ASTV ผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"เผยประชาชน-กองทัพ แห่แจ้งความ "ทักษิณ"จ้อ เข้าข่ายผิด ม.112 ขู่ไม่หยุดเคลื่อนไหวเจออีกดอก รับอำนาจ คสช. ถอดยศได้ แต่ต้องมีเหตุผล หวั่นถูกกล่าวหารังแกกัน ยันไม่เคยคุย "แม้ว-ปู" ด้าน "บิ๊กอ๊อด"เผยฟังเทปสัมภาษณ์แล้ว ฟันธง ผิดหลายกระทง เอี่ยว ม.112 ด้วย ตั้ง "ชัยยะ"พิจารณาถอดยศอดีตนายกฯ คาดสรุปผลได้ใน 1-2 วันนี้ "ประสงค์" เตือน "บิ๊กตู่" ระวังโดน ม.157 หากปล่อยคลุมเครือ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศถอนพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอาจเป็นสาเหตุไปกดดันให้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นว่า แล้วแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเคลื่อนไหว ก็ทำไป กฎหมายก็มีอยู่ เคลื่อนไหวอีกก็มีอีก
เมื่อถามว่าผลจากการให้สัมภาษณ์ที่ประเทศเกาหลีของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าด้วยการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงเพิ่มอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนทำ ประชาชนเป็นผู้แจ้งความกับทางตำรวจเป็นจำนวนมาก ทางกองทัพบกก็แจ้งมา เพราะหมิ่นประมาท สร้างความเกลียดชัง พูดจาให้ร้ายกองทัพ ซึ่งมีกฎหมายดำเนินการอยู่
** รับใช้อำนาจ คสช.ถอดยศได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่แล้ว ในส่วนของเราทุกคนมองว่าไม่อยากให้รุนแรงเกินไป เกรงว่าจะเข้าทางและถูกกล่าวหาว่ารังแกกัน ซึ่งอยากให้เขาเข้าใจและลดระดับลงไปบ้าง แต่ที่ผ่านมา เขาไม่เปลี่ยนแปลงเลย เดี๋ยวมันก็ถึงขั้นนั้นจนได้ โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ปฏิบัติ ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องกล้าทำ ถ้ามันผิดจริง ก็ทำมา ทุกอย่างจะให้ตนตัดสินใจหมดคนเดียวไม่ได้
เมื่อถามว่ามีแนวทางในการถอดยศ โดยใช้อำนาจหัวหน้า คสช. ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าถึงเวลาแล้วจะทำ ไม่ต้องมาเร่ง ต้องเก็บไว้บ้าง แต่ถ้าทำ ตนก็ถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นธรรม ซึ่งอำนาจ คสช. ที่มี ตนทำได้ทุกอย่าง แต่ต้องมีเหตุผล
“เรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ มันหนักนิดนึง เพราะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วทำไมต้องนำพระองค์ท่านลงมาอีก ตอนนี้พระองค์ท่านก็ถูกอ้างอิงเยอะ สถาบันเสียหายพออยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
***ยันไม่เคยต่อสายคุย “แม้ว-ปู”
เมื่อถามว่า ตั้งแต่เข้ามาควบคุมอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการติดต่อนายกฯ โดยตรงหรือผ่านใครมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เคย แต่ตนจะไปพูดด้วยทำไม พูดไม่ได้ ถ้าติดต่อมา ก็ไม่พูด เพราะวันนี้เราเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ติดต่อผ่านใครมา ก็ไม่ฟัง ถามว่าจะติดต่อเรื่องอะไร หากจะปรับความเข้าใจอะไรกับตน ก็คงไม่มี เพราะตนไม่ได้เข้าใจผิดอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ท่านทำผิดกฎหมาย วันนี้ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการยุติธรรม
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธ โดยระบุว่า จะพูดเรื่องอะไร อยู่ในกระบวนการยุติธรรมหมดแล้ว และตนกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกันทั้งสิ้น ตนก็ทำงานกับรัฐบาลมา สิ่งไหนที่สามารถยุติได้ ตนก็บอกว่าไม่ควร แต่ในเมื่อฝืนทำไปแล้ว ตนก็ช่วยไม่ได้ ตรงนี้เป็นเรื่องของกฎหมาย และบอกว่าตนรับผิดชอบร่วมด้วยไม่ได้
*** ปัดเป่าคดีให้ “ทักษิณ”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนไม่สามารถไปเคลียร์เรื่องคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ ใครทำผิดกฎหมายก็มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มาต่อสู้คดีก็จบแล้ว ถ้ากลับมาคงจบตั้งนานแล้ว ไม่เละขนาดนี้หรอก ส่วนที่ว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับประเทศอาจถูกลอบทำร้ายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว ส่วนตัวคงไม่สามารถรับรองความปลอดภัยได้ เพราะไม่ทราบว่า ไปเป็นศัตรูกับใครแค่ไหน แค่ตัวเองยังต้องระวัง จะไปดูแลคนอื่นได้มากมาย
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า มีกระแสข่าวว่า เครื่องบินส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถบินเข้ามาในประเทศไทยได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้ามีจริง ก็ต้องปลดให้หมดทั้งสนามบิน กฎหมายมีอยู่แล้วจะมาได้อย่างไร แต่ถ้าถูกกฎหมายก็มาได้หมด
** “บิ๊กโด่ง” ยื่นฟ้องหลายกระทง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้ พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักพระธรรมนูญ กองทัพบก เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ฐานความผิดคดีหมิ่นประมาท ต่อศาลอาญา หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศที่เข้าข่ายต่อความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, 326 และ 328 ซึ่งศาลอาญาได้ประทับรับฟ้องเป็นคดีดำเลขที่ 1824/2558
** ตร.