ตำรวจชี้ชัด “ยูฟันสโตร์” เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน สามารถเอาผิดตามกฎหมายได้ เร่งตรวจสอบกระทำผิดนอกราชอาณาจักร เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ คาดสรุปสำนวนส่งฟ้องได้ภายในเดือน พ.ค.นี้
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (30 เม.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ พ.ต.อ.นราเดช กลมทุกสิ่ง รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนคดีบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ร่วมประชุมหารือเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีแชร์ลูกโซ่เครือข่ายยูฟัน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานจนชัดเจนแล้วว่า บริษัท ยูฟัน สโตร์ มีการกระทำความผิดเข้าข่ายการฉ้อโกงประชาชนที่สามารถดำเนินคดีได้ ภายหลังการประชุมทางคณะทำงานกับทางอัยการสูงสุดได้ข้อสรุปว่า หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้ชัดเจนว่า บริษัท ยูฟัน มีการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร เพื่อที่จะให้อัยการสูงสุดมีความเห็นเเละรับเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งจะมีโทษรุนแรงกว่ากฎหมายปกติ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางอัยการยังไม่สามารถรับเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติได้ เนื่องจากพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารยังไม่เพียงพอ ถึงเเม้ว่าทางการข่าวจะสามารถระบุได้ว่าเป็นการกระทำความผิดข้ามชาติก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนต้องดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายพร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำไปสู่การชี้มูลความผิดในการกระทำนอกราชอาณาจักรของบริษัทดังกล่าวไปในคราวเดียวกัน
ทั้งนี้จะมีการขยายระยะเวลาการรับแจ้งความไปจนถึงวันที่ 5 พ.ค.นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับเเจ้งความร้องทุกข์ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความ โดยยอดผู้เสียหายจนถึงขณะนี้มีผู้เสียหายทั้งหมด 449 ราย มูลค่าความเสียหาย 126 ล้านบาท มีการตรวจยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดเเล้วกว่า 727 ล้านบาท สำหรับการจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดที่ยังหลบหนีอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้อยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของสำนวนคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการได้ภายในเดือน พ.ค.นี้
ด้านนายสุรศักดิ์กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาคดียูฟันมีการกระทำผิดทั้งในและนอกประเทศเกี่ยวพันกัน โดยแนวทางการดำเนินคดีจะต้องนำตัวผู้กระทำความผิดกลับมาดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายไทย นอกจากจะดำเนินคดีในข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนแล้ว พนักงานอัยการและชุดสืบสวนเตรียมพิจารณาว่าการกระทำผิดดังกล่าวเข้าข่ายข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตามกฎหมายใหม่หรือไม่ต่อไป