xs
xsm
sm
md
lg

ยึดทรัพย์บิ๊กยูฟัน400ล. ตุ๋นแสนคนสูบ3.8หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ดีเอสไอส่งมอบข้อมูลแชร์ยูฟันให้ตำรวจ ยันมีข้อมูลสืบสวนบริษัทยูฟันในทางลับ ระบุเบื้องลึกมีแม่ข่ายหลักชาวไทยและต่างชาติอีก 20 คน เปลี่ยนชื่อและนามสกุลคนละ 3-5 ชื่อ ชี้มูลค่าความเสียหายสูงถึง 38,000 ล้านบาท ปปง.ยึดรถหรู ทรัพย์สินผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยูฟัน 400 ล้าน

วานนี้( 21 เม.ย.)เมื่อ วลา 13.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพ.ต.อ.อังกูล คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. ร่วมกันแถลงข่าวส่งมอบข้อมูลการสืบสวนคดีแชร์ลูกโซ่ยูฟันฯให้กับตำรวจ

นางสุวณา กล่าวว่า ที่ผ่านมาดีเอสไอได้ส่งทีมลงไปสืบสวนและเก็บข้อมูลบริษัทยูฟันในทางลับมาโดยตลอด นอกจากนี้ ทราบว่าปัจจุบันมีการหลอกลวงในลักษณะขายตรงแบบบริษัทยูฟัน อีก 3-4 บริษัท โดย มีการนำเงินมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินดิจิตอลที่กำหนดขึ้นเองเหมือน utoken เช่นสกุลเงินbizpoint umax และonecoin

ทั้งนี้ ในส่วนที่ดีเอสไอไม่รับเป็นคดีพิเศษนั้น เนื่องจากทางตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้วและสามารถดำเนินคดีได้ แต่หากทางตำรวจจะให้ดีเอสไอทำคดีก็พร้อมดำเนินการ
นอกจากนี้ ดีเอสไอได้นำข้อมูลการสืบสวนทางเทคโนโลยีทั้งหมดมอบให้ พล.ต.ท.สุวิระ และคณะทำงานตำรวจ เพื่อไปดำเนินการต่อ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรับสินบนและไม่ยอมรับทำคดียูฟันเป็นคดีพิเศษนั้น ขอชี้แจงและยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอไม่มีการรับสินบน โดย หากพบว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทุจริตจริง ให้แจ้งมา เนื่องจากเป็นโยบายของรัฐบาลในการป้องกันปัญการทุจริต

“ที่ผ่านมาดีเอสไอยังให้ความรู้เกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่กับชาวบ้านในพื้นที่ นนทบุรีและขอนแก่น เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่ และปลายเดือนนี้จะจัดทีมให้ความรู้ในพื้นที่ภาคเหนือ สำหรับข้อมูลการสืบสวนธุรกิจยูฟันที่ดีเอสไอมอบให้กับทางตำรวจ เบื้องต้น มีกลุ่มเกี่ยวข้องระดับผู้บริหารระดับสูง ที่ถูกจับไปแล้ว และยังมีกลุ่มแม่ข่ายหลักอีก 20 คน ประกอบด้วยชาวไทยและต่างชาติ โดย 20 คนนี้ มีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุลคนละ 3-5 ชื่อด้วย” นางสุวณา กล่าว

ด้านพล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า ล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เซ็นต์คำสั่งแต่งตั้งชุดทีมพนักงานสอบสวนเพิ่มกว่า 100 นาย ที่บก.ปคบ. เพื่อรับแจ้งความคดียูฟัน อีกทั้งประชาชนผู้เสียหายสามารถแจ้งความที่โรงพักหรือสถานีตำรวจทั่วประเทศกว่า 1,800 สถานีได้เลย หากเจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้งความหรืออธิบายไม่เข้าใจสามารถโทรมาที่ 1599 สายด่วนศูนย์ปฏิบัติการพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เลย และเจ้าหน้าที่จะปิดข้อมูลผู้เสียหายเป็นความลับ ทั้งนี้ความเสียหายคำนวณจากผู้มาแจ้งความขณะนี้จำนวน 130 ราย มีมูลค่าเสียหาย 35 ล้านบาท หากคำนวณจากผู้เสียหายกว่าทั้งหมด 120,000 ราย จะมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 38,000 ล้านบาท จากตอนแรกประมาณแค่ 20,000 ล้านบาท หลังจากนี้จะนำทรัพย์สินประมาณ 150 ล้านบาท ที่ยึดได้จากผู้ต้องหาคดียูฟันที่จับกุมไปแล้ว ไปมอบให้กับ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. นำไปขายทอดตลาด เพื่อนำเงินไปเฉลี่ยเพื่อเยี่ยวยาผู้เสียหายคดียูฟัน โดยไม่จำเป็นต้องให้คดีสิ้นสุดตามขั้นตอนกฎหมาย

