“อนุพงษ์” เผยนายกฯ ประกาศให้บริหารจัดการขยะเป็นวาระแห่งชาติ หลังมีขยะตกค้าง 30 ล้านตัน ต้องใช้เงิน 1 พันล้านแก้ปัญหา ชง ครม.เตือนประชาชนขยะเกิดที่ไหนกำจัดที่นั่น หลังไปสร้างโรงไฟฟ้าขยะแล้วถูกต่อต้าน เผยจัดพื้นที่ทั่วประเทศแล้ว 141 แห่ง ชงพิจารณาให้ภาคเอกชนลงทุน แต่ขอศึกษา พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ก่อน อีกด้านไม่มีความเห็น 12 สปช.หนุนสร้างกาสิโนถูกกฎหมาย แต่ชี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.30 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการบริหารจัดการขยะ ว่า ที่ผ่านมาการบริหารจัดการขยะของประเทศไทยยังไม่มีแนวทางการดำเนินการจัดการที่ถูกต้องเหมาะสมและยั่งยืน วันนี้ขยะที่ตกค้างมีทั้งหมด 30 ล้านตันจะต้องใช้งบประมาณ 1 พันล้านบาทไปแก้ปัญหา และขยะใหม่ไม่อยากให้ตกค้างอีก โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำโรดแมป กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบเรื่องขยะมูลฝอยที่เกิดจากประชาชน
โดยกระทรวงมหาดไทยได้เสนอต่อที่ประชุม ครม.ว่า จะสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนทราบก่อนว่าขยะมูลฝอยเกิดในพื้นที่ใด จะต้องให้กำจัดในพื้นที่นั้น เพราะที่ผ่านมาเวลาจะไปสร้างโรงเผาขยะเพื่อนำมาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าจะถูกต่อต้าน ดังนั้น ต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ว่าหากไม่ต้องการให้เกิดโรงไฟฟ้าในพื้นที่จะต้องมีสถานที่ฝังกลบขยะ เพราะขยะเกิดจากพื้นที่ของตัวเอง ทั้งนี้มี 2 แนวทาง คือ 1. หลังจากเก็บจากบ้านคนไปแล้วหากตรงไหนมีศักยภาพ มีปริมาณขยะพอเพียงจะทำโรงเผาเพื่อผลิตป็นพลังงานไฟฟ้า และ 2. หากพื้นที่ใดขยะไม่พอเพียงจะใช้วิธีฝังกลบ ทั้งหมดจะต้องทำให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ
รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำพื้นที่กำจัดขยะไว้แล้วทั่วประเทศ 141 แห่ง โดยพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพราะมีขยะพอเพียงทำโรงไฟฟ้าได้มี 44 แห่ง ส่วนกรณีไม่พอเพียง แต่อยู่ในรัศมีใกล้กัน 4 กิโลเมตร หากคุ้มที่จะทำก็จะขนมาให้ได้เป็นจุดเดียว โดยปริมาณขยะที่ต้องการสำหรับเป็นโรงเผาเพื่อผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าจะอยู่ประมาณวันละ 500 ตัน หากต่ำกว่านั้นจะไม่คุ้มทุน ทั้งนี้ ในขั้นต่อไปจะพิจารณาว่ารัฐจะลงทุนหรือจะให้เอกชนลงทุน หรือจะมีใครมาร่วมทุน โดยจะต้องศึกษาพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ว่าจะต้องปฏิบัติตามอย่างไร หากจะต้องการจะดูตัวอย่างก็ได้มีโครงการนำร่องแล้วที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ยังกล่าวถึงกรณี 12 สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสนอให้ตั้งกาสิโนถูกกฎหมายว่า ไม่มีความเห็นในเรื่องนี้เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่มากและเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เกี่ยวข้องหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ที่สำคัญเกี่ยวข้องกับเรื่องความต้องการของประชาชนโดยรวม อีกอย่างเราเป็นเมืองพุทธ เรื่องนี้มีปัญหามาหลายสิบปีแล้วว่าคนไทยที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเป็นอย่างไร อย่ามาโยนให้กระทรวงมหาดไทยในตอนนี้