เพราะ "สัตว์เลี้ยง" ไม่ใช่แค่เพื่อนแก้เหงา แต่ความน่ารักน่าเอ็นดูของพวกเขา ยังช่วยลดภาวะตรึงเครียดในจิตใจ ทำให้วันร้ายๆ ข้ามผ่านไปได้อีกวัน feel good จึงขอพาทุกท่านไปยลโฉมเหล่าสัตว์เลี้ยงแสนซนในงาน Pet expo 2015 ที่ผ่านมา เพื่อหาคำตอบให้ได้ว่า “ตัวไหนนะ กำลังเป็นที่ฮือฮาในวงการสัตว์เลี้ยงขณะนี้” รับรองว่าทั้งแปลก ทั้งแสบ ทั้งแสนรู้ ชนิดแฟนๆ ต้องร้อง "โห!" เลยทีเดียว
โอโห! เจ้าตูบยักษ์
เริ่มต้นกันที่ตัวแรกก่อนเลย คือเจ้าสุนัขสายพันธุ์อลาสกัน มาลามิวท์ น้องหมาขนฟูนุ่มสลวยจากเเดนอาร์คติก ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ของงาน เพราะถูกคนรุมล้อมมากที่สุด แรกเห็นทีมข่าวขอสารภาพจากใจเลยว่า ด้วยขนาดไซส์มหึมา ชนิดพอๆ กับลูกม้าน่าจะได้ เลยแอบคิดไปว่า ถ้าได้มาขี่ไปทำงานสักตัวคงจะดีไม่น้อย
"อลาสกัน เป็นสุนัขพันธุ์เก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่งที่ใช้สำหรับลากเลื่อนในอาร์คติกครับ เขาจะมีลักษณะอกลึก สายตาจะแสดงความตื่นตัวตลอดเวลา เป็นสุนัขที่มีความอยากรู้อยากเห็น และเป็นมิตร กระโหลกศีรษะกว้างและแข็ง หูตั้งเป็นรูปสามเหลียม ส่วนมีขนชั้นในนั้นค่อนข้างอ่อนนุ่ม มีหลายสีด้วยกันครับ ซึ่งแต่ละสีจะคล้ายกับสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ไม่เหมือนกันตรงที่ มาร์กกิ้งบนหน้า อลาสกันจะมีลักษณะเฉพาะของเขา อ่อ น้องเป็นหมาที่ฉลาด และฝึกง่ายมากครับ” พี่ณัฐพล ศรีลา เจ้าของฟาร์มเพาะเลี้ยงสุนัขพันธุ์ Alaskan บอกกับเราก่อนจะเอามือลูบหัวน้องโซโล ลูกรักของเขา
เห็นทีจะไม่ได้มีดีแค่ความน่ารักและแสนรู้ เพราะพี่ณัฐพล เจ้าของน้องโซโลตัวนี้ บอกอีกว่า Alaskan เป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงมาก กระดูกใหญ่ ขาแข็ง เท้าทั้งสี่เหยียบได้ตรงจุดไม่พลาดเป้า มีไหล่อันทรงพลัง ลักษณะทางกายภาพจะเหมาะสมกับการลากเลื่อน ทุกย่างก้าวจะวิ่งได้อย่างมั่นคง สมดุล เหมือนไม่รู้จักเหนื่อย แต่ก็ยังไม่เหมาะสมกับการลากเลื่อนเพื่อแข่งขันด้านความเร็ว แต่จะเหมาะกับการลากเลื่อนเพื่อแข่งขันมาราธอนที่ต้องใช้ความอึดคว้าชัย
“ระวังนะครับ! เห็นนิ่งๆ แบบนี้ น้องดุอยู่นะครับ” พี่ณัฐพล รีบปรามระหว่างเล่า ทำเอาทีมข่าวที่กำลังลูบหัวน้องโซโลอย่างเอ็นดู รีบชักมือออกมาให้ไวเลยทีเดียว เพราะถึง อลาสกัน มาลามิวท์ จะเป็นสุนัขที่มีอุปนิสัยขี้อ้อน เป็นมิตร ซื่อสัตย์ จงรักภักดี รักสันโดษและต้องการความรัก แต่ก็มีความเป็นตัวของตัวเองสูง จึงอาจไม่ฟังคำสั่งได้ ถ้าเจ้าของไม่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำตามแต่กาลโอกาส เว้นเสียแต่ได้รับของรางวัล หรือสิ่งตอบแทนล่อใจ ดังนั้นผู้ที่อยากจะเลี้ยงไว้ก็จำเป็นต้องฝึกให้เขาเข้าสังคมมากพอ เพื่อทำให้พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกับสุนัขตัวอื่นโดยปกติสุข
