xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

งวดแรก...หวยรัฐ 80 บาท ฝันที่เป็นจริงของ “ลุงตู่” กับหนังชีวิตของ “ผู้ค้าปลีก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -วันที่ 16 มิถุนายน 2558 นี้คือวันแรกที่ “สลากกินแบ่งรัฐบาล” จะต้องขายในราคาคู่ละ 80 บาททั่วประเทศตามประกาศิตของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งส่ง “บิ๊กแดง-พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” รองแม่ทัพภาคที่ 1 เข้ามานั่งเป็นประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

กระนั้นก็ดี ดูเหมือนว่า ระหว่างทางเดินก่อนที่จะไปถึงวันที่ 16 มิถุนายน 25588 มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่มีอุปสรรคและปัญหาให้ตามล้างตามเช็ดมากกว่า จนเกิดคำถามว่า แล้วเมื่อถึงฤกษ์งามยามดีที่กำหนดไว้จริงๆ จะสามารถทำได้เช่นนั้นจริงหรือ และถ้าทำได้จริงจะยั่งยืนยาวนานสักแค่ไหน

เพราะเพียงแค่ วันที่ 3 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นวันแรกของการจำหน่ายสลากก็เกิดปัญหาตามมาสารพัดสารพัน โดยเฉพาะ “ผู้ค้าปลีกที่ไม่มีโควตา” ซึ่งได้เดินทางมาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ “ศูนย์การค้าสลากไทย สนามบินน้ำ” เพื่อนำไปจำหน่ายต่ออีกทอด และพบว่า ราคาที่พวกเขาต้องซื้อนั้นมิได้เป็นไปตามที่คาดหวัง เนื่องจากไม่สามารถซื้อจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้โดยตรง หากแต่ต้องซื้อต่อจาก “ยี่ปั๊ว” อีกทอด ทำให้ได้ราคาที่ค่อนข้างสูง

กล่าวคือต้องซื้อที่ราคาอยู่ที่ประมาณ 72 -74 บาท/ฉบับ แต่ถ้าเลขสวยหรือเลขรวมชุดจะอยู่ที่ 77 บาท/ฉบับ ซึ่งนั่นหมายความว่า กำไรที่พวกเขาได้รับย่อมหดหายตามไปด้วย

ทั้งนี้ บรรยากาศการซื้อขายที่ศูนย์การค้าสลากไทย สนามบินน้ำเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมาค่อนข้างวุ่นวาย เนื่องจากผู้ค้าที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด บางส่วนต้องการซื้อสลากโดยตรงราคา 70.40 บาท/ฉบับ แต่เมื่อมาติดต่อสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ปรากฏว่าไม่สามารถซื้อได้ จึงจำเป็นต้องซื้อจากยี่ปั๊ว ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งราคาสูง ทำให้กำไรต่อใบน้อย เพราะถูกกฎหมายบังคับขายไม่เกิน 80 บาท/ฉบับ

แม่ค้ารายหนึ่งให้ข้อมูลว่าว่าขายส่ง 76 บาท ได้กำไรไม่มากแต่ก็ต้องขาย เพราะถ้าแพงกว่านี้คนซื้อไปขายต่อไม่ได้

ด้านผู้ค้าสลากซึ่งเดินทางมารับสลาก 5 เล่ม จำนวน 500 ใบ ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้ข้อมูลว่า ตนเองขายลอตเตอรี่ในย่านโชคชัย 4 ลาดพร้าว มา 3 ปี เคยได้โควตา 2 เล่ม ตอนนี้ได้เพิ่มเป็น 5 เล่ม 500 ใบ ในราคาใบละไม่ถึง 70 บาทจากเมื่อก่อนต้องซื้อราคาสูงถึงใบละ 95 บาท แต่ราคาแพงแค่ไหนคนก็ซื้อเกลี้ยงทุกงวด ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกที่หวยยิ่งแพงยิ่งขายดี ตรงกันข้ามกับตอนนี้ลดลงมาขาย 80 บาท คนซื้อได้หวยถูกลงแต่คนขายกำไรลดลงด้วย เพราะเอาหวยมารวมชุดขายในราคาสูงขึ้นเหมือนเดิมไม่ได้ จึงยังไม่แน่ใจว่ายอดขายงวดนี้จะเป็นยังไง กลัวคนจะยังสับสนแล้วทำให้การขายซบเซา

เช่นเดียวกับที่ “จังหวัดเลย” ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่มีผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลค่อนข้างมาก ก็ประสบปัญหาเช่นกัน

