ASTV ผู้จัดการรายวัน-นายกฯ ล้อมวงโซ้ยส้มตำปลาร้ากับสื่อทำเนียบ ยันยังไม่ปรับ ครม.เศรษฐกิจ ป้อง "หม่อมอุ๋ย" ทำงานดี ระบุแก้เศรษฐกิจถูกต้องตามหลักการ แต่ระดับจุลภาคยังมีปัญหา ออกตัวทุกคนต้องช่วยกัน เพราะต่อให้มีร้อยประยุทธ์ก็แก้ไม่ได้ "ประสาร"ปัดจ่อนั่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ "พิชัย" แนะรัฐบาลอย่าหลอกตัวเอง ต้องยอมรับปัญหา พร้อมแก้ให้ถูกทาง ก่อนฝาก 5 คำถามให้ตอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.15 น. วานนี้ (28 พ.ค.) ที่บริเวณห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 1 (รังนกกระจอก 1) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดขึ้น
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึง ได้แวะทักทายและให้คำแนะนำซุ้มอาหารต่างๆ ที่มาออกร้าน โดยเฉพาะร้านไก่ย่างส้มตำเขาสวนกวาง โดยได้แนะนำให้ดัดแปลงรูปแบบและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ผู้บริโภคมีทางเลือก อย่าใช้มะละกอเพียงอย่างเดียว และนายกฯ ยังได้เซ็นชื่อของตัวเอง เพื่อแสดงว่าได้เข้าร่วมงานครั้งนี้เช่นเดียวกับสื่อมวลชน และเขียนต่อท้ายลายเซ็นตัวเองด้วยว่า "ลูกน้องนักข่าว/ขอใจเธอ" และเมื่อมาถึงโต๊ะรับประทานอาหาร พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอให้นำส้มตำปูปลาร้ามาให้ โดยบอกว่า เป็นลูกอีสานเหมือนกัน
*** โว “หม่อมอุ๋ย” ยังทำงานดี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนทีมเศรษฐกิจ ที่จะมีการดึงนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจว่า เอาข่าวมาจากไหน สื่อไปตั้งกันเอาเอง ไหนบอกมาสิว่าไม่ดีตรงไหน ตอนนี้เศรษฐกิจก็ทำงาน กำลังเดินไปได้ และรัฐมนตรีก็ทำงานตามนโยบายที่ตนให้ไป รวมทั้งต้องทำตามมติ ครม.ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ยังทำงานได้ดีอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ ถามกลับว่า ท่านเป็นอย่างไรหรือ พูดมาสิ ท่านเป็นอย่างไร แก้เศรษฐกิจไม่ได้หรืออย่างไร ตอนนี้ยังเดินหน้าอยู่ บางอย่างก็ไม่สามารถแก้ได้ด้วยความรวดเร็ว ตนถามนักเศรษฐศาสตร์ทุกคน แม้กระทั่งนายประสาร ก็บอกว่าหลักการทุกอย่างถูกต้องหมดแล้ว แต่มันเป็นปัญหาในเชิงจุลภาค ในเมื่อข้างบนไม่เข้มแข็งก็ต้องแก้ข้างบน ทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และภาคส่งออก ที่เดิมอาจจะมีโครงสร้างไม่ชัดเจนแยกกันทำ และถ้ารัฐบาลไม่เอาใจใส่ไม่บูรณาการก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ จึงต้องทำโครงสร้างให้เข้มแข็ง ใช้เวลาปีเดียวคงไม่พอ
“ผมก็ได้คุยกับ คุณประสาร ท่านก็บอกว่า ปัญหาเศรษฐกิจมีในระดับจุลภาค คือ เศรษฐกิจในระดับล่างไม่เข้มแข็ง อาจมีเสียงโวยวายอยู่บ้าง คือ พวกที่ไม่แข็งแรงไม่มีความพร้อม แต่อยากได้ บางส่วนที่ได้รับแล้ว ก็มีความพอใจ อย่าไปคิดว่าใครคนหนึ่งจะแก้ปัญหาได้ ต่อให้มีผมมีสักร้อยประยุทธ์ก็แก้ไม่ได้ ถ้าไม่มีคนช่วยก็แก้ปัญหา มีสักร้อยปรีดิยาธร ต่อให้ร้อยประวิตรก็แก้ไม่ได้ มันต้องทำเป็นทีมและพวกเราก็จะสร้างความเข้าใจ บ้านเมืองจะไปด้วยรัฐบาล ด้วยนักการเมือง อย่างเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องช่วยกัน” นายกฯ กล่าว
