ASTVผู้จัดการรายวัน-สาธารณสุขเผย โรคเมอร์ส-โควีแพร่ระบาดมาแถบเอเชียมากขึ้น พบผู้ป่วยในจีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ มาเลเซียแล้ว แต่ยังไม่พบในไทย สั่งสกัดเข้ม คัดกรองผู้ป่วยที่มาจากแถบตะวันออกกลางและประเทศที่ระบาด พร้อมประสานสถานทูตซาอุดิอาระเบียงดออกวีซ่าให้กับผู้ที่จะไปทำพิธีฮัจญ์ อุมเราะห์ หากไม่มีหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนไปแสดง ด้านเกาหลีใต้เผยตายแล้ว 3ราย และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น36 ราย นักท่องเที่ยวต่างชาติผวายกเลิกทัวร์
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกจังหวัด ว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2012 หรือเมอร์ส-โควี ในประเทศเกาหลีใต้มีแล้ว 25 ราย ยังไม่มีมาตรการจำกัดการเดินทาง แต่เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด จึงขอให้ทุก รพ. จัดระบบฟาสแทรกตรวจคัดกรองผู้ป่วยใน รพ. ที่มีอาการปอดบวมรุนแรง ป่วยเป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศแถบตะวันออกกลาง หรือประเทศที่มีการระบาด รวมทั้งตรวจสอบความพร้อมใช้งานของห้องแยกโรคความดันเป็นลบใน รพ. และสร้างเครือข่ายการส่งต่อผู้ป่วย ติดป้ายประกาศในแผนกผู้ป่วยนอก เพื่อเตือนให้ผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคแล้วมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หรือมีน้ำมูกไหลให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ประสานและซักซ้อมการทำงานของทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว และขอให้ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
ส่วนการเฝ้าระวังและคัดกรองผู้เดินทาง ขอให้ สสจ. ที่มีด่านเข้าออกระหว่างประเทศ แจ้งเตือนผู้ที่มีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจและมีประวัติเดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อส่งตัวไปตรวจหาโรคอย่างละเอียดที่ รพ. ซึ่งขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศสามารถตรวจหาเชื้อไวรัสดังกล่าวได้ภายใน 5-8 ชั่วโมง ดังนั้น เชื่อว่าประเทศไทยจะสามารถป้องกันโรคดังกล่าวได้ หรือหากมีผู้ป่วยเข้ามาก็จะสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของโรคได้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกรายงานผู้ป่วยเมอร์ส-โควี ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบันมีประมาณ 1,100 คน เสียชีวิต 400 คน อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 30-40 ล่าสุด ปี 2558 พบผู้ติดเชื้อใน 10 ประเทศ ขณะนี้มีแนวโน้มการระบาดของโรคมายังประเทศแถบเอเชียมากขึ้น โดยพบที่ประเทศเกาหลีใต้ จีน เกาะฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ยังไม่พบผู้ป่วยในไทย แต่ถือว่ามีความเสี่ยงที่โรคจะเข้ามาในประเทศเช่นเดียวกัน เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางการเดินทางในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีทั้งผู้ที่เดินทางมาจาการประเทศตะวันออกกลางโดยตรง และประชาชนของประเทศอื่นๆ ซึ่งมาตรการที่สนามบินยังคงมีการตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาอยู่แล้ว จึงสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่สิ่งสำคัญคือการตรวจคัดกรองและป้องกันการระบาดในรพ.ถือว่าเป็นมาตรการที่ดีที่สุด
“องค์การอนามัยโลกยังไม่มีคำแนะนำจำกัดการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด แต่มีคำแนะนำสำหรับผู้จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ อุมเราะห์ ซึ่งไทยมีมาตรการดูแล ก่อนไปต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ไข้กาฬหลังแอ่น ก่อนเดินทาง 2 สัปดาห์ ส่วนหลังกลับ ก็มีการติดตามต่อเนื่อง"
ทั้งนี้ ล่าสุดได้ประสานไปยังสำนักจุฬาราชมนตรี และบริษัททัวร์ เพื่อขอรายชื่อและข้อมูลของผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในเร็วๆ นี้แล้ว และยังได้ประสานไปยังสถานทูตซาอุดิอาระเบีย ไม่ให้ออกวีซ่าให้กับผู้ที่ไม่มีใบรับรองการฉีดวัคซีนจากกระทรวง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ ขอให้หลีกเลี่ยงการไปยังเมืองแดจอน อย่าคลุกคลีกับผู้ป่วย ส่วนที่ไปยังตะวันออกกลาง ห้ามไปที่ฟาร์มเลี้ยงอูฐ ห้ามดื่มน้ำนมอูฐดิบ และขอให้ล้างมือบ่อยๆ
ด้านเอเจนซีส์ รายงานข่าวว่า ในเกาหลีใต้ ได้พบผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวแล้ว 3 ราย และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 36 ราย ทำให้ประชาชนผวาหนัก สถาบันการศึกษากว่า 1,100 แห่งต้องปิดทำการ