สำหรับใครที่คิดว่าน้องหมาอลาสกัน มาลามิวท์ตัวใหญ่จะต้องดุร้าย ก้าวร้าว เหมาะกับเป็นน้องหมาอารักขา เลี้ยงไว้สำหรับเฝ้าบ้าน ป้องกันขโมย อาจจะต้องคิดใหม่นะครับ เพราะเห็นไซส์บิ๊กอย่างนี้ กลับเป็นน้องหมาที่ต้องหารความรัก ชอบทานผักอย่างฟักทอง และต้องการดูแลเอาใจใส่สูง เป็นมิตรแม้แต่คนแปลกหน้า ไม่ค่อยเห่าพร่ำเพรื่อ ชอบนอนอยู่กับเจ้าของ เอาอกเอาใจเจ้านาย แม้จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงเช่นเดียวกับไซบีเรียน ฮัสกี้ก็ตาม แต่ทว่า พวกเขาไม่ไฮเปอร์ ทำลายบ้านเรือน ไม่ทะลึ่งตึงตัง และแสบสันเท่ากับไซบีเรียนฮัสกี้นะจ๊ะ “อ่อ! เกือบลืมไปเลย ส่วนราคาน้องเบาๆ 35,000-120,000 บาท และแต่เพศ สี และลักษณะครับ”
น่ารัก - น่าชังในความสยิว
ระยะหลังๆ มานี้บ้านเรามักนิยมเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานกันมากขึ้น ไม่งู ก็สลาแมนเดอร์ ไม่สลาแมนเดอร์ ก็กิ้งก่า จึงเกิดเป็นคำถามขึ้นว่า ใจเจ้าของสัตว์เหล่านั้นคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงได้พิศวงในรูปลักษณ์ของสัตว์ที่คนเกือบครึ่งโลกต่างหวาดผวา จนได้คำตอบที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาจากที่ไหนๆ
“จริงๆ แล้วงูไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ อย่างแรกเลยอยากทำให้คนรู้ว่างูอะไรมีพิษ งูอะไรไม่มีพิษ เป็นประเด็นหลักเลย เพราะเมื่อก่อนส้มก็ไม่ได้รู้จักงูเยอะ เลยพยายามหาข้อมูลมาตอบ แต่ส่วนใหญ่ข้อมูลที่ได้มาจะเป็นลักษณะของงู สีเกล็ดเป็นยังไง มีกี่เกล็ด เกล็ดรอบตัวเท่าไร ถิ่นที่อยู่ อยู่ตามป่าแบบไหน แต่ไม่บอกว่ามีพิษหรือเปล่า ทั้งที่ควรจะบอก เพราะตรงนี้แหละที่คนอยากรู้ ถ้ามีพิษ...ก็คือทำใจ ส้มไม่ได้ห้ามว่าอย่าฆ่านะ ห้ามไม่ได้ เราไม่ได้อยู่ในสถานะเดียวกับเขา งูเห่าเข้าบ้าน กัดลูกเขาตาย กัดหมาเขาตาย ก็เข้าใจเขา แต่บางคนพอเจองูอะไรฆ่าไว้ก่อน เหมือนเขาไม่เปิดใจ ไม่สนใจ เห็นเป็นงูก็ฆ่าไว้ก่อน” คุณส้ม ธนกมล ขำวัฒนพันธุ์ พูดถึงสัตว์เลี้ยงที่เธอชอบในงาน Pet expo 2015
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เธอหลงรักสัตว์เลื้อยคลานประเภทนี้ คงจะเพราะเหตุการณ์ที่รู้สึกสงสารในคืนนั้น หลังจากมีงูเลื้อยเข้าบ้าน แล้วเธอเข้าไปนั่งจ้องงูในขณะที่ทุกคนต่างตกใจและหนีกระเจิง แล้วเพื่อนบ้านก็ถือไม้เข้ามาในบ้าน ซึ่งเธอคาดว่าเขาคงแค่เขี่ยงูออกไป แต่ปรากฏว่าเขาฟาดงูจนตาย ซึ่งเธอมารู้ภายหลังว่างูตัวนั้นคือ “งูแสงอาทิตย์” ซึ่งเป็นงูไม่พิษ ทำให้เธอเสียใจว่า หากรู้ก่อนหน้านี้อาจจะช่วยชีวิตงูตัวนั้นได้ และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เป็นแรงบันดาลใจในการที่ทำให้เธอสร้างแฟนเพจ เพื่อให้ความรู้เรื่องงู และหันมาเข้าใจงูมากขึ้น