** “ประสาร” ปัดมีชื่อเสียบ ครม.
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวยืนยันว่า ยังไม่มีใครมาทาบทามให้เข้าไปทำงานในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล หมดวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.แล้ว
ส่วนประเด็นที่มีการเสนอให้ภาครัฐจะออกกฎหมายพิเศษ เพื่อล้างหน้าเก่าของรัฐบาล 7.2 แสนล้านบาทนั้น นายประสาร กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นการออกพันธบัตรให้ยาวขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมองว่าไม่กระทบสภาพคล่องระบบการเงิน เพราะเป็นการยืดหนี้ให้ยาวขึ้นมากกว่า ขณะที่บางส่วนจะมีการขายหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ ซึ่งเรื่องนี้ทางคลังกำลังศึกษารายละเอียดอยู่ อย่างไรก็ตาม การถือหุ้นของภาครัฐช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุงระบบกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพมากกว่า
** “พิชัย” ซัดรัฐบาลหลอกตัวเอง
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลายปัจจัยสะท้อนว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีแต่ทรงกับทรุด ซึ่งเป็นไปตามที่ตนได้เคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งตัวเลขการส่งออกของไทยที่ติดลบต่อเนื่อง เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นด้านอุตสาหกรรมก็ตกต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน จึงอยากให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลรับสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ เพื่อแก้ไขได้อย่างถูกวิธี
ทั้งนี้ การที่ ม.ร.ว ปรีดิยาธร ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจฟื้นจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพิ่มขึ้น แต่กรมสรรพากรกลับบอกว่าจะเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าถึง 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการขัดแย้งกันอย่างชัดเจน หรือการที่บอกว่าเศรษฐกิจฟื้นจากเจริญเติบโตในไตรมาสแรกที่ 3% ทั้งๆ ที่โตมาจากฐานเดิมของปีที่แล้วที่ติดลบสะสมอยู่ ขณะที่ภาคแรงงานต่างเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
"อยากให้รับสภาพความเป็นจริงและเร่งแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี ซึ่งหากมองไม่เห็นสภาพนี้ ก็ควรจะมีการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจใหม่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น" นายพิชัยกล่าว
** ฝาก 5 คำถามถึงทีมเศรษฐกิจ
นายพิชัย กล่าวต่อว่า อยากฝาก 5 คำถามไปยังรัฐบาลและทีมเศรษฐกิจให้ช่วยตอบ 1.การที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว จึงไม่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่กำลังลำบากมาก เช่น เกษตรกรที่ประสพปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ พวกเขาจะอยู่กันอย่างไร 2.การที่กระทรวงคมนาคมมีแผนงานการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน แต่ทีมเศรษฐกิจกลับบอกว่าไม่มีเงิน ทั้งๆ ที่มีเงินล้นระบบธนาคารอยู่ในปัจจุบันถึง 8-9 แสนล้านบาท แสดงถึงความไม่มีประสิทธิภาพในวิธีคิดของทีมเศรษฐกิจหรือไม่ 3.การขยายโรดแมปในการเลือกตั้งออกไปอีกจะมีผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศหรือไม่ จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจฟื้นช้าหรือทรุดตัวอีกหรือเปล่า 4.