xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่”เชียร์ไฟฟ้าถ่านหิน ต้นทุนถูกสุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (28พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. กล่าวถึงกรณีประชาชนคัดค้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหิน ว่า รู้หรือไม่ที่ต้องใช้ถ่ายหิน เพราะเป็นต้นทุนที่ถูกที่สุด และเป็นพลังงานที่ต่อเนื่อง มีใช้อีกเป็นล้านปี แต่เราต้องหาเทคโนโลยีมาให้ได้ ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งตนได้ไปดูการผลิตพลังงานไฟฟ้าถ่านหินที่ประเทศลาว ที่เพิ่งเปิด และไทยต้องรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากลาว ซึ่งเป็นข้อเสีย ถ้าไม่ซื้อไฟฟ้าก็ไม่รู้จะเอาที่ไหนมาใช้
ส่วนพลังงานลมบ้านเรามีไม่มากเพียงพอที่จะผลิตกระแสไฟฟ้า ขณะที่พลังงานแสงอาทิตย์ ก็ไม่มีแดดทั้งปี รวมถึงแบตเตอรี่ ก็ไม่เพียงพอ ไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ เพราะมีต้นทุนสูง คนจนไม่สามารถทำได้ และหากจะนำเข้าระบบ ก็จะต้องทำสายส่งเพิ่มขึ้น ก็ไม่สามารถทำได้
"วันนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ วันหน้าไม่มีไฟฟ้าใช้ก็อย่าบ่น และถ้าค่าไฟขึ้นราคา ก็อย่าบ่น ผมขอประกาศไว้วันนี้เลย ถ้าทำอะไรไม่ได้ ก็อย่าบ่น ถ้าน้ำมันขึ้นไปอีกที แค่นี้ก็ตายแล้ว ค่าไฟฟ้าก็ต้องขึ้นอีก โดนทุกเรื่อง จึงต้องมีมาตรการลดความเสี่ยง ถ้าวันนี้ยังทะเลาะกัน วันหน้าจะมีใครส่งมาให้เราไหม วันนี้ถ้าเขาปิดท่อ ก็เดือดร้อนกันหมด และปีหน้าก็จะยิ่งกว่าเดิม เพราะเขาจะลดการส่งแก็ส เข้ามา เพราะเขาก็จะไปพัฒนาประเทศของเขา จากที่ส่ง 50 ก็เหลือ 20 " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ในวันเดียวกันนี้ ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานก.พ. กลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตอนุรักษ์ป่าไม้ชนบทและเกษตรกรรม หมู่ที่ 6 ต.บ้านแลง อ.เมืองฯ จ.ระยอง จำนวน 50 คน นำโดย นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กรณีคัดค้านการก่อสร้างโกดังอุตสาหกรรมบนเขตอนุรักษ์และต้นน้ำ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากการที่ บริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตเม็ดพลาสติก เข้ามาทำการก่อสร้างในเขตอนุรักษ์ป่าไม้ อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม ซึ่งกลุ่มได้ดำเนินการคัดค้านมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 6 ต.บ้านแลง ถูกบริษัท ทีพีไอฯ ฟ้องร้องเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท ข้อหาพยายามขัดขวางการทำงาน ที่บริษัท ทีพีไอฯได้เข้ามาสร้างโครงการโกดังเก็บเม็ดพลาสติก และก่อสร้างสิ่งอื่นๆ ในเนื้อที่เริ่มต้น 156 ไร่ ซึ่งเป็นการปิดกั้นทางน้ำของหมู่บ้าน เปลี่ยนลำรางสาธารณะ ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่ใช้ในการเกษตรของหมู่บ้าน โดยที่ผ่านมาชาวบ้านรวมกลุ่มกันชุมนุมขัดขวางการก่อสร้างอยู่บนทางหลวงชนบทด้านหน้า และไม่เคยเข้าใกล้เขตก่อสร้าง แต่เมื่อวันที่17 มี.ค. 57 ชาวบ้าน 2 ราย ถูกรุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัส และถูกข่มขู่จากกลุ่มอันธพาล แต่เมื่อไปแจ้งความ กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม เมื่อชาวบ้านร้องเรียนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทุกหน่วยงานใน จ.ระยอง คำตอบคือ ชาวบ้านวิตกจริต ซึ่งคิดว่าควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่ดูแลด้านป่าต้นน้ำ หรือด้านที่ได้รับผลกระทบพิจารณาและยุติการก่อสร้างในช่วงเวลาก่อนประกาศใช้ผังเมือง เพื่อให้ผังเมืองคงไว้ซึ่งเจนารมย์และวัตถุประสงค์ในการใช้ผังเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น