ฟังแล้วเกิดสงสารงูขึ้นมาดื้อๆ แต่คำถามคือ ถ้าสัตว์ประเภทนี้ป่วย จะพาไปรักษาที่ไหนได้? คุณส้มบอกว่า “เริ่มต้นจากปรึกษากันในกลุ่ม คนรักงูก่อนเลยค่ะ ส่วนใหญ่คุยกันวิธีดูแลงูป่วยทำยังไง งูป่วยส่วนใหญ่ ไม่กินอาหาร อึผิดปกติ ปกติอึเป็นก้อนสีดำ แต่ออกมาเป็นเขียว หรือไม่ย่อย หรืออ้วก ตัวไหนไม่กินก็พาไปหาหมอ ถ่ายพยาธิ ถ่ายโปรโตซัว แต่โรงพยาบาลที่รักษางูก็ไม่ได้มีทุกที ต้องสอบถามกลุ่มคนเลี้ยงงูด้วยกัน ที่ไหนดี ใครเคยพาไปที่ไหน หลังพาราไดส์หรือสถานเสาวภาแต่ต้องโทรนัด ที่คลีนิคสัตว์เล็กก็มีหน่อยสัตว์พิเศษ ตอนนี้มีเยอะขึ้น เพื่อมารองรับคนเลี้ยงสัตว์แปลกเยอะ โดยเฉพาะถ้าหมอชอบงูก็หันมาศึกษาวิธีรักษา งูพวกนี้เลี้ยงง่ายกว่าหมาแมว ไม่มีเสียง ใช้พื้นที่น้อย กินอาทิตย์ละครั้ง กลุ่มสัตว์แปลกพวกงู พวกเต่านี้ตอบสนองคนที่ใช้ชีวิตบนคอนโด มีพื้นที่น้อย ส่วนราคาก็จะเริ่มต้นที่ 4,000-80,000 บาทค่ะ”
ดูเหมือนสายพันธุ์ที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในบ้านเราเห็นจะเป็น บอลไพธอน, คิงสเนค, มิลค์สเนค, คอร์นสเนค, และบัวคอนสติ๊กเตอร์ แม้จะเป็นงูที่ลักษณะคล้ายกับงูเหลือม แต่สีสันสวยงาม และความเชื่องก็ทำให้พวกเขาจัดเป็นงูที่อยู่ในจำพวกความสวยงาม เพราะเกิดจากการเพาะเลี้ยงและแพร่พันธุ์โดยมนุษย์ จึงทำให้ไม่มีนิสัยดุร้าย เป็นมิตร และมีสีสันโดดเด่นตามแต่ที่เลือกผสมพันธุ์ อีกทั้งยังไม่สามารถดำรงอยู่ได้เองตามธรรมชาติ ต้องได้รับการเลี้ยงดูจากคน ทำให้เหล่าบรรดาคนรักสัตว์แปลก ฮือฮาอยากเลี้ยงกันไม่น้อย
น่ารักขนปุยแบบนี้ ใครจะอดใจไหว
หลังเดินเตร่ในงาน Pet Expo มาสักระยะ จู่ๆ ทีมข่าวก็ดันไปสะดุดใจกับมุมๆ หนึ่งที่มีสาวๆ รุมล้อมมากเป็นพิเศษ และที่นั่นเองที่ทำให้เราได้พบกับ English Angora หรือกระต่ายยักษ์หนัก 4 กิโลกรัม ที่ขนฟูที่สุดในโลก ซึ่งกระต่ายพันธุ์นี้จุดเด่นที่ขนเนียนและอ่อนนุ่ม ละเอียดกว่าขนสัตว์ชนิดอื่น ๆ ในต่างประเทศจึงนิยมนำขนที่ผลัดแล้วของเจ้าแรบบิทน้อยนี้ไปทำกระเป๋า และเสื้อผ้า
