xs
xsm
sm
md
lg

ไล่ล่าจารุพงศ์ -จักรภพ-อั๊ม แก๊งล้มเจ้า ยธ.ประสานอัยการต่างประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“บิ๊กต๊อก” นัดประชุมใหญ่คดีมั่นคงนัดแรก เร่งจับผู้ต้องหากระทำผิดตาม ม. 112 ออกหมายจับแล้ว 30 ราย ทั้ง “ตั้ง อาชีวะ” หลบหนีที่นิวซีแลนด์ “โรส” หรือ น.ส.ฉัตรวดี อยู่อังกฤษ “จารุพงศ์ - จักรภพ - อั๊ม เนโกะ” กบดานประเทศแถบยุโรป ประสานอัยการศาลยุติธรรมก่อนมอบหมาย กต.รับไม้ต่อ ส่วน “อเนก ซานฟราน” ใช้วิธีเจราจาทางการทูตเพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายร้ามแดน ผบ.ตร.เผยเร่งล่าตัวการคดีบึ้มศาลอาญา ย้ำหลักฐานสาวถึงใครจับหมด

ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ครั้งที่ 1 โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าร่วมด้วย อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ICT) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าที่คดีความมั่นคงและหมายจับผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบัน

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า วันนี้ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายในคดีที่เกี่ยวข้องกับปัญหาคดีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ประกอบด้วย 4 คณะ ได้แก่ 1. คณะอนุกรรมการการประสานสร้างความเข้าใจ และความมือต่างประเทศ 2. คณะอนุกรรมการการดำเนินการป้องกันทางเทคโนโลยีสารสนเทศ 3.คณะอนุกรรมการการบูรณาการสืบสวน ปราบปราม จับกุมผู้กระทำผิด และ4.คณะอนุกรรมการด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

“วันนี้ได้กำหนดบทบาทหน้าที่และสรุปงาน โดยให้ดีเอสไอสรุปภาพรวมทั้งหมด พร้อมกับสั่งงานเพิ่มเติมเพื่อดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ในส่วนการป้องกันของกระทรวงไอซีทีที่มีการให้ลงทะเบียนหมายเลขชิมโทรศัพท์มือถือนั้นถือว่าช่วยงานสืบสวนปราบปรามได้มากขึ้น เพราะระบบการสืบสวนยังติดขัดตรงนี้ เพื่อจะได้เชื่อมโยงติดตามการใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัยได้” รมว.ยุติธรรม กล่าว

นอกจากนี้ จะให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงไอซีทีสรุปแบ่งกลุ่มการทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายต่างประเทศได้ดำเนินการติดตามตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงจำนวน 31 คน โดยมีการออกหมายจับแล้ว 30 คน และอยู่ระหว่างเตรียมออกหมายจับ 1 คน รวมถึงบุคคลที่หลบหนีไปอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านและยุโรป อีกประมาณ 7 - 8 ประเทศ

รมว.ยธ. กล่าวอีกว่า ขณะนี้ มีการประสานอัยการศาลยุติธรรมเพื่อขอความร่วมมือ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี หลังจากนี้เมื่อแยกกลุ่มเสร็จแล้วก็จะให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการติดตามต่อไป โดยความยากง่ายในแต่ละเทศก็จะแตกต่างกัน เช่น ประเทศเพื่อนบ้าน ยุโรป อเมริกา และ นิวซีแลนด์

“แน่นอนว่า เราต้องการตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี แต่สังคมก็รู้ว่าการติดตาม หรือการแลกเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาตามกฎหมายไม่เหมือนกัน ดังนั้น บทบาทของกระทรวงต่างประเทศคือการสร้างความเข้าใจ เช่น ในกรณีของประเทศนิวซีแลนด์ วันนี้เป็นการแบ่งงานให้เจนโดยในเดือนหน้าจะมีการประชุมเพื่อสรุป” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับกรณี นายอเนก ซานฟราน ผู้บงการก่อเหตุขว้างระเบิดที่หน้าศาลอาญารัชดา ก็เป็นบุคคลที่อยู่ในบัญชีรายชื่อในกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับ 30 คน ของหน่วยงานความมั่นคงด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะมีการดำเนินการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่ไปละเมิดกฎหมายของประเทศอื่น แต่จะค่อยๆทำไป ซึ่งเราจะต้องสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศให้ชัดเจนว่ากฎหมายเราคืออะไร เพราะการพูดอย่างเป็นทางการเหมือนที่เคยพูดกับประเทศนิวซีแลนด์ยังไม่ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมไม่แจ้งข้อหาก่อการร้ายกับผู้ต้องหาที่ออกหมายจับ 30 คน เพื่อง่ายต่อการติดตามตัวมาดำเนินคดี
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องดูว่าผู้ต้องหาแต่ละคนมีความเชื่อมโยงกับคดีอื่นๆ อีกหรือไม่ ซึ่งก็เป็นแนวทางหนึ่งที่กำลังพิจารณาอยู่ เนื่องจากคดีก่อการร้ายเป็นคดีสากลอาจจะทำให้ได้รับความมือจากประเทศไทยง่ายขึ้น โดยเฉพาะในประเทศแถบยุโรป