ขณะที่องค์การท่องเที่ยวเกาหลี แจ้งว่า มีนักท่องเที่ยวราว 7,000 คน ส่วนใหญ่จากจีนและไต้หวัน ยกเลิกแผนการเดินทางสู่เกาหลีใต้ โดยให้เหตุผลสำคัญ คือ กังวลกับการระบาดของเมอร์ส
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกจังหวัด ว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2012 หรือเมอร์ส-โควี ในประเทศเกาหลีใต้มีแล้ว 25 ราย ยังไม่มีมาตรการจำกัดการเดินทาง แต่เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด จึงขอให้ทุก รพ. จัดระบบฟาสแทรกตรวจคัดกรองผู้ป่วยใน รพ. ที่มีอาการปอดบวมรุนแรง ป่วยเป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศแถบตะวันออกกลาง หรือประเทศที่มีการระบาด รวมทั้งตรวจสอบความพร้อมใช้งานของห้องแยกโรคความดันเป็นลบใน รพ. และสร้างเครือข่ายการส่งต่อผู้ป่วย ติดป้ายประกาศในแผนกผู้ป่วยนอก เพื่อเตือนให้ผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคแล้วมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หรือมีน้ำมูกไหลให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ประสานและซักซ้อมการทำงานของทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว และขอให้ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
ส่วนการเฝ้าระวังและคัดกรองผู้เดินทาง ขอให้ สสจ. ที่มีด่านเข้าออกระหว่างประเทศ แจ้งเตือนผู้ที่มีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจและมีประวัติเดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อส่งตัวไปตรวจหาโรคอย่างละเอียดที่ รพ. ซึ่งขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศสามารถตรวจหาเชื้อไวรัสดังกล่าวได้ภายใน 5-8 ชั่วโมง ดังนั้น เชื่อว่าประเทศไทยจะสามารถป้องกันโรคดังกล่าวได้ หรือหากมีผู้ป่วยเข้ามาก็จะสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของโรคได้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกรายงานผู้ป่วยเมอร์ส-โควี ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบันมีประมาณ 1,100 คน เสียชีวิต 400 คน อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 30-40 ล่าสุด ปี 2558 พบผู้ติดเชื้อใน 10 ประเทศ ขณะนี้มีแนวโน้มการระบาดของโรคมายังประเทศแถบเอเชียมากขึ้น โดยพบที่ประเทศเกาหลีใต้ จีน เกาะฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ยังไม่พบผู้ป่วยในไทย แต่ถือว่ามีความเสี่ยงที่โรคจะเข้ามาในประเทศเช่นเดียวกัน เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางการเดินทางในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีทั้งผู้ที่เดินทางมาจาการประเทศตะวันออกกลางโดยตรง และประชาชนของประเทศอื่นๆ ซึ่งมาตรการที่สนามบินยังคงมีการตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาอยู่แล้ว จึงสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่สิ่งสำคัญคือการตรวจคัดกรองและป้องกันการระบาดในรพ.ถือว่าเป็นมาตรการที่ดีที่สุด
“องค์การอนามัยโลกยังไม่มีคำแนะนำจำกัดการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด แต่มีคำแนะนำสำหรับผู้จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ อุมเราะห์ ซึ่งไทยมีมาตรการดูแล ก่อนไปต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ไข้กาฬหลังแอ่น ก่อนเดินทาง 2 สัปดาห์ ส่วนหลังกลับ ก็มีการติดตามต่อเนื่อง"
ทั้งนี้ ล่าสุดได้ประสานไปยังสำนักจุฬาราชมนตรี และบริษัททัวร์ เพื่อขอรายชื่อและข้อมูลของผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในเร็วๆ นี้แล้ว และยังได้ประสานไปยังสถานทูตซาอุดิอาระเบีย ไม่ให้ออกวีซ่าให้กับผู้ที่ไม่มีใบรับรองการฉีดวัคซีนจากกระทรวง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ ขอให้หลีกเลี่ยงการไปยังเมืองแดจอน อย่าคลุกคลีกับผู้ป่วย ส่วนที่ไปยังตะวันออกกลาง ห้ามไปที่ฟาร์มเลี้ยงอูฐ ห้ามดื่มน้ำนมอูฐดิบ และขอให้ล้างมือบ่อยๆ
ด้านเอเจนซีส์ รายงานข่าวว่า ในเกาหลีใต้ ได้พบผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวแล้ว 3 ราย และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 36 ราย ทำให้ประชาชนผวาหนัก สถาบันการศึกษากว่า 1,100 แห่งต้องปิดทำการ
ขณะที่องค์การท่องเที่ยวเกาหลี แจ้งว่า มีนักท่องเที่ยวราว 7,000 คน ส่วนใหญ่จากจีนและไต้หวัน ยกเลิกแผนการเดินทางสู่เกาหลีใต้ โดยให้เหตุผลสำคัญ คือ กังวลกับการระบาดของเมอร์ส