“กระต่ายแองโกร่า มีนิสัยรักสงบและเชื่องค่ะ แต่ควรอุ้มด้วยความระมัดระวัง ส่วนการตัดแต่งขนเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับกระต่ายพันธุ์นี้มากๆ นะ เพื่อป้องกันไม่ให้ขนของน้องไปเข้าปาก และจมูกในขณะที่เขากำลังกินอาหาร ทำให้มีโอกาสที่จะตกค้างอยู่ภายในลำไส้ มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกี่ยวกับลำไส้ คนเลี้ยงจึงต้องตัดขนทุก ๆ 3 หรือ 4 เดือน ตลอดปีค่ะ ส่วนการให้อาหารก็เหมือนกระต่ายทั่วไปเลย คือ มีหญ้าแห้งอยู่ตลอดเวลา ไฟเบอร์จากหญ้าแห้งจะช่วยให้ระบบขับถ่ายน้องดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกระต่ายที่มีขนที่ยาวแบบแองโกร่า อาหารเม็ดก็ให้ได้นะคะ แต่ควรหาที่มีไฟเบอร์ไม่ต่ำกว่า 13% แล้วก็ต้องให้น้ำตลอดเวลาเพื่อช่วยในการขับถ่ายควบคู่กันค่ะ” ผู้ดูแลประจำบูธน้องกระต่ายขนปุย ให้รายละเอียดกับทีมข่าว
ถัดมาอีกไม่ไกล มาดูความน่ารักน่าชังของสัตว์เลี้ยงจากดินแดนทะเลทรายบ้างดีกว่า นั่นก็คือ เฟนเน็คฟ็อกซ์ หรือจิ้งจอกทะเลทราย
“น้องมีลักษณะพิเศษเรื่องการฟัง ถ้าเป็นเสียงสื่อสารของพวกเขากันเอง สามารถได้ยินกันไกลถึง 4-5 กิโลเมตร เขาจะมีเสียงความถี่ของเขา ซึ่งบางทีคนเราไม่ได้ยิน แต่ถ้าเทียบกับเสียงแมลงเดินอยู่ห่างกันประมาณ 10-20 เมตรก็ได้ยินแล้ว เขาสามารถรู้ได้ว่าบริเวณนั้นมีแมลงอยู่กี่ตัว และจะไปหาอาหารได้ที่ไหน” สีหน้าตื่นเต้น และความสุขของเด็กๆ หลายๆ คน เผยขึ้นทันทีที่ผู้ดูแลจิ้งจอกทะเลทรายบรรยายลักษณะพิเศษ
ส่วนวิธีการหาอาหาร เฟนเน็คฟ็อกซ์ จะมีความว่องไวมาก เหมือนพังพอน สามารถจับแมลงได้อย่างรวดเร็ว สามารถกินงูหางกระดิ่งได้ หรือกินแมงป่องที่มีพิษได้เพราะเคลื่อนไหวเร็วกว่า เขามักจะตะปบจนเหล็กในหลุดหรือหักก่อนแล้วถึงจะกิน บางทีก็อาจจะกินลูกหนูขนาดเล็ก หรือไข่นกที่วางอยู่ตามพื้น ส่วนเรื่องน้ำอาจจะยากตรงที่ เฟนเน็คฟ็อกซ์ ชอบดื่มน้ำจากพืชเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพืชตระกูลตะบองเพชร
เห็นเลี้ยงยากๆ และราคาสูงถึง 85,000 - 120,000 แบบนี้ ก็ใช่จะไม่มีความโดดเด่นเลยเสียทีเดียว เพราะสาเหตุที่พวกเขาได้รับความนิยมกว่าสุนัขจิ้งจอกชนิดอื่นๆ มาจากการเป็นสุนัขจิ้งจอกที่ไม่ล่าเหยื่อ กินเพียงแมลงตัวเล็กๆ กินพืช ผัก ผลไม้ จึงไม่มีสัญชาตญาณของความก้าวร้าว ไม่มีทางทำร้ายเจ้าของ เพราะฉะนั้นจึงไว้ใจได้ว่าค่อนข้างเป็นมิตร และซุกซนแก้เครียดได้ดีที่สุด
เป็นอย่างไรกันบ้างครับแฟนๆ กับเหล่าสัตว์เลี้ยงยอดฮิตของ พ.ศ. นี้ ที่ Feel Good นำมาให้ชมกัน หวังว่าคงถูกใจกันไม่น้อยเลยนะ อ่อ! แล้วก็อย่าลืมนะครับ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีประโยชน์ทั้งทางด้านจิตใจ ทำให้ผู้เลี้ยงอ่อนโยน เมตตา หรือด้านร่างกาย ทำให้เราแข็งแรง เพราะได้พาเค้าออกไปวิ่งเล่น แต่ถ้าคิดแค่จะเลี้ยงแค่ความสวยงาม หรือขาดปัจจัยด้านอื่นๆ ก็อย่านำเค้ามาทรมานเลย เพราะเมื่อไหร่ที่คุณเบื่อ หรือเค้าหมดความน่ารัก ก็อาจถูกคุณทิ้ง จนตกเป็นภาระของสังคมต่อไปอย่างน่าสงสาร