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรายชื่อบุคคลที่เข้าข่ายอยู่ในบัญชี 30 คน ที่ถูกออกหมายจับในคดีหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 ที่เคลื่อนไหวและหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ได้แก่ 1. ตั้ง อาชีวะ หรือ นายเอกภพ เหลือรา ที่ล่าสุด พบว่า ได้รับการช่วยเหลือจาก UNHCR ให้ไปพำนักอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ 2. “โรส” หรือ น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ ที่หลบหนีในอังกฤษ ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า หลบหนีมายังประเทศแถบทวีปอเมริกา 3. “โกตี๋” หรือ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำคนเสื้อแดง ที่กระแสข่าวระบุว่า พำนักอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน 4. “อั๊ม เนโกะ” หรือ นายศรันย์ ฉุยฉาย คาดว่า พำนักอยู่ในประเทศแถบยุโรป 5. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ล่าสุด ได้สถาปนาตัวเองเป็นเลขาธิการองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย คาดว่า พำนักอยู่ในประเทศแถบยุโรป 6. นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเลขานุการบริหารองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย คาดว่าพำนักอยู่ในประเทศแถบยุโรป

7. นายสุนัย จุลพงศธร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย คาดว่าพำนักอยู่ในประเทศแถบยุโรป 8. นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน อดีตผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชนคนรักทักษิณ อยู่ระหว่างหลบหนี คาดว่า อยู่ในประเทศแถบยุโรป 9. นายใจลส์ใจ อึ้งภากรณ์ ผู้หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปยังประเทศอังกฤษ 10. นางมนัญชยา เกตุแก้ว ที่ได้หลบหนีไปต่างประเทศกรณีทำเอกสารและแผ่นซีดีเข้าข่ายปลุกระดมหมิ่นสถาบัน 11. นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ อดีตนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิแรงงาน ล่าสุด มีกระแสเคลื่อนไหวอยู่ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย 12. นายจุติเทพ (เลอพงษ์) วิไชยคำมาตย์ หรือ โจ กอร์ดอน คาดว่า พำนักอยู่ในสหรัฐฯ 13. บุคคลใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “หน่วยงานลับ แดงใต้ดิน” เป็นการรวมพลคนหมิ่นสถาบัน 14. นายพิษณุ พรหมสร หรือ แอนตี้ จัดรายการวิทยุกับนายชูพงษ์ คาดว่า จะหลบหนีอยู่กับนายชูพงษ์ 15. นายเนติ วิเชียรแสน 16. นายองอาจ ธนกมลนันท์ 17. นายอำนวย แก้วชมภู หรือ วู้ดไซด์ นิวยอร์ก ก่อนหน้านี้ มีผู้นำคลิปมาอ้างว่าเสียชีวิตแล้ว

18. นายมนูญ “เอนก” ชัยชนะ นักธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวในซานฟรานซิสโก แกนนำสำคัญของชาวเสื้อแดงในอเมริกา 19. นายเสน่ห์ ถิ่นแสน หรือ “เพียงดิน” เคยเป็นอาจารย์สอนอยู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีข่าวว่าหนีใช้หนี้ทุนมหาวิทยาลัยไปอยู่รัฐอินเดียนา สหรัฐฯ 20. นายภิเษก สนิทธางกูร หรือนามแฝง “ครอบครัวมาเฟีย” ที่ถูกผู้ใช้เว็บบอร์ดพันทิปโต๊ะเฉลิมไทย แจ้งจับในมาตรา 112 เมื่อปี 2550 อยู่ระหว่างหลบหนี 22. นายสันติ วงศ์ไพบูลย์ 23. นางณหทัย ตัญญะ หรือ พ.ต.อ.หญิง ณหทัย ตัญญะ อดีตอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ

***"สมยศ" ย้ำบึ้มศาลโยงถึงใครจับหมด

ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหาคดีขว้างระเบิดใส่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างประสานขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายมนูญ ชัยชนะ หรือนายเอนก ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน โดยตามขั้นตอนนั้นเมื่อทางตำรวจสรุปสำนวนส่งให้อัยการ และทางอัยการมีคำสั่งฟ้องแล้ว ก็จะขอศาลอนุมัติหมายจับ จากนั้นก็จะส่งเรื่องไปยัง กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะส่งเรื่องไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อทำหนังสือไปยังประเทศที่สงสัยผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่านายเอนก ยังคงหลบหนีอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่หากในวันข้างหน้านายอเนกได้หลบหนีไปยังประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็คงไม่สามารถดำเนินการได้

