เด็ก ปชป.โต้ "สมยศ" ยันไม่เคยข่มขู่แต่ให้ถอดยศ "แม้ว" ตามขั้นตอน ทำมาตั้งแต่ยุค "อดุลย์" แล้ว พร้อมบี้ กต.แจงปมปาหี่ถอนพาสปอร์ตแม้ว เหลือเล่มแดง ปลัด กต.ต้องรับผิดชอบ ขู่" สมยศ"ไม่ทำโดนด้วย ส่วนรองโฆษกรัฐบาล แจง กต. ยึดคืนพาสปอร์ตแดงแล้ว ตั้งแต่ปี 51 "บิ๊กโด่ง" เผยยังไม่พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มต้าน ส่วน DSI สรุปคดี ม.112 เสนอ 2 มิ.ย.นี้ "ไพบูลย์"สั่งไล่เช็คกรณี "แม้ว" ถ้าผิดชัดเจน ต้องขอหมายจับ พร้อมประสาน กต. แจงต่างประเทศ ถึงความผิดเกี่ยวกับสถาบันฯ เป็นคดีอาญาไม่ใช่การเมือง
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวหาว่า มีอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ข่มขู่ กดดัน ให้ถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ตนขอยืนยันว่าไม่เคยข่มขู่กดดัน พล.ต.อ.สมยศ เพราะเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ตนดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผบ.ตร. และเมื่อพล.ต.อ.สมยศ มาเป็นผบ.ตร. ก็ได้ทำหนังสือเพื่อให้ถอดยศ พร้อมแนบเอกสารการถอดยศที่ผ่านมาประกอบด้วย ดังนั้นในฐานะอดีต ส.ส.ที่รักษากฎหมาย เป็นการยื่นหนังสือเพื่อตามขั้นตอนมาโดยตลอดไม่ใช่การข่มขู่ เพื่อให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
"ท่านเหมือนสมภาร ให้มีสติปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายต่อไป การตีกลับให้คณะกรรมการไปลงชื่อใหม่นั้น นับได้ว่าเป็นครั้งแรกของ สตช. เพราะไม่เคยมีการกระทำเช่นนี้มาก่อน นอกเหนือจากเมื่อเสนอเรื่องแล้วก็ดำเนินการต่อตามที่มีการพิจารณามาแล้ว โดยอ้างว่า ต้องเซ็นต์ลงนามโดยกรรมการทุกคน ที่ผ่านมา ผบ.ตร. ต่างก็ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนี้มาโดยตลอด พล.ต.อ.สมยศ ควรจะเป็นคนดำเนินการ แม้จะเกษียณอายุราชการในสี่เดือนนี้ จึงขอขอบคุณที่จะรักษาเกียรติยศ และชื่อเสียงของสตช.เอาไว้ รวมทั้งให้เร่งดำเนินคดีกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ นายทอมเพลส แปลเป็นภาษาไทยโดยนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตเลขานายกรัฐมนตรียุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการตีพิมพ์ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย มีการจาบจ้วงเบื้องสูง หมิ่นประมาทกองทัพ ทำให้ชาติเสียหาย แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งที่มีการแจ้งความมากว่า 1 ปีแล้ว"
นายวัชระ ยังเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต รมว.ต่างประเทศ ออกมาระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้ถอดหนังสือเดินทางต่างประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมด โดยเหลือพาสปอร์ตเล่มแดงไว้ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่กระทรวงการต่างประเทศต้องอธิบายเรื่องนี้ เพราะคนอย่าง นต.ประสงค์ เป็นเสือซ่อนเล็บ แม้จะชราภาพแต่ด้านการข่าวแม่นยำเสมอ เนื่องจากเคยเป็นซีไอเอ มาก่อน
นายวัชระ กล่าวว่า ถ้าข้อมูลที่ น.ต.ประสงค์ ออกมาเปิดเผยเป็นเรื่องจริง ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพราะฝ่ายการเมืองจะไม่รู้อย่างแน่นอน แต่ข้าราชการบางส่วนเปรียบเหมือนทาสในระบอบทักษิณ รู้กันกับ พ.ต.ท.ทักษิณเพราะคิดว่าจะกลับมามีอำนาจอีก และคิดว่า คสช.กำลังจะหมดอำนาจ จึงหมกเม็ดกระทำการดังกล่าว แต่เชื่อว่า คสช. คงไม่ทราบ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. มีเจตนาที่จะบริหารประเทศโดยไม่ยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย คงไม่มีการแอบจับมือลับๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