เช็คเทป “แม้ว” จ้อหมิ่นเบื้องสูง
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเทปการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ถ้าผิดจริง ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้ ตนเคยให้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศเกี่ยวกับประมวกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า มีลักษณะเหมือนกฎหมายหมิ่นประมาท แต่สถาบันพระมหากษัติย์คงไม่ออกมาฟ้องร้อง เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการปกป้อง ไม่ว่าจะเป็นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะดูหมิ่นเรื่องไหน เราก็ต้องออกมาดำเนินการ ไม่เช่นนั้นก็จะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนการที่จะนำตัวผู้ที่กระทบผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา112 ในต่างประเทศมาลงโทษนั้น ต้องเข้าใจว่า จะต้องมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายความแดน และต้องเป็นกฎหมายที่มีเหมือนกัน แต่หลายประเทศไม่มีพระมหากษัตริย์ จึงไม่มีกฎหมายแบบนี้ จึงไม่สามารถส่งตัวให้ได้ เว้นแต่คนเหล่านี้กระทำผิดในด้านอื่นๆ ด้วย
** “บิ๊กอ๊อด” ฟันธง “แม้ว” ผิด ม.112
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้มาร้องทุกข์กับตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ว่ามีการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคง จึงเสนอให้ฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลดำเนินการตามขั้นตอน
ส่วนขั้นตอนการถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มอบหมาย พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา (สบ 10) ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานว่าจะเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 เรื่องการถอดยศนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรหรือไม่
“การดำเนินการทุกอย่าง เป็นไปตามกระบวนการและชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีความรู้สึกส่วนตัวในการลงความเห็นเสนอให้หน่วยงานความมั่นคงดำเนินการ ซึ่งก็ได้ฟังคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งหมดแล้ว พบว่า มีความผิดหลายมาตรา รวมทั้งมาตรา 112 ด้วย” ผบ.ตร.กล่าว
** “แย้ม “แม้ว” เข้าเงื่อนไขถูกถอดยศ
พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ได้รับการมอบหมายให้ทำหน้าที่ประธาน คณะกรรมการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการถอดยศตำรวจ จาก ผบ.ตร. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยในส่วนของการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการนำข้อมูลในทุกมิติเกี่ยวกับการกระทำผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี และหลบหนีคดีไป ซึ่งที่ผ่านมา มีความเห็นจากทั้งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีอาญาเข้าข่ายสาเหตุในการถอดยศตำรวจตามระเบียบ ตร.ว่าด้วยถอดยศมาประกอบการพิจารณา และเตรียมนำเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาได้ ภายใน 1-2 วันนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนในรายละเอียด รวมทั้งการรวบรวมเอกสารต่างๆ ที่จะนำมาประกอบในการพิจารณาให้ครบถ้วนสมบูรณ์
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า คณะกรรมการชุดนี้ได้สรุปความเห็นว่าควรถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ผลสรุปของคณะกรรมการรอให้ ผบ.ตร.เป็นผู้ให้สัมภาษณ์ ตนบอกได้เพียงว่าคณะกรรมการได้สรุปความเห็นไปแล้ว ยืนยันว่าการพิจารณาครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว สามารถตอบคำถามได้ทั้งหมด
** อัยการสูงสุดเด้งรับลูกทำคดี
นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ส่งสำนวนคดีให้อัยการ เพื่อให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เบื้องต้นทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนคดีดังกล่าวจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นความผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ตามขั้นตอนแล้ว ต้องเสนอเรื่องให้นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้พิจารณา โดยทางอัยการสูงสุด จะเป็นผู้มีคำสั่งตั้งพนักงานสอบสวน ปอท. หรือพนักงานอัยการ หรือให้เจ้าพนักงานทั้ง 2 หน่วยงาน ขึ้นรับผิดชอบสำนวนคดีร่วมกัน เพื่อพิจารณาต่อไปก็ได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สำนวนคดียังไม่ได้ส่งไปยังอัยการสูงสุด เนื่องจากทางสำนักงานอัยการสูงสุดเพิ่งจะได้รับสำนวนมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท.
** เตือน “บิ๊กตู่” ระวังโดน ม.157
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต รมว.ต่างประเทศ ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า กระทรวงการต่างประเทศควรจะใช้สถานทูตที่มีอยู่ทุกประเทศชี้แจงทำความเข้าใจ และยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักโทษคดีอาญา ซึ่งศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว ต้องกำชับสถานทูตให้ชี้แจงทุกประเทศในกรณีนี้ โดย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ต้องหาที่มีคดีติดตัวหลายคดี และมีคดีที่ถูกศาลตัดสินแล้วมีโทษต้องจำคุก คดีถึงที่สุดควรมีการพิจาณาถอดยศและขอคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เหมือนนายตำรวจหรือข้าราชการหลายๆ คนที่ต้องคดี กรณีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 มาดำเนินการ แต่อาศัยระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ. 2547 มาดำเนินการ เพราะไม่ใช่เรื่องกลั่นแกล้ง แต่มีคดีที่มีความผิดชัดเจน
“พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157” น.ต.ประสงค์ กล่าว