“วัชระ” โต้ ผบ.ตร. ไม่เคยข่มขู่กดดันให้ถอดยศ “นช.แม้ว” ยันดำเนินการทุกอย่างไปตามขั้นตอน จี้เร่งดำเนินการ “ทักษิณ” และคนแปลบทสัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติจาบจ้วงสถาบันชัดเจน ยุค “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ขู่ สมยศ” ถ้าไม่เร่งดำเนินการจะยื่น ป.ป.ช.สอบ พร้อมบี้บัวแก้ว แจงปาหี่ถอนพาสปอร์ต “นช.แม้ว” ขณะเดียวกัน กังขามอดไม้อาละวาดหนักช่วงรัฐประหาร ตัดไม้ทำลายป่าสนเฉลิมพระเกียรติ ที่แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ นับพันไร่ วอน “ดาว์พงษ์” ส่งทหารลงพื้นที่สอบ
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวหาว่า มีอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ข่มขู่กดดันให้ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ตนขอยืนยันว่าไม่เคยข่มขู่กดดัน พล.ต.อ.สมยศ เพราะเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นตนดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผบ.ตร.และเมื่อ ท่านเป็น ผบ.ตร.ก็ได้ทำหนังสือเพื่อให้ถอดยศพร้อมแนบเอกสารการถอดยศที่ผ่านมาประกอบด้วย ดังนั้น ในฐานะอดีต ส.ส.ที่รักษากฎหมาย เป็นการยื่นหนังสือเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนมาโดยตลอดไม่ใช่การข่มขู่ เพื่อให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
“ท่านเหมือนสมภารให้มีสติ ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายต่อไป การตีกลับให้คณะกรรมการไปลงชื่อใหม่นั้น นับได้ว่าเป็นครั้งแรกของ สตช.เพราะไม่เคยมีการกระทำเช่นนี้มาก่อน นอกเหนือจากเมื่อเสนอเรื่องแล้วก็ดำเนินการต่อตามที่มีการพิจารณามาแล้ว โดยอ้างว่าต้องเซ็นลงนามโดยกรรมการทุกคน ที่ผ่านมา ผบ.ตร.ต่างก็ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนี้มาโดยตลอด พล.ต.อ.สมยศ ควรจะเป็นคนดำเนินการแม้จะเกษียณอายุราชการในอีก 4 เดือน จึงขอขอบคุณที่จะรักษาเกียรติยศ และชื่อเสียงของ สตช.เอาไว้ รวมทั้งให้เร่งดำเนินคดีกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ นายทอมเพลส แปลเป็นภาษาไทยโดย นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตเลขานายกรัฐมนตรียุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการตีพิมพ์ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย มีการจาบจ้วงเบื้องสูง หมิ่นประมาทกองทัพ ทำให้ชาติเสียหาย แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งที่มีการแจ้งความมากว่า 1 ปีแล้ว”
นายวัชระ ยังเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต รมว.ต่างประเทศ ออกมาระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้ถอดหนังสือเดินทางต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมด โดยเหลือพาสปอร์ตเล่มแดงไว้ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่กระทรวงการต่างประเทศ ต้องอธิบายเรื่องนี้ เพราะคนอย่าง น.ต.ประสงค์ เป็นเสือซ่อนเล็บแม้จะชราภาพแต่ด้านการข่าวแม่นยำเสมอเนื่องจากเคยเป็นซีไอเอมาก่อน
นายวัชระ กล่าวว่า ถ้าข้อมูลที่ น.ต.ประสงค์ ออกมาเปิดเผยเป็นเรื่องจริง ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพราะฝ่ายการเมืองจะไม่รู้อย่างแน่นอน แต่ข้าราชการบางส่วนเปรียบเหมือนทาสในระบอบทักษิณรู้กันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะคิดว่าจะกลับมามีอำนาจอีก และคิดว่า คสช. กำลังจะหมดอำนาจจึงหมกเม็ดกระทำการดังกล่าว แต่เชื่อว่า คสช.คงไม่ทราบเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.มีเจตนาที่จะบริหารประเทศโดยไม่ยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดอยู่เหนือกฎหมาย คงไม่มีการแอบจับมือลับๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
