พลังงานบริสุทธิ์ ผู้นำแห่งพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ทำให้ผิดหวัง โชว์ผลงานไตรมาสแรกกำไรสุทธิถึง 580 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นกว่า 26% หลังโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ลำปาง เริ่มขายไฟได้ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลให้สัดส่วนกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มเป็น 90% ผู้บริหารมั่นใจไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง ประกอบกับแผนรุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และลมในปีนี้มูลค่า 18,000 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าหนุนการเติบโตแข็งแกร่งในอนาคต ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีเติบโตไม่น้อยกว่า 30%
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจผลิต และจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลและกลีเซอรีน รวมถึงธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของบริษัทฯ ว่า ในไตรมาส 2/2558 มีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากกรมธุรกิจพลังงานได้ออกประกาศ เรื่องกำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 3 เมษายน 2558 ให้ปรับเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันใน น้ำมันดีเซลหมุนเร็วกลับมาเป็นร้อยละ 7 โดยผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายนนี้แล้ว จึงส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการจำหน่ายในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา
ประกอบกับปัจจุบันนี้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 แห่ง รวม 188 เมกะวัตต์ ซึ่งนอกจากกำลังการผลิตที่สูงขึ้นจากในช่วงที่ผ่านมาแล้ว บริษัทฯ ยังมีจุดเด่นจากเทคโนโลยีการติดตั้งโรงไฟฟ้าขนาด 90 เมกะวัตต์ จ.ลำปาง ที่มีความทันสมัยที่สุด ด้วยระบบปรับทิศทางการรับแสงอาทิตย์ได้ทำให้รายได้มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาก และภาพการเติบโตของรายได้ และกำไรจะแสดงให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นใน ไตรมาส 2/2558 นี้เป็นต้นไป เพราะจะเป็นการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นแบบเต็มไตรมาสจากโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย งวดไตรมาส 1/2588 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558) มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,013 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,090 ล้านบาท หรือลดลง 4 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่สามารถทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 580 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 460 ล้านบาท คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 120 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์
ด้านธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าประสบผลสำเร็จด้วยดี โดยมีรายได้ในไตรมาสแรกอยู่ที่ 771 ล้านบาท สูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 43 เนื่องมาจากเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดดำเนินงานในเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าขนาด 90 เมกะวัตต์ จ.ลำปาง รายได้จึงเพิ่มขึ้น
สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลและกลีเซอรีนนั้น มีรายได้อยู่ที่ 1,231 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 240 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปัจจัยด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลที่ในไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 35.22 ล้านลิตร ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 41.51 ล้านลิตร และมีปริมาณการจำหน่ายกลีเซอรีนบริสุทธิ์ในไตรมาสนี้ได้ 3.75 ล้านกิโลกรัม รายได้จากธุรกิจนี้ได้รับผลกระทบจากการที่กรมธุรกิจพลังงานได้ออกประกาศ เรื่องกำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2558 ให้ปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 3.5 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2558 ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลของบริษัทฯ ลดลง อย่างไรก็ตาม จากนโยบายของกรมพลังงานฉบับใหม่ ส่งผลให้ในช่วงต่อจากนี้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลจะมีทิศทางที่ดีขึ้น
“ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไบโอดีเซล 70% และจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 30% แต่มีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าถึง 90% และสัดส่วนจากธุรกิจไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นตามความสำเร็จของโครงการที่บริษัทฯ ทยอยก่อสร้าง และรับรู้รายได้ในแต่ละปี จึงมุ่งขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่ม ล่าสุด อยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าขนาด 90 เมกะวัตต์ ที่ จ.พิษณุโลก ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีระบบปรับทิศทางการรับแสงอาทิตย์เช่นกัน และลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดรวม 126 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยที่ จ.นครศรีธรรมราช 2 โครงการ และ จ.สงขลา อีก 1 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้นในปีนี้ประมาณ 18,000 ล้านบาท สนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ซึ่งในเบื้องต้น ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้จะโตไม่น้อยกว่า 30%” นายอมร กล่าว