00 ยังใช้มุกเดิมๆ สำหรับคนในครอบครัว "ชินวัตร" ไล่มาตั้งแต่ "หัวโจกใหญ่" ทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องมาจนถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่พอเวลาถูกดำเนินคดีอาญา หรือคดีทุจริต ก็จะอ้างว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้ง ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน ทำราวกับว่าการเลือกตั้งเป็น"ใบเบิกทาง" ให้ทำอะไรก็ได้ อย่างไรก็ดี ในความหมายตามความเป็นจริง แน่นอนว่าการเลือกตั้งย่อมเป็นหนึ่งในหนทางตามระบอบประชาธิปไตย ในการเข้าสู่อำนาจทางการเมือง แต่นั่นไม่ใช่หมายความว่า เมื่อผ่านการเลือกตั้งเข้ามาแล้วจะสามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ ไม่อยากจะพูดว่าทำได้แม้กระทั่งออกนโยบายแบบ "มีวาระซ่อนเร้น" หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน
00 เพราะสิ่งที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยายามอธิบายเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองว่า ตัวเองมาจากการเลือกตั้ง และนโยบายรับจำนำข้าว ผ่านการเห็นชอบจากประชาชนโดยผ่านการเลือกตั้ง ดังนั้นเมื่อประชาชนเห็นชอบ เธอก็ไม่มีความผิด ไม่ต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งหากพิจารณาแบบพื้นๆ ก็อาจจะคล้อยตามได้บ้าง แต่หากตั้งสติพิจารณากันแบบมีเหตุมีผล ก็ต้องบอกว่านี่คือ "ตรรกะเพี้ยน" ที่มันคนละเรื่องกับการทุจริตทำผิดกม. และมั่นใจว่าไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนในโลกนี้ ที่เปิดทางให้ทำผิดกม. ผ่านการเลือกตั้งแน่นอน ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวล่าสุดของคนพวกนี้ ที่อ้างความชอบธรรมเรื่อง "มาจากการเลือกตั้ง" เป็นเพียงความพยายามเอาตัวรอด ขณะเดียวกัน ยังเป็นการใช้ประชาชนเป็นหลังพิง มองอีกมุมหนึ่ง ยังพยายามสื่อให้เข้าใจอีกว่า เมื่อตัวเองเป็นตัวแทนของประชาชน ถูกดำเนินคดีแบบนี้ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เหมือนกับตัวเองถูกกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรม ขณะเดียวกันยังพยายามกระทบชิ่งไปถึงรัฐบาล และคสช. ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในทำนองว่า ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงไม่มีความชอบธรรมที่จะมาสอบสวนตัวเธอ และรัฐบาลของเธอ !!
00 ดังนั้นสิ่งที่ต้องเคลียร์ให้เข้าใจกันก็คือ ประชาธิปไตย การเลือกตั้ง คนละเรื่องกับการทำผิดกม. หรือการทุจริต และการตรวจสอบ ขณะเดียวกันการดำเนินคดี ต้องเกิดขึ้นโดยไม่ยกเว้น เพียงแต่ว่าต้องดำเนินการไปตามกระบวนการ และปราศจากการแทรกแซง ซึ่งในที่สุดก็ต้องชี้ขาดโดยศาลยุติธรรมเท่านั้น
00 เมื่อดิ้นไม่หลุด ถูกจับกุมแบบคาหนังคาเขา จากกรณีลอบขว้างระเบิดใส่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ เป้าหมายก็เพื่อข่มขู่คุกคาม ถูกทหารที่ล่วงรู้ความเคลื่อนไหวมานาน ติดตามประกบถูกขยายผลจับกุมแบบยกแก๊ง เมื่อไปต่อไปไม่เป็นแบบนี้ก็ต้องใช้วิธีใหม่ นั่นคือกล่าวหาว่า "ถูกซ้อมถูกละเมิดสิทธิ์" เพื่อทำลายเครดิต โดยมีการวางแผนทำลาย รับลูกกันเป็นทอดๆ ทั้งพวกทนายความสิทธิมนุษยชนอะไรนั่น ทั้งที่ในความเป็นจริงเอาแต่ดูแลเฉพาะบางกลุ่มพวกพ้องตัวเอง เน้นเฉพาะคนเสื้อแดงเครือข่ายทักษิณทั้งสิ้น สื่อมวลชนพรรคพวกตัวเอง รวมไปถึงเครือข่ายต่างชาติ แต่ก็อย่างว่าในโลกยุคใหม่ที่หลายอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งสื่อในโลกโซเชียลฯ เมื่อมีฝ่ายทำลายก็ย่อมมีฝ่ายที่สนับสนุนเปิดโปง ล่าสุดทำท่าจะเจอดีเข้าแล้ว เมื่อทางโฆษก คสช. พ.อ.วินธัย สุวารี เตือนเสียงเข้มว่าให้ระวังปาก มีสิทธิ์ติดคุก ฐานละเมิดได้เหมือนกัน !!
00 เริ่มเดินเครื่องกันอย่างจริงจังมากขึ้นกว่าทุกครั้ง ล่าสุด รมว.ยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ในฐานะประธาน กก.ป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงฯได้ประชุมคณะกรรมการชุดดังกล่าวเป็นครั้งแรก มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 4 คณะ แบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งชี้แจงต่างชาติ การขอตัวมาดำเนินคดี การตรวจสอบภายใน เรียกว่าครบวงจรแบบจริงจัง กับพวกที่ทำลายความมั่นคง โดยเฉพาะพวก "หมิ่นสถาบัน" หรือแก๊งล้มเจ้าทั้งหลาย ในเบื้องต้นมีผู้ต้องหาที่ต้องติดตามมาทั้งหมด 31 คน ตัวแสบๆ ก็ล้วนพวกหน้าเดิมที่ลอยนวลเหิมเกริมมาตั้งแต่รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่น จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ จักรภพ เพ็ญแข สุนัย จุลพงศธร เป็นต้น !!