“รมว.ต่างประเทศ ต้องเร่งรัดต่อเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีพาสปอร์ตกี่เล่มกันแน่ ในขณะที่ประชาชนทั่วไปมีเล่มเดียว หรือถ้าเป็นข้าราชการก็อาจมี 2 เล่ม ซึ่งเรื่องนี้มีการร้อง ป.ป.ช.ให้ดำเนินคดีต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ กรณีคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยผิดระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ และเร่งชี้มูลความผิด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร.ที่ไม่ยอมถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆ ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินชี้ว่า มีเหตุให้ถอดยศตามระเบียบของ สตช. ซึ่งผมไปให้ข้อมูลแล้วเชื่อว่า ป.ป.ช.คงจะชี้มูลในไม่ช้านี้ และถ้า พล.ต.อ.สมยศ ไม่ดำเนินการถอดยศก็จะไปยื่นต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินคดีต่อ พล.ต.อ.สมยศ ด้วย”
นายวัชระ ยังแถลงว่า มีการโค่นป่าสนสามใบเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณป่าต้นน้ำดอยห้วยปลาแต้บ จ.แม่ฮ่องสอน จำนวนมาก จนภูเขาเตียนเนื่องจากมีการตัดไม้ทำลายป่าในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา ทำให้มีการถางทำลายตัดเผาต้นสนสามใบ โดยภูเขาถูกทำลายเป็นลูกๆ จากบุคคลไม่ทราบสัญชาติ และคนที่เห็นแก่ตัว เพื่อนำไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และพืชไร่ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า การตัดไม้ทำลายป่าดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างมากในช่วงหลังรัฐประหาร
ทั้งนี้ จุดที่เผาไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ตนนำมาเปิดเผยนั้นเป็นคนละจุดกับที่เอ็นจีโอเคยออกมาระบุว่า มีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรไปสนับสนุนให้ชาวบ้านเผาป่าเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จนเป็นต้นเหตุของวิกฤตหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ
โดยนายวัชระ ได้นำภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นว่า มีการตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงการบากต้นสนอายุ 100 ปี มาแสดงต่อผู้สื่อข่าวด้วย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งที่เป็นเขตป่าสงวน จึงจะนำหลักฐาน เอกสาร ภาพถ่าย รวมทั้งกิ่งสนไปมอบให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในวันที่ท่านไปกระทรวง ตนไม่ทราบทำไมเกิดเหตุการณ์ที่สวนทางต่อการคืนผืนป่าด้วยการตัดไม้ทำลายป่าต้นสนสามใบนับพันไร่
นายวัชระ กล่าวว่า นอกจากนี้ ต้นสนขนาดใหญ่อายุนับร้อยปียังถูกบากโคนต้นเพื่อเอาน้ำมันสนและทำไม้เกี๊ยะซึ่งจำหน่ายได้กรัมละ 10 บาทเท่านั้นเพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงแลกกับต้นสนอายุนับร้อยปี โดยมีต้นสนอายุ 100 ปี 4 ต้นที่กำลังถูกทำลาย ทั้งๆ ที่โคนต้นยังมีจีวรผ้าเหลืองผูกอยู่ เพราะชาวบ้านทำการบวชเพื่ออนุรักษ์ต้นสนอายุร้อยปีดังกล่าวแต่ก็ไม่สำเร็จ หากยังปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ทำให้เป็นการทำลายป่าต้นน้ำที่อนุรักษ์มากว่า 20 ปี
นายวัชระ ยังเรียกร้องให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ ส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปควบคุมดูแลการตัดไม้ทำลายป่าที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ ที่กำลังถูกทำลายจากพลเมืองที่ไม่ระบุสัญชาติเพราะมีบุคคลที่ข้ามจากชายแดนมาอาศัยอยู่จำนวนมาก นอกจากตัดไม้ ทำลายป่าแล้วยังมียาเสพติดแพร่ระบาดทั้งยาบ้า และเฮโรอีน โดยมีการนำเครื่องจักรผลิตยาบ้าเข้าพื้นที่เมื่อไม่นานมานี้ถึง 3 เครื่อง จึงขอให้ช่วยตรวจสอบด้วย