กล่าวคือเช้าวันที่ 3 มิถุนายนที่หอประชุมอำเภอเมือง จ.เลย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วยจังหวัดเลยและจังหวัดทหารบกเลย ร่วมกันแก้ปัญหาผู้ค้าสลากรายย่อย ซึ่งถือเป็นจังหวัดนำร่องของกองสลากในการแก้ปัญหาผู้ค้าสลากเร่หรือผู้ค้ารายย่อย โดยนัดให้ผู้ค้าสลากมาขึ้นทะเบียน แต่ได้รับการจัดสรรรายชื่อก่อนเพียง 2,000 คน ขณะที่ผู้ค้าจากทุกอำเภอมาลงทะเบียนจำนวนมาก ทำให้ต่างผิดหวังไปตามกัน

พ.อ.อำนวย จุลโนนยาง รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเลย กล่าวว่า จังหวัดเลยได้รับการจัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาล 10,000 เล่ม ขณะที่ทางจังหวัดเสนอขอไป 73,000 เล่ม จำนวนผู้ค้า 14,745 คนตามที่เคยขึ้นรายชื่อไว้ แต่เมื่อได้รับการจัดสรรมา 10,000 เล่ม ทางจังหวัดจึงต้องมีการคัดกรองให้เหลือ 2,000 คน เพื่อจะให้ได้สลากไปจำหน่ายคนละ 5 เล่ม และต้องชำระเงินคนละ 35,200 บาท โดยผ่านเครือข่ายหรือกลุ่มที่เคยมาลงชื่อ

ทั้งนี้ การจัดสรรสลากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กองสลากกำหนด โดยทางจังหวัดได้จัดสรรให้แก่พี่น้องประชาชนผู้ค้ารายย่อยทั้ง 14 อำเภอให้แล้วเสร็จและโอนเงินให้กองสลากภายในวันที่ 4 มิถุนายน หลังจากนั้นจะมีการจัดสรรสลาก 10,000 เล่มให้แก่ผู้ค้ารายย่อยที่ได้รับการจัดสรรและจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พ.อ.อำนวยกล่าวว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ จำนวนสลากที่ได้รับการจัดสรรมามีไม่เพียงพอ เนื่องจากความต้องการจริงของผู้ค้าที่แจ้งความประสงค์ไว้อยู่ที่ 14,745 คน แต่สามารถจัดสรรให้ได้เพียง 2,000 คน

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า บอร์ดสลากมีความมั่นใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ราคาสลาก ที่เริ่มจำหน่ายวันที่ 3 มิถุนายนเป็นวันแรก โดยจะตรวจรางวัลในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ จะขายปลีกไม่เกินคู่ละ 80 บาท ภายหลังจากที่บอร์ดสลากฯ ได้แก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของการเพิ่มส่วนลดหรือกำไรให้แก่ผู้ค้าสลากรายย่อย จากคู่ละ 5.60 บาท เป็น 9.60 บาท จากราคาขายปลีกไม่เกิน 80 บาท และการเกลี่ยโควตาใหม่ให้แก่ผู้ค้าสลากที่แต่เดิมได้รับไม่เท่ากัน จะได้รับโควตาคนละ 5 เล่มใหญ่ หรือ 500 คู่เท่ากันหมด

นอกจากนี้ บอร์ดสลากฯ ยังตั้งชุดเฉพาะกิจจำนวน 10 ชุด ชุดละ 10 คน ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ เริ่มทำงานและเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ค้าสลากฯมาเป็นระยะเวลา 1 เดือนแล้ว เพื่อเข้าไปตรวจสอบราคาขายปลีกสลากตามท้องตลาดทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด โดยมี พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจ นครบาลและยังเป็นบอร์ดสลากเป็นผู้กำกับดูแล โดยชุดเฉพาะกิจดังกล่าว จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานสลากฯ กรมสรรพากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงมหาดไทย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยและหน่ายงานที่เกี่ยวข้อง จัดระเบียบและบังคับใช้กฎหมายเพื่อไม่ให้สลากขายเกินกว่าคู่ละ 80 บาท พร้อมทั้งได้ทำหนังสือถึง พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อขอความร่วมมือในการกำกับดูแลและส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลของผู้ค้าสลากทั่วประเทศอีกด้วย