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายวีระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่พัทยา ผู้ต้องหาอีกรายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตัวมา แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่านายวีระศักดิ์ พักอยู่ที่ใด ส่วนเครือข่ายของผู้ต้องหากลุ่มนี้จะมีมากกว่า 20 คนหรือจะมีการขอออกหมายจับใครเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานรวมถึงคำให้การของผู้ต้องหา ถ้าหากหลักฐานพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงถึงใครบ้างก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะพนักงานสอบสวนไม่มีสิทธิยกเว้นหรือไม่ดำเนินการกับคนใดคนหนึ่งไม่เช่นนั้นจะถือว่าผิดกฎหมายฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อย่างไรก็ตามในการทำสำนวนทางพนักงานสอบสวนจะไม่เร่งรีบเพราะสำนวนจะต้องมีความสมบูรณ์ครบถ้วนมากที่สุด ไม่เช่นนั้นถ้าส่งไปถึงอัยการแล้วทางอัยการตีกลับสำนวนให้ไปสอบสวนเพิ่มเติม ก็จะยิ่งทำให้กระบวนการล่าช้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงกรณี ด.ต.สุพรรณ ขำนิจ ผบ.หมู่ สถ.หนองขาม จ.ชลบุรี ใช้อาวุธปืนยิง นายนเรศ โรจน์บุญส่งศรี อายุุ 40 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ฝ่าด่านตรวจ บริเวณสะพานห้วยเล็ก หมู่ที่ 11 ต.หนองขา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จนเสียชีวิต ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานและขั้นตอนของกฎหมาย หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะต้องว่าไปตามความผิด ไม่มีการปกป้องใคร โดยเบื้องต้นทางผู้บังคับบัญชาของได้ดำเนินคดีแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ ด.ต.สุพรรณ ออกจากราชการไว้ก่อน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและพยานหลักฐาน ไม่มีการปกป้องลูกน้อง ส่วนกรณีที่ตำรวจใช้อาวุธปืนอาจจะดูว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุซึ่งตนก็ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยเบื้องต้นตนได้ออกคำสั่งให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยไปทบทวนการฝึกยุทธวิธีในการใช้อาวุธ ซึ่งเชื่อว่าหากมีการฝึกฝนบ่อยๆก็จะเกิดความชำนาญและสามารถตัดสินใจในการแก้ปัญหาได้ดีมากยิ่งขึ้น

*** กองทัพ ยันปกป้องสิทธิพื้นฐาน

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์ชี้แจงการร้องเรียนการทรมานคดีผู้ต้องหาปาระเบิดศาลอาญา รัชดาฯโดยระบุว่าการที่รัฐว่าจะดำเนินคดีกลับต่อผู้ร้องเรียนจะทำให้ผู้ต้องหายิ่งหวาดกลัวไม่กล้าดำเนินการทางกฎหมายว่า เป็นเพียงมุมมองส่วนบุคคลที่มีแนวโน้มเป็นลบในเชิงหวาดระแวงเกินไป ทั้งนี้เชื่อว่าบุคคลหนึ่งบุคคลใด ถ้าคิดว่าตนเองถูกกระทำหรือถูกละเมิด โดยมีข้อมูลยืนยันข้อพิสูจน์ที่สมบูรณ์แล้วคงสามารถร้องได้ตามสิทธิในช่องทางที่กฎหมายกำหนด แต่ถ้ายังไม่ชัดเจนก็เป็นธรรมดาที่ผู้ร้องหรือผู้เกี่ยวข้องจะต้องระมัดระวังโดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อมูลออกไปก่อน ในขณะที่ยังไม่มีความชัดเจน แล้วไปมีผลกระทบสร้างความเสียหายให้บุคคลหรือองค์กรที่ถูกพาดพิง อย่างไรก็ตามกองทัพยืนยันว่าไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทางภาครัฐเองก็จำเป็นต้องได้รับการปกป้องเช่นกัน

**กสม.สอบปม จนท.ซ้อมผู้ต้องหา

น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึง กรณีที่มีหลายองค์กรร้องเรียนไปยัง กสม. ประเด็นเจ้าที่รัฐซ้อมทรมานผู้ต้องหา คดีลอบวางระเบิดที่ศาลอาญาว่า มีหลายองค์กรร้องเรียนมา กรณีที่ผู้ต้องหาถูกซ้อมทรมาน ดังนั้นในวันพุธที่ 25 มี.ค.นี้ คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านพลเมือง และสิทธิทางการเมือง จะเดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าเป็นอย่างไร โดยจะมีการเชิญเจ้าหน้าที่รัฐมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงว่า มีการใช้ความรุนแรง มีการซ้อมทรมาน ทำร้ายร่างกายจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวถือว่าเป็นคนละประเด็นกับคดีลอบวางระเบิดศาลอาญา ที่เป็นไปตามกระบวนการของศาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน.
กำลังโหลดความคิดเห็น