xs
xsm
sm
md
lg

ออกหมายจับ"ดาโต๊ะ"บิ๊กยูฟัน "เกย์นที"มีเอี่ยว-จ่อมอบตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจออกหมายจับ “นีโอ ออง” ดาโต๊ะมาเลเซีย หลังพบเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูฟัน พบเข้าออกไทย 26 ครั้งในรอบ 1 ปี ส่วน "ออย ชูฮวด"แม่ข่ายอีกคน เป็นคนมาเลย์ แต่แอบสวมชื่อเป็นคนไทย พร้อมประสานเอฟบีไอยกระดับเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ ด้านตรวจคนเข้าเมืองหนองคายรวบนักศึกษาเครือข่ายยูฟันตามหมายจับ ขณะขอออกนอกประเทศ เผย "เกย์ นที" เจ้าของคำพูด "ถ้ายูฟันผิดให้มาจับผมเลย" เจอหมายจับเป็นลำดับที่ 39 ด้านเจ้าตัวเตรียมเข้ามอบตัววันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (3 มิ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.ท.ปองพล เอี่ยมวิจารณ์ รอง ผกก.ฝ่ายกิจการการฝึก อบรมวิทยาลัยตำรวจ และนายเฟาซี คาล อิสมาอิล อัครทูตที่ปรึกษาประเทศมาเลเซีย ประจำประเทศไทย ร่วมกันเปิดเผยหมายจับกลุ่มเครือข่ายยูฟันรายที่ 38 และแถลงข่าวเกี่ยวกับการร่วมมือกันทำงานระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซีย และเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ประจำสหรัฐอเมริกา

พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการขออนุมัติหมายจับนายนีโอ ออง ชาวมาเลเซีย หนึ่งในกรรมการบริหารบริษัท ยูฟัน ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน จากการตรวจสอบพบว่านายนีโอ อองมีตำแหน่งเป็นถึงดาโต๊ะคนหนึ่งในประเทศมาเลเซีย เหมือนกับนายลี กวนหมิง ที่เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ และด้วยตำแหน่งดาโต๊ะ เมื่อมีชื่อเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหาร จึงทำให้ประชาชนเชื่อถือและพากันมาร่วมลงทุน และยังมีพยานยืนยันว่านายนีโอ ออง มักจะเดินทางมาร่วมประชุมกับธุรกิจยูฟันที่ประเทศไทยด้วยหลายครั้ง ตรวจสอบพบว่าเดินทางเข้าออกประเทศไทยรวมแล้วกว่า 26 ครั้งในรอบ 1 ปี

***พบ"ออย ชูฮวด"สวมสิทธิเป็นคนไทย

ส่วนกรณีของนายอาทิตย์ ปานแก้ว เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบข้อมูลแน่ชัดแล้วว่าเดิมทีเป็นชาวมาเลเซีย มีชื่อเดิมว่า ออย ชูฮวด เดินทางเข้าประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2550 โดยขอใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย (Work Permit) ก่อนจะมาทำงานที่โรงงานเครื่องกรองน้ำแห่งหนึ่งใน จ.สงขลา ซึ่งมี พล.ท.อธิวัฒน์ สุ่นปาน เป็นผู้บริหารอยู่ ก่อนจะเชื้อเชิญกันมาเปิดบริษัท ยูฟัน ดังกล่าว

"นายอาทิตย์ ปานแก้ว หรือนายออย ชูฮวด ได้ทำบัตรประชาชนในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2553 โดยแจ้งเป็นประชาชนตกสำรวจและทำบัตรประชาชนที่ จ.สระแก้ว และแจ้งมีชื่อในทะเบียนราษฎร หลังจากนั้นนายอาทิตย์ ได้ย้ายทะเบียนบ้านไปเรื่อยๆ ซึ่งตามหลักแล้วการทำบัตรประชาชนผู้ตกสำรวจจะต้องมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและประชาชนเซ็นรับรองให้ แต่จากการตรวจสอบในจุดที่นายอาทิตย์ทำบัตร กำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ดังกล่าวยืนยันว่าไม่เคยเซ็นรับรองให้ผู้ใด สรุปได้ว่าบัตรประชาชนที่นายอาทิตย์ใช้นั้นเป็นบัตรปลอมแน่นอน"

