สธ. ชี้ เกาหลีใต้ - จีน กักตัวผู้สัมผัสโรคเมิร์ส - โควี จากผู้ป่วยรายแรกของเกาหลีใต้แล้ว โอกาสแพร่ระบาดถึงไทยน้อย ระบุตั้งแต่เฝ้าระวังเมื่อปี 2555 ยังไม่พบผู้ป่วย สั่งเข้มเฝ้าระวังคนมาจากประเทศระบาด พร้อมผู้เดินทางกลับจากพิธีฮัจญ์
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีเกาหลีใต้พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2012 หรือเมิร์ส - โควี 3 รายแรก เป็นชาย อายุ 68 ปี หลังมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศแถบตะวันออกกลาง ภรรยาของชายรายแรกอายุ 76 ปี ติดจากการดูแลสามีขณะป่วย และผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลร่วมห้องกับผู้ป่วยรายแรก และกำลังมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังมีสื่อรายงานจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นไปถึง 10 ราย โดยมีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วยรายแรก บางรายมีการเดินทางต่อไปยังประเทศจีน ว่า ไทยเฝ้าระวังโรคดังกล่าวตั้งแต่ปี 2555 ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยในประเทศ แต่ยังคงมาตรการอย่างต่อเนื่อง คือ 1. ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และโรงพยาบาลทุกแห่ง เฝ้าระวังผู้ป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลาง หรือเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศที่พบผู้ป่วย ขอให้จัดไว้อยู่ในข่ายสงสัย และปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในสถานพยาบาลระดับสูงสุด
นพ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า 2. ให้กรมควบคุมโรค (คร.) วางแผนดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปร่วมพิธีฮัจญ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประจำปี 2558 จำนวน 10,400 คน ซึ่งจะเริ่มเดินทางช่วงกลาง ส.ค. นี้ โดยให้ สสจ. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และไข้กาฬหลังแอ่นตามที่ สธ. ซาอุดีอาระเบียกำหนด จัดระบบติดตามหลังเดินทางกลับ และ 3. จัดทำคำแนะนำในการดูแลสุขภาพและป้องกันโรคแก่ประชาชนทั่วไปที่จะเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร. กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกรายงานสถานการณ์โรคเมอร์ส - โควี ใน พ.ค. 2558 มีผู้ป่วย 29 ราย เสียชีวิต 4 ราย ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ อิหร่าน และ เกาหลีใต้ โดยผู้ป่วย 3 รายล่าสุด พบที่เกาหลีใต้ ทำให้ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2555 อยู่ที่ 1,139 ราย ใน 24 ประเทศ เสียชีวิต 431 ราย อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกยังไม่มีข้อห้ามในการเดินทางไปยังประเทศที่พบผู้ป่วย สำหรับเกาหลีใต้ ยังคงเป็นการระบาดเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วยรายแรก ซึ่งทั้งเกาหลีใต้และจีนที่พบผู้เดินทางเป็นผู้สัมผัสโรค ได้มีมาตรการเข้มงวดโดยการกักกันผู้สัมผัสโรค ดังนั้น โอกาสที่จะมาสู่ประเทศไทยยังมีน้อย อย่างไรก็ตาม คนไทยยังคงมีความเสี่ยงจากผู้เดินทางไปมาระหว่างประเทศที่มีการระบาด ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนที่มีแผนการเดินทางไปประเทศตะวันออกกลาง ปฏิบัติตามคำแนะนำของ สธ. ยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ หลังสัมผัสสิ่งสาธารณะ และหลีกเลี่ยงการเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์โดยเฉพาะอูฐ และหลีกเลี่ยงดื่มนมอูฐดิบ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีเกาหลีใต้พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2012 หรือเมิร์ส - โควี 3 รายแรก เป็นชาย อายุ 68 ปี หลังมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศแถบตะวันออกกลาง ภรรยาของชายรายแรกอายุ 76 ปี ติดจากการดูแลสามีขณะป่วย และผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลร่วมห้องกับผู้ป่วยรายแรก และกำลังมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังมีสื่อรายงานจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นไปถึง 10 ราย โดยมีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วยรายแรก บางรายมีการเดินทางต่อไปยังประเทศจีน ว่า ไทยเฝ้าระวังโรคดังกล่าวตั้งแต่ปี 2555 ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยในประเทศ แต่ยังคงมาตรการอย่างต่อเนื่อง คือ 1. ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และโรงพยาบาลทุกแห่ง เฝ้าระวังผู้ป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลาง หรือเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศที่พบผู้ป่วย ขอให้จัดไว้อยู่ในข่ายสงสัย และปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในสถานพยาบาลระดับสูงสุด
นพ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า 2. ให้กรมควบคุมโรค (คร.) วางแผนดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปร่วมพิธีฮัจญ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประจำปี 2558 จำนวน 10,400 คน ซึ่งจะเริ่มเดินทางช่วงกลาง ส.ค. นี้ โดยให้ สสจ. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และไข้กาฬหลังแอ่นตามที่ สธ. ซาอุดีอาระเบียกำหนด จัดระบบติดตามหลังเดินทางกลับ และ 3. จัดทำคำแนะนำในการดูแลสุขภาพและป้องกันโรคแก่ประชาชนทั่วไปที่จะเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร. กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกรายงานสถานการณ์โรคเมอร์ส - โควี ใน พ.ค. 2558 มีผู้ป่วย 29 ราย เสียชีวิต 4 ราย ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ อิหร่าน และ เกาหลีใต้ โดยผู้ป่วย 3 รายล่าสุด พบที่เกาหลีใต้ ทำให้ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2555 อยู่ที่ 1,139 ราย ใน 24 ประเทศ เสียชีวิต 431 ราย อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกยังไม่มีข้อห้ามในการเดินทางไปยังประเทศที่พบผู้ป่วย สำหรับเกาหลีใต้ ยังคงเป็นการระบาดเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วยรายแรก ซึ่งทั้งเกาหลีใต้และจีนที่พบผู้เดินทางเป็นผู้สัมผัสโรค ได้มีมาตรการเข้มงวดโดยการกักกันผู้สัมผัสโรค ดังนั้น โอกาสที่จะมาสู่ประเทศไทยยังมีน้อย อย่างไรก็ตาม คนไทยยังคงมีความเสี่ยงจากผู้เดินทางไปมาระหว่างประเทศที่มีการระบาด ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนที่มีแผนการเดินทางไปประเทศตะวันออกกลาง ปฏิบัติตามคำแนะนำของ สธ. ยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ หลังสัมผัสสิ่งสาธารณะ และหลีกเลี่ยงการเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์โดยเฉพาะอูฐ และหลีกเลี่ยงดื่มนมอูฐดิบ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