" รมว.ต่างประเทศ ต้องเร่งรัดกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีพาสปอร์ตกี่เล่มกันแน่ ในขณะที่ประชาชนทั่วไปมีเล่มเดียวหรือถ้าเป็นข้าราชการ ก็อาจมีสองเล่ม ซึ่งเรื่องนี้มีการร้อง ป.ป.ช.ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ กรณีคืนพาสปอร์ตให้พ.ต.ท.ทักษิณ โดยผิดระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ และเร่งชี้มูลความผิด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร. ที่ไม่ยอมถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆ ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินชี้ว่า มีเหตุให้ถอดยศตามระเบียบของสตช. ซึ่งผมไปให้ข้อมูลแล้ว เชื่อว่า ป.ป.ช. คงจะชี้มูลในไม่ช้านี้ และถ้าพล.ต.อ.สมยศ ไม่ดำเนินการถอดยศ ก็จะไปยื่นต่อป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินคดีกับพล.ต.อ.สมยศ ด้วย" นายวัชระ กล่าว
** กต.แจงยกเลิกพาสปอร์แดงแล้ว
พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนบางฉบับว่า กระทรวงการต่างประเทศ ยังมิได้ยกเลิกหนังสือเดินทางทูต ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันข้อมูลที่ถูกต้องดังนี้
1. ก่อนที่จะยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถือหนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา (เล่มน้าตาล) เพียง 2 เล่มเท่านั้น คือ หนังสือเดินทาง หมายเลข U957441 และ หมายเลข Z530117 ตามที่ประกาศไปแล้ว
2. หนังสือเดินทาง ทางการทูตฉบับล่าสุดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือครอง คือหมายเลข D215863 ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ยกเลิกไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551
**"บิ๊กโด่ง"ยังไม่พบกลุ่มเคลื่อนไหวต้าน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ภายในประเทศ ภายหลังจากที่มีการถอนพาสปอร์ต และเสนอถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้สถานการณ์ทั่วไปยังคงปกติเรียบร้อยดี และยังไม่มีกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะในส่วนของทหาร ก็ดำเนินการติดตามสถานการณ์ และด้านการข่าวต่างๆ อยู่ แต่ยังไม่พบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
ขณะที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ ต่อกรณี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ว่าคงไม่แสดงความเห็นถึงสิ่งที่นายณัฐวุฒิ วิพากษ์วิจารณ์ เพราะรัฐบาลยึดหลักกฎหมายเป็นกรอบในการปฎิบัติงานอย่างเป็นธรรม และเท่าเทียมกันทุกฝ่าย ไม่ต้องการตอบโต้ให้เสียเวลาการทำงานเพื่อบ้านเมือง และเชื่อว่า เวลานี้คนไทยส่วนใหญ่ก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณไปหมดแล้ว รอแต่เมื่อไร นายณัฐวุฒิ จะเห็นประเทศไทยสำคัญกว่าคนเพียงไม่กี่คน และฆ่าความหลงผิดในใจตัวเอง
** 2 มิ.ย."ดีเอสไอ"ชงคดีความผิด ม.112
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามผู้กระทำผิดหมิ่นสถาบันฯ ตามมาตรา 112 มาดำเนินคดีว่า ขณะนี้ตรวจสอบและรวบรวมรายชื่อเรียบร้อยแล้ว ซึ่งวันที่ 2 มิ.ย.นี้ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ จะเข้ารายงานรายละเอียด ทั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ศาลมีคำสั่งดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 112 อยู่แล้ว และกลุ่มที่จะต้องยื่นศาลอาญา เพื่อดำเนินคดีตาม มาตรา 112
ส่วนบางประเทศที่ติดขัดข้อกฎหมายในการขอตัวกลับมาดำเนินคดี พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่าได้ขอให้ นายดอน ปรมัตถ์ รมช.การต่างประเทศ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการฯชุดนี้ ช่วยไปทำความเข้าใจ สร้างการรับรู้ เห็นอกเห็นใจ ในฐานะมิตรประเทศ เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมมาตรา 112 ถึงเกี่ยวกับคนเหล่านี้ นำหลักฐานไปยื่นกับประเทศนั้นๆ สร้างการรับรู้ว่าคนเหล่านั้น เป็นภัยกับความมั่นคงอย่างไร ไม่ควรปล่อยให้มีการเคลื่อนไหว แต่ไม่ได้ก้าวก่ายศาลของประเทศนั้นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศเกาหลีใต้ ต้องนำมาดูว่าเข้าข่าย มาตรา 112 ด้วยหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า โดยเนื้องานฝ่ายความมั่นคง ทั้งกองทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดูอยู่แล้ว รวมถึงเป็นประเด็นทางสังคมและในฐานะที่ตนดูแลเรื่องความผิดตาม มาตรา 112 ก็จะเอามาดูด้วย โดยสั่งให้อธิบดี ดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปไล่ดูคำให้สัมภาษณ์แล้ว ว่าเข้าข่ายหรือไม่ พูดจริงหรือไม่ เพราะเมื่อเป็นกฎหมาย จะเป็นข่าวลือไม่ได้แล้ว ดูว่าใครยืนยันว่าพูดจริง ตรงนี้ต้องชัดเจน เพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการขอศาลออกหมายจับ หากว่าผิด ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย รวมถึงต้องดูว่าหากเข้าข่ายใครมีหน้าที่ดำเนินการเอาผิด อย่างไรก็ตาม ขอรอดูรายละเอียดทั้งหมดก่อน เรื่องกฎหมายจะพูดอะไรที่ผลีผลามไม่ได้ วันที่ 2 มิ.ย. จะไล่ดูทั้งหมด
