. จะออกทะเลจนกู่ไม่กลับ เพราะกฏหมาย หรือกฎระเบียบ เมื่อมีผู้ร้อง และผ่านขั้นตอนการพิจารณาจนเข้าใจตรงกัน และเชื่อได้ว่า ท่านจะเป็นปราการด่านสุดท้ายในการตัดสิน ท่านต้องทำหน้าที่

ถ้ากลัว“ทักษิณ”เกรงว่าจะเกิดปัญหา มีภาพกลั่นแกล้ง ท่านก็แนบเรื่องถอดยศนายตำรวจรายอื่นๆ ในทำนองเดียวกันเข้ามาพิจารณาแบบยกทั้งพวง จะเป็นนายร้อย นายพล นายพัน หรือนายสิบ ที่เข้าข่ายโดนถอดยศ เอามาว่าพร้อมๆ กัน ก็เป็นเรื่องที่ทำได้

ว่าไปแล้ว กรณีถอดยศอดีตนายกฯถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระวังคำพูดคำจาแสดงความไม่เหมาะสมที่เกาหลีใต้ เรื่องนี้ก็คงถูกยัดไว้ใต้พรม แต่เพราะ “ปากพาจน” คนที่เขารอจังหวะอยู่ก็รับแข้งสวนเข้าไป 

อาการของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. นอกจากเปลือยตัวตนให้สังคมไทยได้เห็นแล้ว ขอเตือนว่าหากนักเลงดีเขาศึกษากฏหมายถ่องแท้ว่าท่านเข้าข่ายมีความผิดฐานละเว้น หรือ มาตรา 157 ก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี

จากเรื่อง “บิ๊กแถ”ขอตบท้ายด้วยปฏิบัติการสนับสนุนแนวความคิดบ่อนเสรีของ“บิ๊กเถือก”

“สมยศ”เจ้าเก่าเอาอีกแล้วครับท่าน!!! ..... ตามที่บอกไว้ว่าอีกไม่เกิน 100 วัน ก็จะเกษียณอายุราชการ กลับไปเล่นหุ้นเต็มตัวซะที พล.ต.อ.สมยศ ก็ยังอุตส่าห์ชิงพื้นที่ข่าว สร้างความโด่งดัง แบบหาเรื่องถูกด่าได้ทุกวัน ท่าน ผบ.สมยศ ให้สัมภาษณ์นักข่าวสายตำรวจว่า ก่อนเกษียณอายุราชการ 1 เดือน จะตั้งโต๊ะแถลงข่าวสนับสนุนแนวคิดเปิดบ่อนเสรี ที่จุดพลุโดย 12 สปช. ให้เป็นความจริง โดยส่วนตัวจะเปิดเว็บไซต์ เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนด้วย

ท่านสมเยส...เอ๊ย...ท่านสมยศ ระบุว่า คำถามในประชามติ จะขอให้ดูประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่เคยค้านบ่อนเสรี แต่สุดท้ายผ่านไป 20 ปีก็มีบ่อนเสรีกลางประเทศ ไทยเรามียุทธศาสตร์ดีกว่าหลายประเทศรวมทั้งมาเก๊า ที่ทั้งเกาะเป็นบ่อน ไทยมีอาหารอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม สถานบันเทิงและแหล่งช็อปปิ้ง

มาตรการต่างๆ รวมทั้งการควบคุมอาชญากรรมหลังเปิดบ่อนเสรี ผบ.ตร. บอกว่า จะให้ถ่ายภาพบุคคลที่เข้าไปภายในบ่อนเพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลนักพนัน แนวคิดนี้สามารถคัดกรองบุคคล คัดสรรบุคคลที่มีฐานะการเงินเข้าไปเล่นพนันภายในบ่อนได้ ส่วนกติกาอื่นๆ ที่จะนำมาใช้อีก ก็คือบ่อนเชียงใหม่ อนุญาตให้คนภาคใต้เข้าไปเล่น บ่อนภูเก็ต อุบลราชธานี เกาะล้าน ให้คนต่างพื้นที่เข้าไปเล่น ที่สำคัญนักพนันต้องเป็นคนมีฐานะ เพื่อให้เกิดการกระจายเศรษฐกิจทั่วทุกภูมิภาค รายได้จากการเปิดบ่อน จะนำไปพัฒนาด้านการศึกษาและสังคม 

กระฉูดไปเลยสำหรับไอเดียคนเป็น ผบ.ตำรวจ

เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีทั้งคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย รวมทั้งจะต้องมีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง ชี้ข้อดี ข้อเสีย ให้ปรากฏ สำคัญที่สุดคือเมื่อมีประชาธิปไตยแบบไทยๆ ก็จงอย่าลืมสายเลือดนักพนันแบบไทยๆ เช่นกัน จะฉิบหายหรือรุ่งโรจน์ ขอให้ตระหนักในข้อนี้