การที่ประธานกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญออกมาบอกว่า รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาให้อำนาจแก่ประชาชนทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น จะนำไปสู่ปัญหาความเชื่อมั่นเพิ่มเติมหรือไม่ และ 5.ทิศทางอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร การสร้างความเชื่อมั่น การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจะเป็นอย่างไร เพราะเห็นแต่ได้ยินว่าฟื้นหรือไม่ฟื้นแต่ยังไม่เห็นบอกว่าอนาคตจะพัฒนาอย่างมั่นคงต่อไปได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.15 น. วานนี้ (28 พ.ค.) ที่บริเวณห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 1 (รังนกกระจอก 1) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดขึ้น
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึง ได้แวะทักทายและให้คำแนะนำซุ้มอาหารต่างๆ ที่มาออกร้าน โดยเฉพาะร้านไก่ย่างส้มตำเขาสวนกวาง โดยได้แนะนำให้ดัดแปลงรูปแบบและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ผู้บริโภคมีทางเลือก อย่าใช้มะละกอเพียงอย่างเดียว และนายกฯ ยังได้เซ็นชื่อของตัวเอง เพื่อแสดงว่าได้เข้าร่วมงานครั้งนี้เช่นเดียวกับสื่อมวลชน และเขียนต่อท้ายลายเซ็นตัวเองด้วยว่า "ลูกน้องนักข่าว/ขอใจเธอ" และเมื่อมาถึงโต๊ะรับประทานอาหาร พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอให้นำส้มตำปูปลาร้ามาให้ โดยบอกว่า เป็นลูกอีสานเหมือนกัน
*** โว “หม่อมอุ๋ย” ยังทำงานดี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนทีมเศรษฐกิจ ที่จะมีการดึงนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจว่า เอาข่าวมาจากไหน สื่อไปตั้งกันเอาเอง ไหนบอกมาสิว่าไม่ดีตรงไหน ตอนนี้เศรษฐกิจก็ทำงาน กำลังเดินไปได้ และรัฐมนตรีก็ทำงานตามนโยบายที่ตนให้ไป รวมทั้งต้องทำตามมติ ครม.ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ยังทำงานได้ดีอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ ถามกลับว่า ท่านเป็นอย่างไรหรือ พูดมาสิ ท่านเป็นอย่างไร แก้เศรษฐกิจไม่ได้หรืออย่างไร ตอนนี้ยังเดินหน้าอยู่ บางอย่างก็ไม่สามารถแก้ได้ด้วยความรวดเร็ว ตนถามนักเศรษฐศาสตร์ทุกคน แม้กระทั่งนายประสาร ก็บอกว่าหลักการทุกอย่างถูกต้องหมดแล้ว แต่มันเป็นปัญหาในเชิงจุลภาค ในเมื่อข้างบนไม่เข้มแข็งก็ต้องแก้ข้างบน ทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และภาคส่งออก ที่เดิมอาจจะมีโครงสร้างไม่ชัดเจนแยกกันทำ และถ้ารัฐบาลไม่เอาใจใส่ไม่บูรณาการก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ จึงต้องทำโครงสร้างให้เข้มแข็ง ใช้เวลาปีเดียวคงไม่พอ
“ผมก็ได้คุยกับ คุณประสาร ท่านก็บอกว่า ปัญหาเศรษฐกิจมีในระดับจุลภาค คือ เศรษฐกิจในระดับล่างไม่เข้มแข็ง อาจมีเสียงโวยวายอยู่บ้าง คือ พวกที่ไม่แข็งแรงไม่มีความพร้อม แต่อยากได้ บางส่วนที่ได้รับแล้ว ก็มีความพอใจ อย่าไปคิดว่าใครคนหนึ่งจะแก้ปัญหาได้ ต่อให้มีผมมีสักร้อยประยุทธ์ก็แก้ไม่ได้ ถ้าไม่มีคนช่วยก็แก้ปัญหา มีสักร้อยปรีดิยาธร ต่อให้ร้อยประวิตรก็แก้ไม่ได้ มันต้องทำเป็นทีมและพวกเราก็จะสร้างความเข้าใจ บ้านเมืองจะไปด้วยรัฐบาล ด้วยนักการเมือง อย่างเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องช่วยกัน” นายกฯ กล่าว
