หุ้นปิดลบ 21 จุด คาดไร้ปัจจัยใหม่หนุน นักลงทุนรอผล 19 พ.ค. จะมีการทำประชามติ ปชช. ต่อร่าง รธน.ใหม่หรือไม่ ขณะที่การไหลออกของเงินทุนเคลื่อนย้ายยังกดดันตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง แม้เห็นต่างชาติชะลอการขายหุ้นไทยลง แต่ยังเห็นการขายหนักในตลาด พันธบัตร ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 พ.ค.) ปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,498.31 จุด ลดลง 21.57 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.42% มูลค่าการซื้อขาย 45,958.60 ล้านบาท โดยภาพรวมในวันนี้ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,521.86 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,498.31 จุด
ด้านสัดส่วนการลงทุน สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,274.68 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 901.12ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 31.75 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศ ขายสุทธิ 341.81ล้านบาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงตามคาด หลังหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,512 จุด และหลุดแนวรับที่ 1,500 จุด และมีโอกาสปรับลงไปที่ 1,485 จุด เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังไร้ปัจจัยหนุน ขณะที่ตลาดยังรอปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วันที่ 19 พฤษภาคม 2558 จะมีการทำประชามติขอความเห็นประชาชนต่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ รวมถึงประเด็นหนี้ของกรีซวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 นี้ รวมทั้งการไหลออกของเงินทุนเคลื่อนย้ายยังกดดันตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง แม้เห็นต่างชาติชะลอการขายหุ้นไทยลง แต่ยังเห็นการขายหนักในตลาดพันธบัตร ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบราวเกือบ 1% หลักๆ จะมาจากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เทรดอยู่ในระดับที่สูงไป ซึ่งถ้ามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วระบบการเงินอาจจะปั่นป่วนได้
ขณะเดียวกัน ในเรื่องของกรีซยังไม่มีความคืบหน้า และใกล้ครบกำหนดชำระหนี้ในวันที่ 12 พ.ค.นี้แล้ว ซึ่งจะต้องติดตามดูว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง แม้ว่ากรีซจะมีการชำระดอกเบี้ย 200 ล้านยูโรให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แล้ว แต่ก็ยังมีส่วนที่เหลือที่จะต้องชำระอีก ซึ่งก็มีจำนวนที่มากกว่าส่วนที่ชำระไปแล้ว
นอกจากนี้ เงินบาทอ่อนค่าลงค่อนข้างมากจึงทำให้มีแนวโน้มที่นักลงทุนจะต่างชาติจะขายสุทธิในวันนี้
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.) คาดว่า ดัชนีที่ระดับ 1,500 จุด ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญ ถ้ายืนอยู่ได้ดัชนีฯ ก็มีโอกาสที่จะรีบาวนด์ขึ้นได้ พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,485 จุด ส่วนแนวต้าน 1,515-1,520 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 4,581.78 ล้านบาท ปิดที่ 10.90 บาท ลดลง 0.70 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 3,190.99 ล้านบาท ปิดที่ 19.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
SLP มูลค่าการซื้อขาย 2,781.90 ล้านบาท ปิดที่ 2.16 บาท เท่ากับราคาขาย IPO
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,859.79 ล้านบาท ปิดที่ 202.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,476.60 ล้านบาท ปิดที่ 359.00 บาท ลดลง 3.00 บาท