ASTVผู้จัดการรายวัน- ผบ.ตร. เร่งกรรมการถอดยศ"แม้ว" ลงชื่อรับรองมติให้ครบ แต่จะเซ็นอนุมัติหรือไม่ ขอใช้วิจารณญาณเอง ย้ำไม่ใช้ตรายาง ไม่อยากขึ้นศาลหลังเกษียณ ด้าน"พล.ต.อ.ชัยยะ" แจงเรื่องไม่เซ็นรับรองมติ แค่เข้าใจคลาดเคลื่อนทางธุรการ ยันผู้ร่วมประชุมทุกคนลงมติเอกฉันท์ให้ถอดยศ หลังดูพฤติกรรมความผิด-ข้อกฎหมาย เข้าข่ายชัดเจน พร้อมส่งผลสรุปให้ผบ.ตร. ด้านนายกฯ ย้ำเรื่องถอดยศ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ผิดว่าไปตามผิด กต.ยัน "แม้ว"ไม่มีพาสปอร์ตไทยเหลือแล้ว ระบุสมัยรัฐบาล "ปู" ก็ไม่ได้คืนเล่มแดงให้ เผยอัยการประสานล่าผู้ต้องหา ม. 112 ในต่างประเทศแล้ว 1 ราย ชี้ต้องแจงต่างชาติ ไม่ใช่คดีการเมือง แต่ความผิดทางอาญา "มัลลิกา"แฉ "แม้ว" ยังใช้โซเชียลมีเดียส่งสัญญาณถึงกลุ่มเสื้อแดง ขณะที่ "ลิ่วล้อแม้ว" ซัดรัฐบาลว่างงานมาก มาไล่บี้ถอดยศ รมว.ยธ.เผย“ทักษิณ”จ้อที่เกาหลีเข้าข่ายผิดม.112
วานนี้ (2 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการดำเนินการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีโทษจำคุก และคดีทุจริตคอร์รัปชัน ว่า ทราบจากข่าวแล้วว่า พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการถอดยศตำรวจ ได้สรุปความเห็นว่า ควรจะดำเนินตามขั้นตอนถอดยศและชี้แจงให้ตนทราบ พร้อมกับเสนอผลการพิจารณาของคณะกรรมการมายังตนแล้ว เป็นการลงมติของคณะกรรมการอย่างเป็นเอกฉันท์ ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบแล้ว มติยังไม่ได้มีการรับรอง แสดงว่ายังไม่ครบถ้วน ไม่สมบูรณ์
" อย่าเพิ่งมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ผมจะเซ็นให้หรือไม่ ผมมีวิจารณญาณมากพอ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาชี้นำ ผู้บังคับบัญชาของผมมี 2 คนเท่านั้น คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ยืนยันจะทำด้วยความเป็นธรรมและความถูกต้อง ภายในวันนี้ผมจะทำบันทึกเร่งรัดให้พล.ต.อ.ชัยยะ รับรองมติการถอดยศให้ถูกต้อง และเร่งนำมาเสนอโดยเร็วที่สุด" ผบ.ตร.ระบุ
สำหรับขั้นตอนหลังจาก พล.ต.อ.ชัยยะ ส่งเรื่องกลับมาแล้ว จะให้ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบในข้อกฎหมายว่าถูกต้องตามข้อกฎหมายที่คณะกรรมการพิจารณาอ้างถึงหรือไม่ ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย ต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ เพราะตนไม่ใช่ตรายาง ที่จะเอาแต่ปั๊ม ทุกคนมีสิทธิของตนเองที่จะปกป้อง ตนก็ปกป้องสิทธิตนเองในการตรวจสอบให้รอบคอบ หากเซ็นไปแล้วเกิดปัญหาขึ้น คนที่โดนฟ้องคือตน ใน 4 เดือนหลังจากนี้ อยากลงจากตำแหน่ง ผบ.ตร. โดยไม่ต้องขึ้นศาล
** "ชัยยะ"ยันมติถอดยศ ชัดเจน
ด้านพล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า คณะกรรมการได้มีการพิจารณามีมติเอกฉันท์ในเรื่องของการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนยืนยันอีกครั้งว่า มติเป็นเอกฉันท์ ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างจบลงไปหมดแล้ว ในส่วนความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับงานด้านธุรการนั้น ก็ได้มีความเข้าใจกันแล้ว สำหรับวันนี้ก็เรียบร้อยทุกอย่าง คงไม่มีประเด็นอะไรเพิ่มเติม เพราะในส่วนของประเด็นข้อกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องได้มีการพิจารณาไปเรียบร้อยแล้ว มีความเห็นสอดคล้องตรงกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดคณะกรรมการไม่ลงชื่อรับรองมติ พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ในส่วนนั้น ตนขอเรียนว่าเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนทางด้านธุรการเท่านั้น ไม่ใช่เนื้อหาสาระในการพิจารณาแต่อย่างใด
