รักษาการรองโฆษกเพื่อไทย ฉะ “พระสุเทพ” รีบร้อนเขียนนิยายสรุปใครคาร์บอมบ์สมุย ท้าระบุชื่อ คนที่เขาเกี่ยวจะได้ฟ้องได้ถูก หรือไม่ก็ส่งชื่อให้เจ้าหน้าที่ แนะถือศีลให้ครบ 5 ข้อก่อน อย่าใช้ผ้าเหลืองระรานใส่ร้านคนอื่น สับ “สรรเสริญ” ยุติบิดเบือน การรันตี “พิชัย” เป็นทีมเศรษฐกิจพรรค แม้แต่ “มาร์ค” ก็ยังเห็นพ้องเศรษฐกิจวิกฤตจริง จวกรัฐอย่ายืมมือคอลัมนิสต์โจมตี ถ้าเรียกเข้าค่ายก็ต้องเอาหัวหน้าประชาธิปัตย์ไปด้วย
วันนี้ (15 เม.ย.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพระสุเทพ ปภากโร แกนนำ กปปส. ระบุว่าเหตุคาร์บอมบ์เป็นฝีมือของคนที่อยู่ต่างประเทศ รวมถึง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่พยายามอธิบายให้เชื่อมโยงกับบางฝ่ายว่า น่าแปลกใจที่ถึงวันนี้มือวางระเบิดคาร์บอมบ์ยังไม่ได้ตัว และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร แต่พระสุเทพกลับรีบร้อนออกมาเขียนนิยายสรุปทันทีว่าใครเป็นคนทำ หากพระสุเทพรู้ตัวว่าใครเป็นคนทำหรือจ้างวานให้ระบุชื่อมาเลย หากเกี่ยวข้องกับใครเขาจะได้ฟ้องร้องได้ถูก หรือหากมีข้อมูลจริงก็ควรส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร
“ขอยืนยันว่าพวกเราไม่มีใครจิตใจสกปรกทำร้ายประเทศได้แบบนั้น เรารู้สึกผิดหวังกับนิสัยโกหกถาวรของพระสุเทพตั้งแต่เป็นฆราวาส หวังว่าบวชแล้วจะเปลี่ยนนิสัย แต่เปล่าเลย การบวชไม่ช่วย ศีลพระ 227 ข้ออาจยากไป พระสุเทพควรเริ่มต้นในการรักษาศีล 5 ให้ได้ก่อน โดยเฉพาะศีลข้อ 4 คือไม่มุสารายวัน การใส่ร้ายผู้คนไม่ใช่กิจของสงฆ์ อย่าใช้สถานะพระหรือผ้าเหลืองมาระรานใส่ร้ายคนอื่น ส่วน พล.ต.สรรเสริญขอให้ยุติการบิดเบือนโดยใช้ความเชื่อส่วนตัว อยู่เหนือข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์ บ้านเมืองเราแตกแยกบอบช้ำมามาก การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่รัฐพึงต้องระมัดระวัง ถ้าแก้ขัดแย้งไม่ได้ก็อยู่เฉยๆ อย่าไปราดน้ำมันเข้าไปในกองเพลิงเสียเอง” นายอนุสรณ์กล่าว
นายอนุสรณ์ยังกล่าวถึงกรณีคอลัมนิสต์บางฉบับตั้งคำถามในลักษณะไม่มั่นใจในความเป็นทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าแทนที่รัฐบาลจะรับฟังสิ่งที่นายพิชัยเสนอซึ่งเป็นไปด้วยความปรารถนาดีเฉกเช่นนักวิชาการด้านเศรษฐกิจต่างๆ ที่ออกมา กลับให้คอลัมนิสต์ออกมาตั้งคำถามในทางไม่สร้างสรรค์ พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่านายพิชัยเป็นหนึ่งในทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยแน่นอน รวมถึงความคิดเห็นของนายพิชัยก็เป็นแนวทางที่หลายฝ่ายเห็นตรงกัน แม้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็เห็นเหมือนกันว่าเศรษฐกิจวิกฤตจริง นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลอาจผิดทิศผิดทาง หรือได้คนที่ไม่มีความรู้ความสามารถพอมาทำงาน ดังนั้น แทนที่จะร้อนรุ่มหงุดหงิดอารมณ์เสีย ควรรับฟังข้อเสนอแนะนั้นด้วยใจที่เป็นมิตร
นายอนุสรณ์กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอหรือชุดความคิดทฤษฎีต่างๆที่นายพิชัยเสนอ สังคมจะพิสูจน์เองว่าเป็นจริงหรือไม่ เป็นประโยชน์กับรัฐบาลหรือไม่ รัฐบาลไม่ชอบ ไม่ฟัง ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ควรยืมมือคอลัมนิสต์มาเขียน 7-8 บรรทัดเพื่อดิสเครดิตกัน หรือหากต้องเรียกนายพิชัยไปปรับทัศนคติอีกรอบ ต้องเรียกนายอภิสิทธิ์ไปด้วยเพราะเห็นว่าในขณะนี้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่าสองมาตรฐานตามเคย