xs
xsm
sm
md
lg

ปคบ.รวบผู้ต้องหาคดียูฟัน แจ้งข้อหาฟอกเงิน-แจ้งเท็จเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ปคบ.ตามจับกุมผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่รายที่ 34-35 เพิ่มแต่ยังให้การปฏิเสธ ตร.พบคำให้การขัดแย้งกับพยานหลักฐาน แจ้งข้อหาปอกเงินและแจ้งความเท็เพิ่ม

วันนี้(1มิ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รองผบก.ปคบ. พ.ต.อ.นราเดช กลมทุกสิ่ง รองผบก.ภว.ฉะเชิงเทรา นำตัวน.ส.ธาราทิพย์ โตสันเทียะ อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 8/1 ถ.บริเวณหน้าโรงไฟฟ้า ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1028/2558 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 ในข้อหา ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และเป็นผู้ต้องรายที่ 33 ในคดีแชร์ลูกโซ่ยูฟัน และนายณัฐพงษ์ โกศการิกา อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 115 ถ.อัมพวา ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่จ.115/2558 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2558 และเป็นผู้ต้องหารายที่ 34 โดยทั้งสองถูกจับกุมได้ที่บ้านของผู้ต้องหาเอง

น.ส.ธาราทิพย์ กล่าวว่า เมื่อปลายปี57 นางแววตา แซ่โล้ว อายุ 46 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาอรัญประเทศ ในชื่อของตนเพื่อรองรับเงินโอนจากธุรกิจขายคอลลาเจน โดยสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มจะอยู่ที่นางแววตาตลอด ต่อมานางแววตาให้ตนไปแจ้งความเนื่องจากสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มหาย ก่อนจะไปเปิดสมุดใหม่โดยใช้เลขเดิม โดยตนไม่เคยทราบเกี่ยวกับยอดเงินที่โอนเข้าและโอนออกในบัญชี รวมทั้งไม่เคยเซ็นเบิก หรือมอบอำนาจเบิกให้กับบุคคลใด กระทั่งวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา นางแววตาให้ตนถอนเงินจำนวน 5 ล้านบาทก่อนปิดบัญชี และนำเงินดังกล่าวไปมอบให้กับนางแววตา ทั้งนี้ตนไม่รู้จักธุรกิจยูฟัน และไม่เคยเป็นสมาชิกแต่อย่างใด

ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เมื่อเดือนธ.ค.57 ตนร่วมลงทุนธุรกิจยูฟัน เป็นเงิน 17,500 บาท ก่อนจะได้กำไรแต่ตนลงทุนเพิ่ม รวมเป็นเงิน 40,000 บาท และเคยถอนออกมาเป็นเงินสด 9,500 บาท ทั้งนี้ตนชักชวนเพื่อนและคนใกล้ชิดเป็นสมาชิกได้ 9 คน ก่อนจะโพสต์ข้อความชักชวนบุคคลอื่นในเฟสบุ๊ค แต่ก็ไม่มีบุคคลใดมาสมัคร ในส่วนของเงินที่ได้จากสมาชิกทั้ง 9 คนนั้น โอนให้บัญชีของนายเบิร์ด (ไม่ทราบชื่อ และนามสกุล) หลังจากที่มีการจับกุมขบวนการยูฟันก็ไม่เคยเปิดเฟสบุ๊คที่ใช้เป็นสื่อชักชวนบุคคลอื่นเลย และไม่คิดว่าจะมีใครมาสนใจ หรือเป็นการทำผิดตามกฎหมาย จึงไม่ได้ลบข้อความดังกล่าวทิ้ง เพราไม่ได้หวังที่จะร่ำรวยจากธุรกิจยูฟัน เนื่องจากตนก็มีธุรกิจของตัวเองอยู่แล้ว

ด้าน พล.ต.ท.สุวิระ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่มีการโอนเงินเข้าบริษัทเครือข่ายยูฟัน พบว่า หนึ่งในนั้นมีบัญชีของ น.ส.ธาราทิพย์ ซึ่งโอนเงินเข้าบริษัทดังกล่าว 24 รายการ เป็นเงิน 6.4 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบบัญชีน.ส.ธาราทิพย์ พบว่ามีบุคคลอื่นโอนเงินเข้ามาให้ 702 รายการ เป็นเงิน 82.5 ล้านบาท และโอนออกไปยังบุคคลอื่นในเครือข่ายยูฟัน 873 รายการ เป็นเงิน 82 ล้านบาท รวมมีเงินหมุนเวียนกว่า 160 ล้านบาท จากการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การวกวน โดยอ้างว่าเป็นผู้เปิดบัญชีให้นางแววตาเท่านั้น แต่รายละเอียดในบัญชีอย่างอื่นไม่ทราบเลย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะคำให้การขัดแย้งกับพยานหลักฐานที่มีหลายอย่าง อาทิ บัญชีดังกล่าวเป็นของน.ส.ธาราทิพย์ แต่กลับมีการโอนเข้า ออก และถอนเป็นเงินสดครั้งละหลายล้าน ซึ่งน.ส.ธาราทิพย์จะอ้างว่าไม่ทราบรายละเอียด ไม่ได้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องประสานไปยังธนาคารดังกล่าว เพื่อตรวจสอบรายละเอียดในการทำธุรกรรมทางการเงิน คาดว่าอาจจะมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นกับการกระทำดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่า น.ส.ธาราทิพย์อาจจะรับจ้างเปิดบัญชีเพื่อนำเงินออกนอกประเทศ และนำไปฟอกที่บ่อนคาสิโน ประเทศกัมพูชา ก่อนจะแลกเป็นเงินดอลล่าห์แล้วนำออกนอกประเทศไป ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามอย่างใกล้ชิดในเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฟอกเงิน เพิ่มเติม ซึ่งหากตรวจสอบพบว่าการแจ้งสมุดธนาคารหายไม่เป็นความจริงนั้น ก็จะเตรียมตั้งข้อหาแจ้งความเท็จเพิ่มเติม

พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวอีกว่า ส่วนการติดตามจับกุมนายณัฐพงษ์นั้น เจ้าหน้าที่พบว่ามีการโพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ค ชักชวนประชาชน จึงออกหมายจับ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีสมาชิก 9 ราย และสมาชิกไม่ได้มีการขยายเพิ่มแต่อย่างใด รวมทั้งเงินในบัญชีมีตกค้างเพียง 10,000 บาท และมีเงินหมุนเวียนโอนต่อให้นายเบิร์ด ซึ่งอยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบปากคำต่อไป ทั้งนี้แจ้งข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน เพราะครบองค์ประกอบในความผิด แม้ผู้ต้องหาจะอ้างว่าชักชวนสมาชิกเพียง 9 คน แต่หากชักชวนเพียง 1 คนก็ถือว่าผิดแล้ว

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายชัยยุทธ แซ่ก่ำ อายุ 42 ปี เจ้าของรถเบนซ์ ซี 200 ทะเบียน 3กจ 8436 ชลบุรี ที่ซื้อมาจาก น.ส.วิไลวรรณ ทรงสวรรณ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี , นายณัฏฐ์ฐิณณ พุทธรรมรงค์ อายุ 42 ปี เจ้าของรถปอร์เช่ สีเหลือง ทะเบียน กร 8867 ภูเก็ต ที่ซื้อมาจาก พันจ่าเอกเตชสิทธิ์ ประสมทรัพย์ สังกัดกรมพลาธิการทหารเรือ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับรายที่ 31 และยังหลบหนีอยู่ นพ.สุจินต์ ชวิตรานุรักษ์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ และนายกาวิน วงศ์สงวน ผู้ต้องหารายที่ 32 หลานของพล.ต.ต.วันชัย วิสุทธินันท์ อดีตข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ได้ส่งทนายเข้ามาชี้แจงกรณีการขายอาคารในซอยบางนา- ตราด 25ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทยูฟัน จำนวน 38 ล้านบาท ทั้งหมดได้นำเอกสารหลักฐานเข้าชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ในการซื้อ-ขายทรัพย์สินเหล่านั้น

พ.ต.อ.อังกูร เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำบุคคลที่นำเอกสาร มาชี้แจงถึงการซื้อ – ขายทรัพย์สินเหล่านั้น เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมหลักฐาน และสอบปากคำไว้ เพื่อนำส่งให้ ปปง.ในการพิจารณา ว่าทรัพย์สินเหล่านั้นได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีอำนาจในการคืนทรัพย์สินที่ยึดมาได้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่เพียงรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมาจับผู้กระทำความผิดเท่านั้น ในส่วนของนายกาวินนั้นเป็นบุคคลที่มีหมายจับ และอยู่ระหว่างการหลบหนี หากพบตัวตำรวจก็มีอำนาจในการจับกุมตามหมายจับ แม้ว่าจะทราบที่มาของทรัพย์สินว่าได้มาโดยถูกต้อง แต่ตำรวจไม่มีอำนาจในการถอนหมายจับต้องเป็นอำนาจของศาลในการพิจารณาพยานหลักฐาน

ด้านนายณัฏฐ์ฐิณ หนึ่งในเจ้าของทรัพย์ที่มาชี้แจง กล่าวว่า ตนประกอบธุรกิจเต็นท์รถ และเข้าร่วมธุรกิจยูฟันจากแม่ข่ายที่จ.ภูเก็ต โดยลงทุน จำนวน 2 ล้านบาท ก่อนจะได้รู้จักกับพันจ่าเอกเตชสิทธิ์ และมีความสนิทสนมกัน โดยล่าสุดเมื่อวันที่30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตนเดินทางมายังกทม.และชวนพันจ่าเอกเตชสิทธิ์ ไปเที่ยวที่พัทยา จึงนำรถปอร์เช่คันดังกล่าว ซึ่งฝากน้องที่รู้จักขายไว้กว่า 3 เดือนแต่ยังขายไม่ได้ นั้น มาจอดไว้ที่หน้าบ้านของพันจ่าเอกเตชสิทธิ์ ก่อนเดินทางไปเที่ยวพัทยา และกลับไปจ.ภูเก็ต และวันที่ 31 พฤษภาคมตนให้ลูกน้องขึ้นมาเอารถคันดังกล่าว กระทั่งถูกตำรวจจับกุม ตนจึงนำเอกสารมาชี้แจงถึงที่มาของทรัพย์สินเพื่อรับกลับคืน อย่างไรก็ตามตนได้ไปแจ้งความเป็นผู้เสียหายในคดีดังกล่าวแล้ว ในสภ.เมืองภูเก็ต





















กำลังโหลดความคิดเห็น