“ดีเอสไอ” ระดมทีมจัดโครงการให้ความรู้ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่ เผยพื้นที่ภาคเหนือตกเป็นเหยื่อกว่าร้อยละ 30
วันนี้ (30 เม.ย.) ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่ เมื่อเวลา 09.30 น. นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาแจ้งเตือนภัยไม่ให้ตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่ มีคณะผู้บริหารของดีเอสไอเข้าร่วมด้วย เช่น พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และพ.ต.ท.สมพร ชื่นโกมล ผอ.สำนักคดีพิเศษภาค 5 โดยมีนายนาวิน สินธุสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงเป็นผู้ให้การต้อนรับ
สำหรับบรรยากาศภายในงานดังกล่าว ได้มีการจัดเวทีบรรยายให้ความรู้เรื่อง “ทำอย่างไร...ไม่ตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่” โดยนายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีอาญา 2 ดีเอสไอ พร้อมอภิปรายเรื่อง “คดีพิเศษและวิธีการรับเป็นคดีพิเศษ” บรรยายโดย พ.ต.ต.วรณัน ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงภัยและความเสียหายที่เกิดจากแชร์ลูกโซ่ และรู้เท่าทันการหลอกลวงจากเรื่องดังกล่าว ภายในงานมีประชาชน หน่วยงานต่างๆ ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการอภิปรายประมาณ 600 คน
นางสุวณากล่าวว่า ปัจจุบันมีประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อของธุรกิจการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ โดยมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนยังดีเอสไออย่างต่อเนื่อง คิดเป็นคิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2,000 ล้านบาท และดีเอสไอได้ให้ความสำคัญถึงภัยรวมทั้งความเสียหายของประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ซึ่งปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนารูปแบบการวางแผนที่สลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนมีความรู้เท่าทันกลโกงของแชร์ลูกโซ่ ดีเอสไอจึงจัดโครงการดังกล่าวขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน พร้อมให้คำปรึกษาและความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแชร์ลูกโซ่ รวมถึงการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนในการเผยแพร่บทบาท ภารกิจของดีเอสไอให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม แชร์ลูกโซ่ ถือเป็นการฉ้อโกงประชาชนที่มีรูปแบบหลอกลวงให้เหยื่อสมัครเป็นสมาชิกเพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจลักษณะคล้ายกับขายตรง แต่มีความแตกต่างกันตรงที่แชร์ลูกโซ่จะไม่เน้นการจำหน่ายสินค้าหรือให้บริการ โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง ต่อมาจะหยุดการจ่ายค่าตอบแทนปิดกิจการและนำเงินหนีไป ทำให้สมาชิกไม่ได้รับค่าตอบแทนและเงินหุ้นส่วนคืน เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก
“ลักษณะแชร์ลูกโซ่ปัจจุบันเป็นกลุ่มแชร์ลูกโซ่ข้ามชาติ มีการประกอบธุรกิจไปทั่วโลก บางกรณีกว่าจะมีการดำเนินคดีอาจมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อแล้วจำนวนมาก และ ตั้งแต่มีการก่อตั้งดีเอสไอมีคดีแชร์ลูกโซ่กว่า 100 คดี โดยคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือคิดเป็นร้อยละ 30” อธิบดีดีเอสไอ กล่าว
อธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า ในการเยียวยาคดีดังกล่าวภายหลังการดำเนินคดีสิ้นสุดลงนั้นอาจเกิดความล่าช้า เพราะการดำเนินคดีต้องใช้เวลา และประชาชนที่ตกเป็นผู้เสียหายส่วนใหญ่มีเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ปัญหาดังกล่าวยังส่งผลให้ประชาชนบางรายเป็นหนี้นอกระบบด้วย รวมถึงกระทบกับการใช้ชีวิตที่ลำบากขึ้น ทั้งนี้ ในการลงทุนต่างๆ ประชาชนควรศึกษาตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านก่อนด้วย อย่างไรก็ตาม รูปแบบแชร์ลูกโซ่มีลักษณะให้ค่าตอบแทนสูงลงทุนเยอะ โดยประชาชนสามารถตรวจสอบหรือสอบถามได้จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สุดท้ายการสัมมนาก็เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อและครั้งต่อไปจะมีการจัดสัมมนาให้ความรู้เรื่องแชร์ลูกโซ่ในภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี ในเดือน พ.ค.นี้