ทั้งนี้ เมื่อประสานขอข้อมูลไปทางประเทศมาเลเซีย พบว่านายออง ชูฮวด เดินทางออกจากประเทศมาเลเซียครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2554 และไม่กลับเข้ามาอีกเลย จึงเข้าใจได้ว่าหลังจากนั้นนายออง ชูฮวดใช้สิทธิสัญชาติไทยในการเดินทางมาตลอด โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดตามตัวได้ว่าขณะนี้หลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด

***เอฟบีไอร่วมมือสางคดีแชร์ยูฟัน

พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า ล่าสุดทางมาเลเซียได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เข้าพบ ผบ.ตร.ของมาเลเซียเพื่อพูดคุยกันในเรื่องการประสานงานช่วยทำคดีดังกล่าว โดยเบื้องต้นทางมาเลเซียเสนอให้มีการประสานการร่วมมือทำงานแบบคู่ขนาน เพราะทางมาเลเซียเองไม่มีประชาชนมาแจ้งความ จึงเปิดคดีไม่ได้ แต่ยันจะช่วยประสานเรื่องการทำคดีของไทยอย่างเต็มที่ เนื่องจากถือว่าคนของประเทศมาเลเซียมาก่อเหตุที่ไทย

นอกจากนี้ ไทยได้ประสานไปยังเอฟบีไอถึงการร่วมมือต่างๆ เนื่องจากทางเอฟบีไอแจ้งว่าหากมีข้อมูลผู้ถูกหลอกเป็นชาวสหรัฐฯ ให้แจ้งมาทันที จะประสานความร่วมมืออย่างเต็มที่ ซึ่งโชคดีว่ามีผู้มาแจ้งความเป็นคนสัญชาติสหรัฐอเมริกาพอดี โดยขณะนี้ทางเอฟบีไอสืบค้นได้ว่ามีกลุ่มผู้บริหารยูฟันโอนเงินจากอินโดนีเซียไปที่นิวยอร์กเป็นเงินกว่า 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด โดยให้ธนาคารบันทึกว่าเป็นการโอนไปเรื่องเงินเดือนและซื้อสินค้า ไม่ให้แจ้งว่าเป็นเงินจากยูฟัน แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้บันทึกข้อมูลไว้โดยละเอียด ต่างจากประเทศไทยที่มักจากไม่มีการบันทึกข้อมูลไว้ทำให้เกิดช่องว่างที่สามารถฟอกเงินได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าหลังจากได้รับความร่วมมือจากเอฟบีไอแล้ว อีกไม่นานจะสามารถยกระดับคดีนี้เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติได้ทันที ไม่ว่าใครจะหนีไปที่ไหนก็จะสามารถติดตามจับกุมตัวได้โดยง่ายดาย ยิ่งหากหนีเข้าสหรัฐอเมริกาแล้วเจ้าหน้าที่ที่นั้นยันว่าจะไม่ให้ใครเข้ามาหลบซ่อนตัวได้แน่นอน

***ตม.รวบตัวนักศึกษาได้ค่าด่าน

วันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวตตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) หนองคาย ประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย ได้ควบคุมตัวนายธนา วงศ์ขำ หรือแบงก์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/3 หมู่ 3 ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่นายธนายื่นหนังสือผ่านแดนชั่วคราวขอออกนอกประเทศ โดยข้อมูลของตรวจคนเข้าเมืองพบว่านายธนามีหมายจับเกี่ยวข้องกับธุรกิจยูฟัน จึงได้แจ้งให้ พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย ทราบแล้วคุมตัวมาสอบสวนที่กองกำกับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย

พ.ต.ท.ปริวัฒน์ สัจจาพันธ์ สว.ตม.หนองคาย ทำการสอบสวนนายธนา เบื้องต้นให้การว่าเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โดยไม่ยอมบอกชื่อสถาบัน ทางบ้านมีปัญหาการเงิน จึงดรอปเรียนไว้ก่อนแล้วหารายได้มาช่วยเหลือครอบครัวและเรียนต่อ โดยเมื่อ 6 เดือนก่อนทราบว่ายูฟันเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ มีการรับรองจากกระทรวงพาณิชย์ มีคนดังทั้งข้าราชการ นักธุรกิจร่วมกิจการหลายคน ทำให้มั่นใจ จึงตกลงสมัครเป็นสมาชิก โดยลงทุนไป 35,000 บาท

