นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันว่า จากผลสำรวจของประชาชนพบว่า 74.1% มองว่า เศรษฐกิจไทยตอนนี้มีแต่ทรงกับทรุด ซึ่งเป็นไปตามที่ตนได้เคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้ จากทั้งตัวเลขการส่งออกของไทยที่ติดลบเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมก็ตกต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน
ดังนั้น จึงอยากให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลรับสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ เพื่อแก้ไขได้อย่างถูกวิธี การที่ ม.ร.ว ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ออกมาบอกว่า เศรษฐกิจฟื้นจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพิ่มขึ้น แต่กรมสรรพากรกลับบอกว่า จะเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าถึง 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการขัดแย้งกันอย่างชัดเจน หรือการที่บอกว่า เศรษฐกิจฟื้นจากเจริญเติบโตในไตรมาสแรก ที่ 3 % ทั้งๆ ที่โตมาจากฐานเดิมของปีที่แล้ว ที่ติดลบ แถมยังมีการเปลี่ยนวิธีการคำนวณใหม่ ซึ่งนักวิชาการยังสงสัย เพราะในไตรมาสแรกนี้ การส่งออกลดลงถึง - 4.65% และหากได้ สอบถามประชาชนจะพบว่า ยังลำบากมาก ชาวนาขายข้าวไม่ได้ราคา ชาวสวนยาง และสวนปาล์ม ต้องขาดทุนป่นปี้ ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูก แรงงานก็รายได้ลดเพราะขาดรายได้จากโอที คนหาเช้ากินค่ำ พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ก็ย่ำแย่ไปด้วย เพราะขายของไม่ได้ โจรผู้ร้ายชุกชุม ห้างสรรพสินค้า และบริษัทใหญ่ๆยอดขายตกกันเป็นแถว ทิศทางอนาคตของประเทศก็แย่ เพราะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาเลยตั้งแต่ต้นปี
"อย่างนี้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจะบอกว่าเศรษฐกิจฟื้นได้อย่างไร ดังนั้นจึงอยากให้รับสภาพความเป็นจริง และเร่งแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี ซึ่งหากมองไม่เห็นสภาพนี้ ก็ควรจะมีการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจใหม่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น" นายพิชัยกล่าว
นายพิชัย กล่าวต่อว่า อยากฝาก 5 คำถาม ไปยังรัฐบาลและทีมเศรษฐกิจให้ช่วยตอบ 1. การที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว ดังนั้นจึงไม่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่กำลังลำบากมาก เช่น เกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ พวกเขาจะอยู่กันอย่างไร
2. การที่กระทรวงคมนาคม มีแผนงานการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน แต่ทีมเศรษฐกิจกลับบอกว่าไม่มีเงิน ทั้งๆ ที่มีเงินล้นระบบธนาคารอยู่ในปัจจุบันถึง 8-9 แสนล้านบาท แสดงถึงความไม่มีประสิทธิภาพในวิธีคิดของทีมเศรษฐกิจหรือไม่
3. การขยายโรดแมปในการเลือกตั้งออกไปอีก จะมีผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศหรือไม่ จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจฟื้นช้า หรือทรุดตัวอีกหรือเปล่า
4. การที่ประธานกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญออกมาบอกว่า รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาให้อำนาจแก่ประชาชนทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น จะนำไปสู่ปัญหาความเชื่อมั่นเพิ่มเติมหรือไม่
5. ทิศทางอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร การสร้างความเชื่อมั่น การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจะเป็นอย่างไร เพราะเห็นแต่ได้ยินว่าฟื้นหรือไม่ฟื้น แต่ยังไม่เห็นบอกว่าอนาคตจะพัฒนาอย่างมั่นคงต่อไปได้อย่างไร
ดังนั้น จึงอยากให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลรับสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ เพื่อแก้ไขได้อย่างถูกวิธี การที่ ม.ร.ว ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ออกมาบอกว่า เศรษฐกิจฟื้นจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพิ่มขึ้น แต่กรมสรรพากรกลับบอกว่า จะเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าถึง 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการขัดแย้งกันอย่างชัดเจน หรือการที่บอกว่า เศรษฐกิจฟื้นจากเจริญเติบโตในไตรมาสแรก ที่ 3 % ทั้งๆ ที่โตมาจากฐานเดิมของปีที่แล้ว ที่ติดลบ แถมยังมีการเปลี่ยนวิธีการคำนวณใหม่ ซึ่งนักวิชาการยังสงสัย เพราะในไตรมาสแรกนี้ การส่งออกลดลงถึง - 4.65% และหากได้ สอบถามประชาชนจะพบว่า ยังลำบากมาก ชาวนาขายข้าวไม่ได้ราคา ชาวสวนยาง และสวนปาล์ม ต้องขาดทุนป่นปี้ ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูก แรงงานก็รายได้ลดเพราะขาดรายได้จากโอที คนหาเช้ากินค่ำ พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ก็ย่ำแย่ไปด้วย เพราะขายของไม่ได้ โจรผู้ร้ายชุกชุม ห้างสรรพสินค้า และบริษัทใหญ่ๆยอดขายตกกันเป็นแถว ทิศทางอนาคตของประเทศก็แย่ เพราะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาเลยตั้งแต่ต้นปี
"อย่างนี้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจะบอกว่าเศรษฐกิจฟื้นได้อย่างไร ดังนั้นจึงอยากให้รับสภาพความเป็นจริง และเร่งแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี ซึ่งหากมองไม่เห็นสภาพนี้ ก็ควรจะมีการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจใหม่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น" นายพิชัยกล่าว
นายพิชัย กล่าวต่อว่า อยากฝาก 5 คำถาม ไปยังรัฐบาลและทีมเศรษฐกิจให้ช่วยตอบ 1. การที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว ดังนั้นจึงไม่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่กำลังลำบากมาก เช่น เกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ พวกเขาจะอยู่กันอย่างไร
2. การที่กระทรวงคมนาคม มีแผนงานการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน แต่ทีมเศรษฐกิจกลับบอกว่าไม่มีเงิน ทั้งๆ ที่มีเงินล้นระบบธนาคารอยู่ในปัจจุบันถึง 8-9 แสนล้านบาท แสดงถึงความไม่มีประสิทธิภาพในวิธีคิดของทีมเศรษฐกิจหรือไม่
3. การขยายโรดแมปในการเลือกตั้งออกไปอีก จะมีผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศหรือไม่ จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจฟื้นช้า หรือทรุดตัวอีกหรือเปล่า
4. การที่ประธานกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญออกมาบอกว่า รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาให้อำนาจแก่ประชาชนทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น จะนำไปสู่ปัญหาความเชื่อมั่นเพิ่มเติมหรือไม่
5. ทิศทางอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร การสร้างความเชื่อมั่น การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจะเป็นอย่างไร เพราะเห็นแต่ได้ยินว่าฟื้นหรือไม่ฟื้น แต่ยังไม่เห็นบอกว่าอนาคตจะพัฒนาอย่างมั่นคงต่อไปได้อย่างไร