00 เพราะสิ่งที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยายามอธิบายเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองว่า ตัวเองมาจากการเลือกตั้ง และนโยบายรับจำนำข้าว ผ่านการเห็นชอบจากประชาชนโดยผ่านการเลือกตั้ง ดังนั้นเมื่อประชาชนเห็นชอบ เธอก็ไม่มีความผิด ไม่ต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งหากพิจารณาแบบพื้นๆ ก็อาจจะคล้อยตามได้บ้าง แต่หากตั้งสติพิจารณากันแบบมีเหตุมีผล ก็ต้องบอกว่านี่คือ "ตรรกะเพี้ยน" ที่มันคนละเรื่องกับการทุจริตทำผิดกม. และมั่นใจว่าไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนในโลกนี้ ที่เปิดทางให้ทำผิดกม. ผ่านการเลือกตั้งแน่นอน ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวล่าสุดของคนพวกนี้ ที่อ้างความชอบธรรมเรื่อง "มาจากการเลือกตั้ง" เป็นเพียงความพยายามเอาตัวรอด ขณะเดียวกัน ยังเป็นการใช้ประชาชนเป็นหลังพิง มองอีกมุมหนึ่ง ยังพยายามสื่อให้เข้าใจอีกว่า เมื่อตัวเองเป็นตัวแทนของประชาชน ถูกดำเนินคดีแบบนี้ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เหมือนกับตัวเองถูกกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรม ขณะเดียวกันยังพยายามกระทบชิ่งไปถึงรัฐบาล และคสช. ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในทำนองว่า ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงไม่มีความชอบธรรมที่จะมาสอบสวนตัวเธอ และรัฐบาลของเธอ !!
00 ดังนั้นสิ่งที่ต้องเคลียร์ให้เข้าใจกันก็คือ ประชาธิปไตย การเลือกตั้ง คนละเรื่องกับการทำผิดกม. หรือการทุจริต และการตรวจสอบ ขณะเดียวกันการดำเนินคดี ต้องเกิดขึ้นโดยไม่ยกเว้น เพียงแต่ว่าต้องดำเนินการไปตามกระบวนการ และปราศจากการแทรกแซง ซึ่งในที่สุดก็ต้องชี้ขาดโดยศาลยุติธรรมเท่านั้น
00 เมื่อดิ้นไม่หลุด ถูกจับกุมแบบคาหนังคาเขา จากกรณีลอบขว้างระเบิดใส่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ เป้าหมายก็เพื่อข่มขู่คุกคาม ถูกทหารที่ล่วงรู้ความเคลื่อนไหวมานาน ติดตามประกบถูกขยายผลจับกุมแบบยกแก๊ง เมื่อไปต่อไปไม่เป็นแบบนี้ก็ต้องใช้วิธีใหม่ นั่นคือกล่าวหาว่า "ถูกซ้อมถูกละเมิดสิทธิ์" เพื่อทำลายเครดิต โดยมีการวางแผนทำลาย รับลูกกันเป็นทอดๆ ทั้งพวกทนายความสิทธิมนุษยชนอะไรนั่น ทั้งที่ในความเป็นจริงเอาแต่ดูแลเฉพาะบางกลุ่มพวกพ้องตัวเอง เน้นเฉพาะคนเสื้อแดงเครือข่ายทักษิณทั้งสิ้น สื่อมวลชนพรรคพวกตัวเอง รวมไปถึงเครือข่ายต่างชาติ แต่ก็อย่างว่าในโลกยุคใหม่ที่หลายอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งสื่อในโลกโซเชียลฯ เมื่อมีฝ่ายทำลายก็ย่อมมีฝ่ายที่สนับสนุนเปิดโปง ล่าสุดทำท่าจะเจอดีเข้าแล้ว เมื่อทางโฆษก คสช. พ.อ.วินธัย สุวารี เตือนเสียงเข้มว่าให้ระวังปาก มีสิทธิ์ติดคุก ฐานละเมิดได้เหมือนกัน !!
00 เริ่มเดินเครื่องกันอย่างจริงจังมากขึ้นกว่าทุกครั้ง ล่าสุด รมว.ยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ในฐานะประธาน กก.ป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงฯได้ประชุมคณะกรรมการชุดดังกล่าวเป็นครั้งแรก มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 4 คณะ แบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งชี้แจงต่างชาติ การขอตัวมาดำเนินคดี การตรวจสอบภายใน เรียกว่าครบวงจรแบบจริงจัง กับพวกที่ทำลายความมั่นคง โดยเฉพาะพวก "หมิ่นสถาบัน" หรือแก๊งล้มเจ้าทั้งหลาย ในเบื้องต้นมีผู้ต้องหาที่ต้องติดตามมาทั้งหมด 31 คน ตัวแสบๆ ก็ล้วนพวกหน้าเดิมที่ลอยนวลเหิมเกริมมาตั้งแต่รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่น จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ จักรภพ เพ็ญแข สุนัย จุลพงศธร เป็นต้น !!