“บทลงโทษที่รุนแรงในการจำหน่ายสลากเกินราคาคือ ปรับเป็นเงิน 10,000 บาท และจำคุก 1 เดือน หรือทั้งจำ ทั้งปรับ จะใช้กับผู้ค้าสลากรายย่อยที่ไม่มีโควตา แต่ในกรณีที่ผู้ค้าสลากรายย่อยที่มีโควตาอยู่กับสำนักงานสลากฯ แต่ขายปลีกเกินกว่าคู่ละ 80 บาท ก็จะถูกลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น โดยทางบอร์ดสลากฯ จะตัดโควตาทันที ส่วนกรณีที่เป็นผู้ค้าสลากรายใหญ่ เช่น บริษัทนิติบุคคล หากขายปลีกเกินราคาก็จะถูกตรวจสอบในลักษณะของการย้อนรอยจากจุดที่ขายปลีกเกินราคาเพื่อสาวให้ถึงตัวการใหญ่เพื่อตรวจสอบย้อนหลังในเรื่องแหล่งที่มาของรายได้ หากไม่สามารถชี้แจงได้ก็จะถูกยึดทรัพย์ตามมาตรา 44 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศไว้”

นายธนวรรธน์อธิบายถึงการดำเนินงานของบอร์ดสลากนับจากนี้ว่าวางแผนปฏิบัติการ (Road Map) ใน 3 ระยะได้แก่ 1.การจัดระเบียบและบังคับใช้กฎหมายจะใช้เวลาในการปฏิบัติงาน 3 เดือน 2.การปรับแผนและกำหนดทิศทางการจำหน่ายสลาก คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 6 เดือน หลังจากนั้น จะเข้าสู่ระยะที่ 3 คือการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน โดยจะใช้เวลาอีก 6 เดือน รวมแล้ว 1 ปี เพื่อให้ราคาขายปลีกสลากไม่เกินคู่ละ 80 บาทไม่ว่าในอนาคตจะมี คสช.หรือไม่มี คสช.

“แต่ในระยะแรกคือ 3 เดือนนับจากนี้ไปราคาสลากที่จำหน่ายในท้องตลาดต้องไม่เกินคู่ละ 80 บาท ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นระดับราคาที่บอร์ดสลากพอใจ แต่หากจะให้ดีที่สุดเราก็มีความหวังไว้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์” โฆษกบอร์ดสลาก กล่าว พร้อมยืนยันกำไรที่ผู้ค้าสลากได้รับคู่ละ 9.60 บาท จากยอดขายสลาก 5 เล่มใหญ่ หรือ 500 คู่ หรืองวดละ 4,800 บาท หรือเดือนละ 9,600 บาทถือว่าเพียงพอต่อการดำรงชีพของผู้ค้าสลากรายย่อยเนื่องจากการขายสลากมีระยะเวลาในการขายงวดละ 5-7 วัน หรือเดือนละ 10 วันไม่เกิน 14 วัน ไม่ได้เป็นการทำงานเต็มเดือนแบบคนทั่วไป จึงถือว่าอาชีพขายสลากหรือลอตเตอรี่เป็นอาชีพเสริมไม่ใช่อาชีพหลักที่จะมาคาดหวังว่า มีกำไรมากๆ ถึงเดือนละ 20,000-30,000 บาท เหมือนในอดีตที่ผ่านมา”

นายธนวรรธน์บอกด้วยว่า สำหรับสลากที่หมดอายุโควตาในเดือน ก.ค.2558 อีกประมาณ 22 ล้านฉบับ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นโควตาของรายใหญ่ทั้งบริษัทนิติบุคคลและองค์กรมูลนิธิ คาดว่าจะมีการพิจารณา จากบอร์ดภายในเดือน มิ.ย.นี้ ส่วนจะมีการต่อสัญญาให้แก่รายเดิมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบอร์ด โดยในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา บอร์ดเพิ่งต่ออายุโควตาสลากให้แก่ผู้ค้าสลากรายย่อยรายเดิมคนละ 5 เล่มใหม่ จำนวน 48 ล้านฉบับ มีอายุสัญญา 6 เดือน

เห็นมาตรการและความเข้มข้นที่ประกาศใช้แล้ว เชื่อได้ว่า บรรดาคอหวยทั่วประเทศคงจะมีความสุขกันถ้วนหน้าเพราะสามารถซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาคู่ละ 80 บาทได้อย่างแน่นอน ส่วนผู้ที่ทุกข์และจำเป็นต้องแก้ไขกันต่อไปคือผู้ค้าสลากรายย่อยซึ่งเห็นได้ชัดว่า มีปัญหาในเรื่องการรับสลากมาจำหน่ายรวมทั้งรายได้ที่จะหดหายไป


กำลังโหลดความคิดเห็น