** ยันรัฐบาลทำตามกม. ปัดไล่ล่า "แม้ว"
นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.สั่งการเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ หลังกระทรวงการต่างประเทศยกเลิกพาสปอร์ต พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ว่า เป็นการทำตามหน้าที่ เฝ้าระวังตามปกติ เพื่อให้เกิดความสงบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ทั้งที่ความจริงแล้วเราต้องการความปรองดอง แต่เมื่อออกมาเคลื่อนไหว ทำให้เกิดความเสียหาย และเมื่อกระทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ และถ้าไม่ดำเนินการ ก็เท่ากับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตรงนี้สำคัญกว่า ดังนั้น การยกเลิกพาสปอร์ต และการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ มันมีที่มาที่ไป มันมีเหตุผล ไม่ได้ไปกลั่นแกล้ง หรือต้องการไปไล่ล่าอะไรใคร อย่าไปคิดอะไรมาก เพราะถ้าไล่ล่าคงทำนานแล้ว เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เข้ามาเพื่อเป็นศัตรูกับใคร
**คสค.ตั้งเรื่องถอนเครื่องราชฯ เองไม่ได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสนอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ดำเนินการถอนคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า สลค.ไม่สามารถจะตั้งเรื่องถอนคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้เอง เพราะ สลค.มีหน้าที่ในการทูลเกล้าฯ ขั้นสุดท้าย ดังนั้น ต้องมีหน่วยงานอื่นส่งเรื่องเข้ามาเพื่อให้พิจารณา ส่วนจะเป็นหน่วยงานไหนนั้น ไม่สามารถระบุได้ เพราะไม่รู้ว่าต้นเรื่อง คืออะไร และหากมีการส่งมาแล้ว สลค. ต้องพิจารณาความถูกต้อง ว่าจะเสนอทูลเกล้าฯ หรือไม่อีกครั้ง
** "อีเพ็ญ" โพสต์เฟซบุ๊กป้อง "แม้ว"
นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ชื่อ"จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair" โดยออกมาปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมประณามการดำเนินการเพิกถอนพาสปอร์ต และถอดถอนยศทักษิณ อย่างรุนแรง พร้อมยืนยันว่า คำให้สัมภาษณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นเพียงการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองของไทยเท่านั้น
นายจักรภพ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดชัดเจนว่าใครอยู่เบื้องหลังวิกฤตการเมืองของไทยตลอดมา ชัดเจนขนาดระบุชื่อเสียงเรียงนาม ไม่พูดลอยๆ ให้ผู้คนคิดเอาเอง หรือแกล้งพูดให้ฟังไม่รู้เรื่อง แบบคนปัญญาอ่อน นั่นคือตัวตนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการตัดเซลล์เนื้อร้ายออกไป เพื่อรักษาอวัยวะส่วนใหญ่ และร่างกายไว้ คนที่ชอบพูดลอยๆ พูดแบบให้คนเข้าใจไขว้เขว และพูดให้ประชาชนตีกัน นั่นคือ ผู้ที่มีเจตนาทำลายชาติ ซึ่งไม่ช้าไม่นานเราคงเอ่ยชื่อเน่าๆ ของบุคคลเหล่านี้ได้ทุกระดับ
"การถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องที่น่าขบขันของฝ่ายประชาธิปไตย ยศพันตำรวจโท คงเป็นความภูมิใจของอดีตเด็กต่างจังหวัด ผู้ได้ยศนั้นมาด้วยความสามารถและอุตสาหะ ยศพันตำรวจโท ไม่ได้ทำให้คุณทักษิณ ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี หรือช่วยปฏิวัติ นโยบายแห่งชาติที่ทำให้ประชาชนทุกระดับมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในยามที่เป็นรัฐบุรุษลี้ภัย เพราะโจรครองเมืองอยู่ในขณะนี้ ยศพันตำรวจโท ก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อตัวคุณทักษิณเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่มีผลคือ มติมหาชน ที่ยังรักและเทิดทูนคุณทักษิณ อย่างไม่เสื่อมคลาย".