อีกเหตุผลหนึ่งที่ ผบ.ทะลุกลางปล้อง ออกมาเชียร์บ่อน ถ้ามองบวกให้กับท่าน น่าจะมาจากพฤติกรรมเป็นลิงหลอกเจ้า ของบรรดาลูกน้องท่านที่เผลอไม่ได้ 8 เดือนย้ายไปเกินร้อยแล้วกระมัง เกี่ยวกับบกพร่องเรื่องเปิดบ่อน เปิดซ่อง

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้นำองค์กรที่ขึ้นชื่อเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นคนรักษากฎหมาย ท่านจะแสดงความเห็นแบบตามใจตัวเอง คิดอย่างไรว่าไปอย่างนั้น แถมยังแสดงจุดยืนเป็น “ตัวพ่อ”ออกมาสนับสนุนอย่างประเจิดประเจ้อ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้า คสช. กับพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ “บิ๊กอ๊อด”เคยประกาศว่า เจ้านายของท่านมีแค่ 2 คนนี้ ที่จะสั่งท่านได้ แถมยังทำปากเก่งว่าต้องเป็นคำสั่งถูกต้องตามกฎหมายนะ ไม่งั้นฉันไม่ทำ

วันนี้ “น้าตู่”กับ“ป๋าป้อม”น่าจะได้โอกาสเหมาะๆ ช่วยกรุณาปรามๆ ท่านสักหน่อย ช่วยสะกิดว่า อย่าเยอะ เพราะห้วงเวลาทำบุญ 100 วันก่อนเกษียณฯ นั้น หากยังไม่ถอดใจ ยังคิดจะทำงานต่อ น่าจะทำอะไรที่เป็นโล้เป็นพายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสังคมไทยได้อีกเยอะ เรื่องที่เกี่ยวกับท่านโดยตรง ไม่ว่าจะดูแลปัญหาอาชญากรรม คดีความมั่นคงต่างๆ มันเข้าที่เข้าทาง ไว้ใจได้แล้วใช่ไหม 

ปัญหาโจรผู้ร้ายชุกชุมในตอนนี้ หรือกระทั่งภัยแล้ง ที่กระหน่ำจนชาวไร่ชาวนาปลูกข้าวนาปีไม่ได้ อันนี้มันนรกเห็นๆ คนตกงาน ว่างงาน คนไม่มีกินสุดท้ายคือคดีประเภทลัก วิ่ง ชิงปล้น จะหนักข้อมากขึ้น

ที่เป็นประเด็นร้อนแรง ผู้คนสนใจอยากให้ท่านจัดการก็คือ ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านกลับทำตัวเป็น “บิ๊กแถ”อ้างว่า รอเพิ่มข้อหาทำให้ตำรวจเสื่อมเสียบ้าง อ้างว่า ต้องขอดูรายละเอียดบ้าง อ้างว่ายังไม่ได้รับเรื่องบ้าง สุดท้ายมาอ้างถึงไม่อยากตกเป็นเครื่องมือใคร

พฤติการณ์แถๆ เถือกๆ ของท่านมันทำให้ท่านเป็นตัวตลก มองมุมไหนมันก็ไม่สมเหตุสมผล นอกจากกลัว ทักษิณ-ปอดแหก หรือไม่ก็มีวาระอื่น ซึ่งลือกันหึ่งในแวดวงนักเล่นหุ้น

แต่พอเรื่องบ่อนเสรีเป็นกระแส ท่านรีบออกมาสร้างพื้นที่ข่าว ว่าถึงขนาดคนไทยมีจิตใจนักพนันอยู่ในสายเลือด... สายเลือดคุณกับสมัครพรรคพวกคุณน่ะซิ หนักข้อไปอีกก็คือ นักข่าวสายตำรวจกว่าครึ่งก็เล่นพนันฟุตบอลกัน แสดงวิสัยทัศน์ แสดงสติปัญญา ในฐานะ ผบ.ตร. คนที่ 10 อย่างเต็มที่
 
จึงเป็นเรื่องไม่แปลกใจเลย ที่สังคมซุบซิบในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำปากบุ้ยโบ้ยมาทางตึก 1 บอกเจ้านายที่นั่น ทำงานไม่เป็น มีดีแค่เป็นเศรษฐี แต่อย่างอื่นพัดลมยังส่ายหน้า


กำลังโหลดความคิดเห็น