ระหว่างที่เป็นสมาชิกนั้น ด้วยความที่เป็นคนพูดจาคล่องแคล่ว ทำให้ผู้ใหญ่ในบริษัทเห็นความสามารถ ชักชวนให้ตนหาเครือข่าย ซึ่งได้แนะนำประมาณ 10 คน เมื่อบริษัทจัดกิจกรรม ก็ให้ตนขึ้นพูดบนเวทีในฐานะคนรุ่นใหม่ทำงานนี้ได้ ตนขึ้นเวทีหลายครั้ง ช่วงที่เป็นสมาชิกอยู่นั้นมีรายได้ประมาณหลักแสนบาท และมีเงินผ่านบัญชีประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เงินของตน แต่เป็นเงินหมุนเวียนของสมาชิกในเครือข่ายโดยใช้บัญชีชื่อตนเป็นตัวกลาง

แต่เมื่อยูฟันเริ่มมีปัญหา ตำรวจเริ่มตรวจสอบ ตนจึงขายหุ้นหรือพอร์ตให้คนอื่นทางเฟซบุ๊กในราคาพอร์ตละหมื่นบาท และไม่ได้ชักชวนคนอื่นให้ร่วมสมัครอีก ซึ่งในครั้งนี้เพื่อนชวนตนและแฟนสาวไปเที่ยวที่เวียงจันทน์ ซึ่งหวังจะไปเที่ยวไม่ได้คิดหลบหนี และไม่ทราบว่าตัวเองมีหมายจับ เพราะเป็นเพียงสมาชิกปลายแถว หากเจ้าหน้าที่ต้องการกวาดล้าง เหตุใดไม่ตรวจสอบตั้งแต่ต้นทาง จับกุมหัวขบวนให้ได้ ไม่ใช่มาไล่จับสมาชิกรายเล็กรายน้อย

หลังจากสอบสวนเบื้องต้นแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคายได้คุมตัวนายธนาส่งให้เจ้าหน้าที่ชุดของ พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่กรุงเทพฯ ดำเนินการต่อไป

***"เกย์ นที" โดยหมายจับรายที่ 39

พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวอีกว่า ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ ยูฟัน สโตร์ จำกัด เพิ่มเติม โดยผู้ต้องหาตามหมายจับคนที่ 39-40 คือ นายนที ธีระโรจนพงษ์ หรือเกย์ นที อายุ 58 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1087/2558 ลงวันที่ 28 พ.ค.2558 และนายธนา วงศ์ขำ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1117/2558 ลงวันที่ 29 พ.ค.2558 ในข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

สำหรับนายนที เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและสังคม ในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ เป็นนักธุรกิจยูฟันระดับบน ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายที่ได้รับการนับถือจากเหล่าสมาชิกเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ยูฟันเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นผู้มีคุณวุฒิด้านการเงินการบัญชี และเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีที่จบการศึกษาจาก ม.ธรรมศาสตร์ ทำให้ธุรกิจยูฟันมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น เป็นผู้บรรยายที่มีลีลาดุเด็ดเผ็ดมัน และมีการใช้ถ้อยคำท้าทายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ฟังว่า "ถ้ายูฟันผิดให้มาจับผมเลย" นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในแกนนำปลุกระดมสมาชิกเดินขบวนขอความเป็นธรรมให้กับเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ฟอกเงินยูฟันที่เซ็นทรัลเวิลร์ดและ สตช. ตลอดจนกิจกรรมอื่นๆ อีกด้วย

ส่วนนายธนา อยู่ในระดับหัวหน้าแม่ข่าย แม่ทีมบรรยาย โดยมีหลักฐานเชื่อมโยงการกระทำความผิดเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดในระดับแม่ข่าย แม่ทีมบรรยาย ปรากฏตามโครงสร้างแผนผังการดำเนินธุรกิจบริษัท ยูฟัน ของดีเอสไอ และการทำธุรกรรมทางการเงินจากดีเอสไอ โดยได้ตรวจสอบพบว่านายธนาได้ทำธุรกรรมทางการเงินซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัท ยูฟัน หลายรายการ

รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดนายนที ได้ประสานกับทางตำรวจ เพื่อขอเข้ามอบตัวในวันนี้ (4 มิ.ย.)
กำลังโหลดความคิดเห็น