xs
xsm
sm
md
lg

ดอลล่าร์กดดัชนีฯฟื้นในกรอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - วิกฤตหนี้กรีซ ประกอบกับดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่องกดดันการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มพลังงาน นักวิเคราะห์คาดดัชนีหุ้นไทยฟื้ตัวในกรอบจำกัด บล.โกลเบล็กแนะรอสะสมหุ้นแถว 1,460 -1,480 จุด แนะกลุ่มอาหาร -อิเล็คทรอนิคส์-รับเหมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 ปิดที่ 1,500.84จุด เพิ่มขึ้น 2.86จุด มูลค่าการซื้อขาย 31,750.70ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิการไทย ระบุ ดัชนีตลาดหุ้นวานนี้ถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นใหญ่ในกลุ่ม Energy, Bank และ Healthcare โดยตลอดทั้งวันมูลค่าการซื้อขายยังคงซบเซาโดยไม่มีหุ้นตัวใดซื้อขายเกินกว่า 1 พันล้านบาท

พร้อมคาดการณ์ดัชนีวันนี้ (28 พ.ค.) ฟื้นตัวในกรอบไม่เกิน 1,500-1,505 จุด ปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นกรณีวิกฤตหนี้กรีซ และ การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะการจำกัดการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มพลังงาน ทำให้ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวจำกัดในกรอบจำกัด และมีโอกาสอ่อนตัวลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค อย่างไรก็ตามน่าจะยังคงมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นขนาดกลาวง-เล็กเป็นรายตัวได้ โดยดัชนีมีแนวรับ 1,487 จุด และแนวต้าน 1,505 จุด

จึงยังคงคำแนะนำ “เก็งกำไรแบบมี stop loss" เมื่อตลาดอ่อนแอและหลุด 1,500 จุดเร็วกว่าคาด ควรเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นที่มีประเด็นบวก หรือทยอยสะสมหุ้นที่ปลอดภัย ปันผลสูง ที่มีผลการดำเนินงานฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งปีหลัง โดยประเมินจังหวะซื้อที่ดีในช่วงกลาง มิ.ย.เป็นต้นไป

ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,460-1,480 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ๆสนับสนุน อีกทั้งยังมีปัจจัยลบกดดัน อาทิ ความกังวลการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซต่อ IMF ราว 1,600 ล้านยูโรในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งกรีซยอมรับว่าไม่มีเงินเพียงพอซึ่งต้องรีบเจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้ เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่ รวมทั้งความกังวล FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยความกังวลในเรื่องของ NPL และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กดดันต่อ NIM ของกลุ่มธนาคาร รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจน 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลลงมา อย่างไรก็ตามมีสัญญาณบวกจากนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาลงทุนต่อเนื่องในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าราว 7.3 พันล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐบาลเร่งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ครม.เห็นชอบยุทธ์ศาสตร์ร่วมทุน ระหว่างภาครัฐ และเอกชน เป็นระยะ 5 ปี ในวงเงินที่ระดับ 1.41 ล้านล้าน โดยเน้นให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมไฟเขียวบันทึกความร่วมมือกับญี่ปุ่น ศึกษาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และยังมีมติอนุมัติโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่หลายรายการ อาทิ รถไฟ 3 เส้นทางกับญี่ปุ่น โครงการท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบ
ทั้งนี้แนะนำกลยุทธ์การลงทุน หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ย่อตัวลงมาใกล้เขต Oversold แล้ว 30%จึงให้รอเข้าซื้อช่วงอ่อนตัวบริเวณ 1,460 -1,480 จุด โดย Selective Buy กลุ่มที่มีประเด็นบวกรองรับ เช่น กลุ่มอาหาร , อิเล็คทรอนิคส์ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้รับอานิสงส์จากบิ๊กโปรเจ็กต์ของรัฐบาล และกลุ่ม Finance (เช่าซื้อ) ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธพ.
กำลังโหลดความคิดเห็น