เกาะกระแส
00 แม้นายกฯ และหัวหน้า คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพยายามย้ำอยู่เสมอว่า ตนเองไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ดูแลทุกสีเสื้อ แต่ถ้าใครทำผิดก็จับหมด ดำเนินการตามกฎหมายเหมือนกันหมด ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นคำพูดที่มีความหมายในเชิงยุทธศาสตร์ด้านการเมือง การปกครอง ทำให้เหมือนว่า ตัวเองลอยอยู่เหนือความขัดแย้ง ไม่ได้อยู่ฝ่ายใด ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย แต่ในความเป็นจริง จากสถานะความเป็นจริง มันก็มีเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่เป็น "คู่ขัดแย้ง" กับ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งนั่นก็คือ ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง และนักวิชาการแดง ที่เป็นแนวร่วมเฉพากิจ ขณะที่กลุ่มอื่น เช่น กปปส. หรือกลุ่มพันธมิตรฯเดิม แม้จะไม่ชอบเขา แต่ก็ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง ตราบใดที่ยังไม่มีปัญหาเรื่องโกง ใช้อำนาจมิชอบเลยเถิด เรื่องการเล่นพรรคเล่นพวกแบบน่าเกลียดจนยอมรับกันไม่ได้ คนพวกหลังจะไม่เคลื่อนไหวต่อต้านแบบเอาจริงเอาจัง ซึ่งเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. ก็คงเข้าใจดีอยู่แล้ว !!
00 แต่สำหรับ กลุ่มทักษิณ ชินวัตร ที่บอกว่าเป็นคู่ขัดแย้งกันโดยตรง เพราะเป็นกลุ่ม "ผลประโยชน์" ทั้งด้านการเมือง และด้านธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่า การเข้ามาของคสช. ย่อมกระทบเข้ากับผลประโยชน์ที่ว่านั้นจังเบอร์ กระเทือนกันเป็นลูกโซ่ไปจนถึงระดับปลายแถว แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการจับตามองมาตลอดว่าจะมีการ "ต่อสาย" กันหรือไม่ แต่นาทีนี้ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจน ในทางตรงกันข้ามกลับได้เห็นความเคลื่อนไหวในทางกลับกันมากขึ้น การติดตามและจับกุม "ผู้ก่อการร้าย" ถล่มศาลอาญาได้ยกแก๊ง การปิดทีวีช่องแดงฐานปลุกระดม การดำเนินคดีกับ "โบนันซ่า" ที่รุกป่าสงวนเขาใหญ่ ซึ่งเคยเป็นหนึ่งที่ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมของคนเสื้อแดง รวมไปถึงการประกบบรรดา"หัวโจก" แบบไม่ให้กระดิกมาอย่างต่อเนื่อง ก็ย่อมเห็นชัดเจนว่า มีแต่เครือข่ายของ ทักษิณ เท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหว ทั้งใต้ดิน และบนดิน แบบตอดเล็กตอดน้อย ให้ความเห็นในเชิงวิจารณ์ แบบ "หวังดีประสงค์ร้าย" แบบเนียนๆอยู่เรื่อย
00 คำยืนยันแบบประสานเสียงจากฝ่ายความมั่นคง ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. รวมไปถึง พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบ ย้ำตรงกันว่า ยังมีความเคลื่อนไหว "ต่อต้าน" มาตลอด และนี่คือเหตุผลหนักแน่นว่า ทำไมถึงยังต้องใช้ ม. 44 แล้วออกคำสั่ง คสช.ตามหลัง "คุมเข้ม" แบบไม่ให้กระดิกกันเลยทีเดียว
00 เมื่อพิจารณาจาก ช่วงเวลาตามฤดูกาล ตั้งแต่เดือนเมษาฯ-พฤษภาฯ มันก็พอนึกภาพออกว่ามัน "ซีเรียส" กันแค่ไหน ตัวอย่างแรกก็คือ การจัดงานรำลึก 5 ปี "สี่แยกคอกวัว" ในวันที่ 10 เม.ย. ซึ่ง เหวง โตจิราการ คนเสื้อแดง บอกว่าจะจัดงานแน่ ขณะเดียวกัน เมื่อไล่เรียงกันต่อเนื่องไปจนถึงเดือน พ.ค.ก็เป็นวันสำคัญ ที่รอจังหวะสร้างสัญญลักษณ์การเคลื่อนไหวป่วนได้ทุกเมื่อ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เครียดได้อย่างไร นอกจากนี้จากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คำรามเสียงเข้มไปถึง "พวกที่อยู่ต่างประเทศ" ให้ "หยุดเห่า" ทำร้ายประเทศกันเสียที แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อกันตรงๆ แต่รับรองว่างานนี้ต้องหมายถึงระดับตัวเป้งแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ ชินวัตร และระดับลิ่วล้อที่พอมีชื่อ เช่น จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ จักรภพ เพ็ญแข เป็นต้น คนพวกนี้ไม่เคยเงียบเลย
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องเป็นห่วงกันก็คือ กลัวว่าในภาวะที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ "ลุงตู่" เส้นเลือดในสมองแตกเสียก่อนหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนว่า "เก็บทุกเม็ด"ไม่ยอมให้คลาดสายตา แบบนี้แหละนี่แหละน่าห่วง และที่น่าปวดหัวก็คือ ภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ยังไม่ไปถึงไหน ยิ่งมาเจอเรื่องถูกลดมาตรฐานการบิน เรื่องถูกขึ้นบัญชีการ "ค้ามนุษย์" เข้ามาอีก ทุกอย่างมันช่างรุมเร้า และเชื่อว่าอีกไม่นาน คงจะได้เห็นการใช้ ม. 44 จัดการปฏิรูประบบราชการ ที่ยืดยาดกันตามมาอีกหลายเรื่องแน่นอน โดยเฉพาะอุปสรรคในการเบิกจ่ายงบประมาณ ที่จนบัดนี้ยังไม่ค่อยไปถึงไหน !!
