xs
xsm
sm
md
lg

บล.โกลเบล็ก ชี้ดัชนีหุ้นไทยยังแกว่งตัวในกรอบแคบ ลุ้นปัจจัยบวกหนุนหุ้นขึ้น แนะกลุ่มอาหาร-อิเล็กทรอนิกส์-รับเหมา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล. โกลเบล็ก ลุ้นหุ้นไทยยังทรงตัวในกรอบแคบ แนะกลยุทธ์การลงทุนสะสมหุ้นในกรอบแนวรับที่ 1,460-1,480 จุด ชูกลุ่มอาหาร, อิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้รับอานิสงส์จากบิ๊กโปรเจกต์ของรัฐบาล และกลุ่ม Finance (เช่าซื้อ) ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ส่วนกลยุทธ์ลงทุนทองแนะสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series เมื่อยืนเหนือแนวรับ 1,175 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และ Cut Loss ทันทีเมื่อหลุดแนวรับ

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,460-1,480 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ สนับสนุน อีกทั้งยังมีปัจจัยลบกดดัน เช่น ความกังวลการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซต่อ IMF ราว 1,600 ล้านยูโรในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งกรีซยอมรับว่า ไม่มีเงินเพียงพอซึ่งต้องรีบเจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่ รวมทั้งความกังวล FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้

ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยความกังวลในเรื่องของ NPL และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กดดันต่อ NIM ของกลุ่มธนาคาร รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงจนเหลือ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลลงมา อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบวกจากนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาลงทุนต่อเนื่องในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าราว 7.3 พันล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐบาลเร่งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ครม.เห็นชอบยุทธศาสตร์ร่วมทุนระหว่างภาครัฐ และเอกชน เป็นระยะ 5 ปี ในวงเงินที่ระดับ 1.41 ล้านล้านบาท โดยเน้นให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมไฟเขียวบันทึกความร่วมมือกับญี่ปุ่น ศึกษาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และยังมีมติอนุมัติโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่หลายรายการ เช่น รถไฟ 3 เส้นทางกับญี่ปุ่น โครงการท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง

ส่วนปัจจัยน่าจับตาในต่างประเทศ คือ การเปิดเผยตัวเลขของผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนเมษายน สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ และประมาณการครั้งที่ 2 GDP ในไตรมาส 1/2558 และญี่ปุ่นจะมีการแจ้งตัวเลขยอดค้าปลีกเบื้องต้นเดือนเมษายน พร้อมข้อมูลการนำเข้า-ส่งออก ส่วนปัจจัยในประเทศ การรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนของ ธปท. ร่วมทั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนัดประชุมใหญ่เพื่อเตรียมลงพื้นที่เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด แนะนำกลยุทธ์การลงทุน หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ย่อตัวลงมาใกล้เขต Oversold แล้ว 30% จึงให้รอเข้าซื้อช่วงอ่อนตัวบริเวณ 1,460-1,480 จุด โดย Selective Buy กลุ่มที่มีประเด็นบวกรองรับ เช่น กลุ่มอาหาร, อิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้รับอานิสงส์จากบิ๊กโปรเจกต์ของรัฐบาล และกลุ่ม Finance (เช่าซื้อ) ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์

ด้านนักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ ประเมินแนวโน้มการลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้ว่า ราคาทองคำปรับตัวลงตามเงินยูโรที่อ่อนค่าลง เนื่องจากความกังวลเรื่องกรีซที่หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้ก่อนวันที่ 5 มิถุนายน และกรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้กับ IMF มูลค่า 305 ล้านยูโร นอกจากนี้ เงินยูโรอ่อนค่าลงต่อหลัง ECB เตรียม front load โครงการซื้อสินทรัพย์หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน เพื่อหนุนสภาพคล่องที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงในช่วงวันหยุดฤดูร้อนกลางปีนี้

สำหรับสหรัฐฯ เอง หลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในปีนี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งล่าสุด ข้อมูลเศรษฐกิจสดใสจากรายงานยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 6.8% ในเดือนเมษายน จากดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในเดือนมีนาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 95.4 ในเดือนพฤษภาคม ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และหนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ มากขึ้น สร้างแรงหนุนต่อเงินดอลลาร์สหรัฐให้แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนทองคำ โดยแนะนำเปิดสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series หากปรับลงไม่ต่ำกว่าแนวรับ 1,175 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และหากราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,175 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ให้ Cut Loss หรือกลับมาเปิดสถานะ Short Gold Futures แทน โดยให้แนวต้าน 1,210 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
กำลังโหลดความคิดเห็น