เมื่อถามว่าหมายความว่า คณะกรรมการทุกคน ก็พร้อมที่จะเซ็น แต่ที่ไม่เซ็นเพราะกลัวว่าถูกเช็กบิลย้อนหลังใช่หรือไม่ พล.ต.อ. ชัยยะ กล่าวว่า ไม่ใช่เลย ตนยืนยันข้อเท็จจริงทั้งหมดเลยว่า ในส่วนนี้เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนในงานธุรการ ถ้าพูดอย่างนี้ต่อไป ทางสังคมก็คงจะถามว่า งานธุรการ คืออะไร
"ในกรณีการประชุมทุกครั้ง ก่อนเข้าประชุมผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนต้องเซ็นชื่อในการเข้าประชุม การเข้าประชุมนั้น ก็มีการอภิปรายกันกว้างขวางทุกคนในฐานะที่เป็นคณะกรรมการ ในที่สุดก็มีมติเอกฉันท์ คือทุกคนแสดงความคิดเห็นเสร็จแล้ว ก็เสนอว่ากรณีดังกล่าวนั้นข้อกฎหมาย และข้อระเบียบในการเสนอการถอดยศ เรามีมติเอกฉันท์ทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุม มีผู้แทนของฝ่ายกฎหมายทั้งหมด 6 ท่าน แต่เข้าร่วมประชุม 5 ท่าน ขาดผู้เข้าร่วมไป 1 ท่าน" พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้มติในการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการถอดยศชัดเจนแล้ว พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ชัดเจน เรียบร้อย
เมื่อถามต่อว่าเป็นอำนาจใครที่จะเซ็นอนุมัติ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ในอำนาจตามกฎหมายเป็นอำนาจของ ผบ.ตร. ส่วนตนในฐานะคณะทำงาน ได้รับมอบหมายให้พิจารณาว่าเกี่ยวกับระเบียบ หรือกฎหมายในเรื่องนี้หรือไม่ แต่ในส่วนของคณะกรรมการชุดนี้ได้มีการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นเอกฉันท์
**พร้อมส่งผลสรุปให้ผบ.ตร.
เมื่อถามว่าวันนี้ (2 มิ.ย.) จะส่งให้กับ ผบ.ตร.ได้หรือไม่ พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ได้ ในส่วนของความผิดที่อดีตนายกฯทำผิดนั้น ได้ส่งข้อมูลให้สื่อมวลชนเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาในการแถลงข่าว
เมื่อถามว่าคณะกรรมการในที่ประชุมมีความกังวลหรือไม่ ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ไม่มี เราพิจารณาตรงไปตรงมาในข้อกฎหมาย คิดว่าใครมาดูก็คงเข้าใจ ถ้าคนได้มีการศึกษาข้อมูล และได้ดูในข้อกฎหมายต่างๆ มาเป็นบอร์ดในการพิจารณา ก็คงเข้าใจว่าในส่วนนี้เอง ข้อเท็จจริงปรากฏ พฤติกรรมปรากฏ ข้อกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องปรากฏ เราพิจารณาองค์รวมทั้งหมดทุกๆด้าน ไม่ว่าเจตนารมณ์ของระเบียบและข้อกฎหมายต่างๆ
เมื่อถามว่า มติดังกล่าวในเรื่องการถอดยศ ที่สุดแล้วจะไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลง พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ตนไม่มีอำนาจในการนำเสนอ ในบอร์ดของเรามีการพิจารณา เราก็มีการเคารพทุกๆส่วน
เมื่อถามต่อว่า ที่ผ่านมามีการพิจารณากันหลายครั้ง เหมือนกับว่าไม่ประสบความสำเร็จ ทำไมมาเร่งรัดในช่วงนี้ พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ไม่มี ที่ผ่านมาเรื่องนี้ยังไม่เคยมีการพิจารณาแม้แต่ครั้งเดียว ตนยืนยันในเงื่อนไขข้อ (6) ตามระเบียบ ตร.ว่าด้วยการถอดยศ ยังไม่มีการพิจารณา มีครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยผบ.ตร. เป็นคณะทำงานจริงๆ มีทุกส่วน