** “ประสาร” ปัดมีชื่อเสียบ ครม.
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวยืนยันว่า ยังไม่มีใครมาทาบทามให้เข้าไปทำงานในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล หมดวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.แล้ว
ส่วนประเด็นที่มีการเสนอให้ภาครัฐจะออกกฎหมายพิเศษ เพื่อล้างหน้าเก่าของรัฐบาล 7.2 แสนล้านบาทนั้น นายประสาร กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นการออกพันธบัตรให้ยาวขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมองว่าไม่กระทบสภาพคล่องระบบการเงิน เพราะเป็นการยืดหนี้ให้ยาวขึ้นมากกว่า ขณะที่บางส่วนจะมีการขายหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ ซึ่งเรื่องนี้ทางคลังกำลังศึกษารายละเอียดอยู่ อย่างไรก็ตาม การถือหุ้นของภาครัฐช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุงระบบกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพมากกว่า
** “พิชัย” ซัดรัฐบาลหลอกตัวเอง
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลายปัจจัยสะท้อนว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีแต่ทรงกับทรุด ซึ่งเป็นไปตามที่ตนได้เคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งตัวเลขการส่งออกของไทยที่ติดลบต่อเนื่อง เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นด้านอุตสาหกรรมก็ตกต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน จึงอยากให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลรับสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ เพื่อแก้ไขได้อย่างถูกวิธี
ทั้งนี้ การที่ ม.ร.ว ปรีดิยาธร ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจฟื้นจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพิ่มขึ้น แต่กรมสรรพากรกลับบอกว่าจะเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าถึง 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการขัดแย้งกันอย่างชัดเจน หรือการที่บอกว่าเศรษฐกิจฟื้นจากเจริญเติบโตในไตรมาสแรกที่ 3% ทั้งๆ ที่โตมาจากฐานเดิมของปีที่แล้วที่ติดลบสะสมอยู่ ขณะที่ภาคแรงงานต่างเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
"อยากให้รับสภาพความเป็นจริงและเร่งแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี ซึ่งหากมองไม่เห็นสภาพนี้ ก็ควรจะมีการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจใหม่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น" นายพิชัยกล่าว
** ฝาก 5 คำถามถึงทีมเศรษฐกิจ
นายพิชัย กล่าวต่อว่า อยากฝาก 5 คำถามไปยังรัฐบาลและทีมเศรษฐกิจให้ช่วยตอบ 1.การที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว จึงไม่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่กำลังลำบากมาก เช่น เกษตรกรที่ประสพปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ พวกเขาจะอยู่กันอย่างไร 2.การที่กระทรวงคมนาคมมีแผนงานการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน แต่ทีมเศรษฐกิจกลับบอกว่าไม่มีเงิน ทั้งๆ ที่มีเงินล้นระบบธนาคารอยู่ในปัจจุบันถึง 8-9 แสนล้านบาท แสดงถึงความไม่มีประสิทธิภาพในวิธีคิดของทีมเศรษฐกิจหรือไม่ 3.การขยายโรดแมปในการเลือกตั้งออกไปอีกจะมีผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศหรือไม่ จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจฟื้นช้าหรือทรุดตัวอีกหรือเปล่า 4.การที่ประธานกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญออกมาบอกว่า รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาให้อำนาจแก่ประชาชนทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น จะนำไปสู่ปัญหาความเชื่อมั่นเพิ่มเติมหรือไม่ และ 5.ทิศทางอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร การสร้างความเชื่อมั่น การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจะเป็นอย่างไร เพราะเห็นแต่ได้ยินว่าฟื้นหรือไม่ฟื้นแต่ยังไม่เห็นบอกว่าอนาคตจะพัฒนาอย่างมั่นคงต่อไปได้อย่างไร