“จากการตรวจสอบร่วมกันหลายหน่วย อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย กลต. สคบ. และกรมธุรกิจการค้า พบว่าไม่มีการออกใบอนุญาตให้กับบริษัทยูฟัน ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าทางผู้บริหารชาวมาเลย์เซีย ได้เชิญผู้สื่อข่าวประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงนั้น ขอให้ผู้สื่อข่าวไทยไปเยอะๆ และช่วยสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่รู้ก่อน และมีการเชิงรุกจับกุมดำเนินคดีกับเครือข่ายแชร์ลูกโซ่เป็นประเทศแรกในอาเซียน ถือเป็นความโชคดีของคนไทยที่มีการร่วมมือกันระหว่าง สตช.และดีเอสไอ” พล.ต.ท.สุวิระ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ส่งข้อมูลบริษัทกว่า15บริษัทให้ดีเอสไอตรวจสอบ ภายหลังมีประชาชนร้องเรียนว่าบริษัทดำเนินธุรกิจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่

**ปปง.ยึดรถหรูจากหุ้นรายใหญ่ยูฟัน

ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วย พล.ต.ท. สุริยะ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. ร่วมกันแถลงข่าวการส่งมอบทรัพย์สินที่สามารถตรวจยึดได้ในคดีบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด รวมมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท

พล.ต.ท. สุวิระ กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นพื้นที่พักอาศัยของผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด พบทรัพย์สินมีค่ามากมายเช่นเอกสารการเคลื่อนไหวทางการเงิน รถยนต์หรู นาฬิกาหรู เงินสด ทองคำ เงินสกุลต่างๆ ซึ่งในวันนี้จึงเดินทางมามอบทรัพย์สินให้ปปง.เพื่อดำเนินการอายัดทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินต่อไป

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า หลังจากที่ทาง ปปง.ได้รับรายงานจาก สคบ. ให้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบ.ยูฟัน เนื่องจากมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดหลายฉบับเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนว่าด้วยการกู้ยืมเงินประชาชนนั้น ซึ่งทาง ปปง.ได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน จึงน่าเชื่อได้ว่า บ.ยูฟัน มีความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 19 และมาตรา 21 ความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527มาตรา 4 และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ประกอบมาตรา 38 อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบ.ยูฟัน กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งทางปปง.ได้ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าวทั้งทางแพ่งและทางอาญา

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า โดยในส่วนของ ปปง. ได้เสนอคณะกรรมการธุรกรรม เพื่อดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิด จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกเป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารของบ.ยูฟัน นายรัฐวิชญ์ ฐิติอรุณวัฒน์ หรือนายปกรณ์ ฤทธิรงค์ นายไชธร ทองหล่อเลิศ จำนวน 4 รายการ มูลค่า 251,330,658.65 บาท ครั้งที่ 2 เป็นเงินฝากธนาคารของ น.ส.หรรษา ธาราบัณทิต นายฤทธิเดช วรงค์ นายอาทิตย์ ปานแก้ว พล.ท.อธิวัฒน์ สุ่นป่าน นานจิราภิมณช์ แสนกล้า นายรัฐวิชย์ ฐิติอรุณวัฒน์ นายไชธร ทองหล่อเลิศ น.ส.ณมนพรรณ์ ธาราบัณทิต และโฉนดที่ดินของ บ.ยูฟัน และ บ.ยูทีอาร์ โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 334 รายการ รวมมูลค่า 55,641,460.08 บาท นอกจากนี้ยังสามารถทรัพย์สินเพิ่มเติมเป็นเงินในบัญชีธนาคาร นายอาทิตย์ ปานแก้ว และนายไชธร ทองหล่อเลิศ จำนวน 4 รายการ มูลค่า 186,812.51 บาท

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า เบื้องต้นนั้นทางปปง.ได้ยึดอายัดทรัพย์สินจากกระบวนการดังกล่าวได้ประมาณ 300 ล้านบาท รวมกับทรัพย์สินที่นำมามอบให้เพิ่มเติมประมาณ 100 ล้านบาท เป็น 400 ล้านบาท ซึ่งต่อไปจะมีการยึดทรัพย์สินเพิ่มแน่นอน แต่ในคดีฟอกเงินที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่นั้นไม่มีผู้เสียหาย แต่ในคดีนี้มีผู้เสียหาย ทางปปง.จึงจะทำการประชุมเพื่อตัดสินว่าสามารถขายทรัพย์สินทั้งหมดได้เลยหรือไม่ หายเป็นทรัยพ์สินที่ผิดจริง เช่นรถบีเอ็มดับบลิว มูลค่ากว่า 12 ล้านบาทนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเป็นการใช้เงินยูโทเคนซื้อ ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้องก็จะสามารถขายได้ทันที

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวต่อว่า ขณะคณะกรรมการตัดสินให้ขายทรัพย์ได้นั้น หากเจ้าของยืนยันว่าได้มาโดยสุจริตก็สามารถยึดเรื่องต่อศาลเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ของทรัพย์นั้นได้ภายใน30วัน ซึ่งคาดว่าจะประชุมเรื่องทรัพย์สินดังกล่าวภายในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ตามทรัพย์สินทร่ถูกถ่ายโอนไปนอกประเทศนั้น หากเราจะประสานไปยังปปง.ประเทศอื่นๆเพื่อให้ส่งมอบทรัพย์นั้นคืนมายังประเทศไทย ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานยังไม่สามารถบอกได้ว่ามีทรัพย์สินใด อยู่ประเทศไหนบ้างเพราะอาจจะมีผลกระทบต่อรูปคดีได้
กำลังโหลดความคิดเห็น