เมื่อถามว่าการทำงานในครั้งนี้ ปราศจากอติ พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีอคติใดๆ ในการพิจารณา อย่าไปพูดถึงว่าเรื่องไม่มีใบสั่ง ไม่มีอะไรใดๆทั้งสิ้น เป็นความคิดที่อิสระจริงๆ และเป็นการให้อภิปรายของแต่ละท่านที่เป็นคณะกรรมการ อย่างโปร่งใส
**"บิ๊กตู่"ลั่นไม่ละเว้นเรื่องถอดยศ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงขั้นตอนการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะต้องใช้อำนาจของ ผบ.ตร. ตัดสินใจ ใช่หรือไม่ ว่า เขามีคณะกรรมการ เมื่อถามย้ำว่า หมายถึง หากคณะกรรมการฯ สรุปแล้ว ก็ส่งเรื่องให้ ผบ.ตร.เลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ก็มีคณะกรรมการพิจารณา 2 คณะ โดยมีคณะกรรมการของกระทรวงยุติธรรม และตร. อย่าไปยุ่งกันมาก มาเมื่อไร ก็วันนั้น มาถึงตนเมื่อใด ก็ทำให้วันนั้น มันผิดหรือไม่ มีอยู่ประมาณ 7 ข้อ ตัวที่เป็นข้อลงโทษมีเรียงลำดับไว้ทั้งหมด 1-7 มันผิดตรงไหนหรือไม่ ถ้าผิดใน 7 ข้อ ก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำก็ถือว่าละเว้น หรือใครที่ผ่านมาไม่ทำ ก็ถือว่าละเว้นอีกเช่นกัน และตนไม่อยากเป็นคนที่ละเว้นอีก
เมื่อถามว่า มีการพูดถึงการริบเครื่องราชฯด้วย นายกฯ กล่าวว่า ระเบียบเขามีอยู่แล้ว ถ้าปลดก็ต้องยึดเครื่องราชฯ สื่อไปดูบ้างว่ากฎหมายเขียนไว้อย่างไร ที่ตนพูด ไม่ได้โมโห หรือใช้อารมณ์ บางครั้งมันต้องรู้ทุกเรื่องก็เครียดบ้างเหมือนกัน กว่าจะขุดออกจากส่วนในสมอง บางอารมณ์ตนก็อาจเป็นคนตลกบ้าง
เมื่อถามว่า หากถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ จริง อาจมีกลุ่มคนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน นายกฯ กล่าวว่า ถ้าออกมาก็ถือว่ามีความผิด สื่อก็อย่าไปเขียนให้คนออกมา เพราะออกมาก็ถือว่าผิดกฎหมาย แต่ตนไม่ได้เกรงอะไร วันนี้จะต้องเกรงใจใคร กฎหมายก็คือกฎหมาย จะไปเกรงใจใครอีกไม่ได้ กฎหมายว่าอย่างไร ก็ว่าตามนั้น ตนไม่ได้ไปสั่งให้เขาทำ ถ้าไปเกรงใจแล้วไม่ต้องทำตามกฎหมายกันหรืออย่างไร จะให้ละเว้นทุกเรื่องหรือปล่อยให้ทุจริต มีเรื่องฉาวโฉ่ ถ้าอย่างนี้เรียกว่า เกรงใจ
เมื่อถามว่า มีรายงานความเคลื่อนไหวจากกลุ่มการเมืองหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คสช.ติดตามดูอยู่ ถ้าเกินเลยก็เรียกมาพูดคุย ถ้าผิดกฏหมายก็ดำเนินการตามกฎหมาย สื่อก็ต้องดูด้วย
** หวย 881 เลขท้ายรถนายกฯ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง การเปลี่ยนรถที่นั่งมาทำงาน จากรถเบนซ์ มาเป็นรถโฟลค์ตู้ว่า ใกล้ออก ก็อยากให้พวกเราดูตัวเลข ความจริงรถมันเสีย เรื่องแค่นี้ รถเสียมันก็ต้องซ่อม ส่วนรถเป็นอะไร ตนไม่รู้ ต้องถามพลขับ เมื่อถามว่าเปลี่ยนมานั่งโฟลค์ แล้วสบายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ชิน แต่ความจริงนั่งอะไรก็เหมือนกัน สมัยก่อนนั่งรถปุโรงทั่งมากกว่านี้ แต่บังเอิญว่าเบนซ์มันเสีย ทำไมสื่อต้องถามทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถตู้โฟล์ค สีดำกันกระสุน ที่นายกฯ นั่งมาทำงานเมื่อวานนี้ ทะเบียน ฮภ 2924 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนรถเบนซ์ส่วนตัว ที่ใช้เป็นประจำตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกฯ แล้วส่งไปซ่อมนั้น ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเลขท้าย 881 นั้นตรงกับเลขท้าย 3 ตัว ลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 ที่ออกประจำวันที่ 2 มิ.ย.พอดี
** ชี้ถอดยศ"แม้ว"เป็นการทำตามกม.
นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึง การดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนี้ ได้รับรายงานการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง หรือไม่ว่า ในส่วนของรัฐบาลไม่ได้มุ่งเน้น หรือให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหว เพราะถือว่าการเคลื่อนไหวเป็นเรื่องปกติของคนที่เห็นไม่เหมือนกัน แต่การไม่ปฏิบัติของส่วนราชการ ที่มีหน้าที่ต้องทำ จะกลายเป็นเรื่องของการละเว้นหน้าที่เสียมากกว่า ฉะนั้นในขณะนี้ส่วนราชการหลายๆส่วน พยายามทำหน้าที่ตามบทบาทตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ส่วนคลื่นใต้น้ำ ตนไม่ทราบว่ามีตรงไหนบ้าง ก็ค่อยๆ ดูกัน และช่วยกัน อันไหนที่เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตนว่าสื่อช่วยบ้านเมืองได้ ตอนนี้เราก็ทำงานอย่างเข้มแข็ง แต่ก็หนักหน่อย เพราะงานเยอะมาก ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ นายฉัตรพงษ์ ฉัตราคม ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง ก็กำชับในเรื่องการทำงาน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง ภายหลังดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เขาก็ดูแลความสงบเรียบร้อย อย่าให้ใครไปสร้างการปลุกระดมคนให้มาเกิดความขัดแย้งกัน ได้สั่งการไปแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการเคลื่อนไหว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการถอนพาสปอร์ต และเสนอถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เรื่องนี้อย่ามาถามตน ต้องไปถามกระทรวงการต่างประเทศ ตนบอกได้แค่ว่าเป็นอย่างไร ส่วนการดำเนินการเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ต้องห่วง
ส่วนการดูแลสถานการณ์ภายในประเทศที่เกรงว่าจะมีกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวนั้น เชื่อว่าไม่มีอะไร เพราะเจ้าหน้าที่ทำตามกฎหมาย ซึ่งประชาชนทุกคนคงรู้ รัฐบาลชุดนี้ไม่มีการกลั่นแกล้ง และแก้แค้น ทุกอย่างทำขึ้นเพื่อให้เกิดความมั่นคงในอนาคต
** ถอนพาสปอร์ต"แม้ว"ทุกเล่มแล้ว
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ กล่าวถึงการยกเลิกพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณทุกฉบับที่มีอยู่ในฐานข้อมูลทั้งหมด โดยก่อนดำเนินการยกเลิก ได้มีการตรวจสอบแล้วหลายรอบ พบว่ามีเพียง 2 เล่มเท่านั้น คือหนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา (เล่มน้ำตาล) หมายเลข U957441 และ หมายเลข Z530117 ส่วนหนังสือเดินทางทูต (เล่มแดง) หมายเลข D215863 นั้นไม่มี เพราะได้ยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.51 ขณะเดียวกัน ยังได้เข้าไปตรวจสอบว่า ในช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็พบว่า มีการคืนหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียง 2 เล่มเท่านั้น คือ เล่มสีน้ำตาลที่เพิ่งถูกยกเลิกไป ไม่ได้มีการคืนเล่มแดง หรือพาสปอร์ตทางการทูตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถใช้หนังสือเดินทางของไทยได้อีกแล้ว ส่วนจะถือพาสปอร์ตของประเทศอื่นกี่ฉบับนั้น ในส่วนนี้ไม่มีข้อมูล
นายดอน ในฐานะรองประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในต่างประเทศ ว่า ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศเองรอให้มีความชัดเจนในการทำเรื่องจากฝั่งอัยการ เพราะหากจะให้กระทรวงต่างประเทศดำเนินการ ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องก่อน คือ ตำรวจจะต้องแจ้งอัยการ จากนั้นส่งมายังกระทรวงการต่างประเทศ ทราบว่าขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเมื่อไม่นานมานี้ ทางอัยการได้แจ้งมาแล้ว 1 ราย และได้มีการประสานไปยังประเทศนั้นๆแล้ว แต่ไม่ขอบอกว่าเป็นประเทศใด ทั้งนี้ในการประสานกับต่างประเทศ เราจะมีการให้ข้อมูลด้วยว่าความผิดตาม มาตรา 112 เป็นความผิดตามกฎหมายอาญา ไม่ใช่เรื่องการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มมีโอกาสจะติดตามคนเหล่านี้กลับมาได้หรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้ เพราะอยู่ในขั้นตอนของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
** "แม้ว"ยังใช้โซเชียลมีเดีย ป่วน
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานชมรมนักรบไซเบอร์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังใช้โซเชียลมีเดีย เคลื่อนไหวให้เกิดกระแส และนัยยะทางการเมืองตลอดเวลา เป็นการสัญญาณส่งถึงขบวนการเสื้อแดงว่า ทุกอย่างยังเดินต่อ ไม่ได้หยุด หรือ ยอมรับความผิดตามกฎหมาย
ล่าสุดกรณี นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำเสื้อแดง อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรี ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ตอบโต้ทางการไทย กรณียึดพาสปอร์ตพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงขนาดแอบอ้างดึงสถาบันกษัตริย์ซาอุฯ ว่า พระราชทานพาสปอร์ตให้ในเฟซบุ๊ก ซึ่งนายสามารถ มะลูลีม อดีต ส.ส. ที่เชี่ยวชาญด้านประเทศตะวันออกกลาง ยืนยันว่า ที่โพสต์และแชร์กันในไลน์ โดยแอบอ้างว่า กษัตริย์ซาอุฯ มอบพาสปอร์ตให้พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะกฎหมายประเทศซาอุฯ จะไม่ให้พาสปอร์ตคนสัญชาติอื่น ยกเว้นคนที่มีสัญชาติซาอุฯ และต้องนับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น อีกทั้งคนทั่วโลกที่ไม่ใช่มุสลิม ก็ยังไม่สามารถเข้าเมืองเมกกะ กับเมืองมาดินะห์ได้อีกด้วย ดังนั้นไม่อยากให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการแอบอ้างหลอกลวงนี้
** รัฐบาลว่างมากไล่บี้ถอดยศ "แม้ว"
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ อดีต ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย และอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 กล่าวถึง กรณีที่รัฐบาลพิจารณาเตรียมถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ตนอยากจะตั้งคำถามว่า ถ้าถอดแล้วจะเป็นอย่างไร หรือถ้าไม่ถอด จะกระทบกับใคร หรือส่วนใด ตนไม่เข้าใจว่าคนที่เกี่ยวข้อง ว่างงานกันมากหรืออย่างไร ทั้งๆที่ ปัญหาของประเทศยังมีเรื่องให้แก้ไขอีกเยอะ ตนจึงไม่เข้าใจว่า งานการอย่างอื่นไม่มีจะทำกันหรือ และทำไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไร การถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้ทำให้เขาจนลง เช่นเดียวกับการที่ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ถอนหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้หมายความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปไหนไม่ได้ เขาก็ยังไปได้ทุกประเทศ ก็แค่ยกเว้นประเทศไทยเท่านั้นเอง
ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีความกังวลว่า คนเสื้อแดง อาจจะก่อเหตุรุนแรงหากมีการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบมา ดูเหมือนว่าไม่มีใครให้ความสนใจเรื่องนี้เลย การถอดยศ หรือการถอนพาสปอร์ต ไม่มีความสำคัญ และไม่ได้น่าสนใจอะไรเลย
***“บิ๊กต๊อก” ชี้“แม้ว”จ้อแดนกิมจิผิด ม.112
วานนี้(2มิ.ย.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ได้เรียกให้นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ เข้าพบ เพื่อรายงานความคืบหน้าการจัดทำรายชื่อบุคคลเฝ้าระวังในคดีความผิดตามมาตรา 112 โดยนางสุวณาได้รายงานว่า มีการรวบรวมรายชื่อได้ทั้งหมด 125 รายชื่อ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.คนอยู่ต่างประเทศที่ถูกออกหมายจับ 2.คนที่อยู่ในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เฝ้าระวัง และ 3.บุคคลที่กำลังติดตามพฤติกรรม โดยแยกหน่วยงานที่รับผิดชอบว่ามีคดีอยู่ในขั้นตอนใดบ้าง และตัวผู้กระทำผิดอยู่ที่ประเทศใด ทั้งนี้ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะทำรายงานเสนอต่อนายกรัฐมนตรี รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
นอกจากนี้ พล.อ.ไพบูลย์ ได้กล่าวถึงกรณีคลิปวีดีโอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศเกาหลีใต้ว่า กรณีนี้ได้รับทราบจากอธิบดีดีเอสไอแล้ว ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นฝ่ายทำสำนวนคดี ทั้งนี้ ดีเอสไอได้มีความเห็นว่ากรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์นั้น มีบางถ้อยคำเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 โดยต้องดูว่าทางตำรวจมีความเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ซึ่งเราก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของทางทนายความของผู้ถูกกล่าวหาในการชี้แจง หากพบว่าเป็นความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป